สรุปหุ้น SAWAD ทำไมราคาร่วง -58% ภายใน 6 เดือน
สรุปหุ้น SAWAD ทำไมราคาร่วง -58% ภายใน 6 เดือน
P/E 6 เท่า เพียงพอหรือยังที่จะเป็นโอกาส ?
.
ย้อนอดีตกลับไป นักลงทุนมักจะมองว่าหุ้นกลุ่มแบงก์ เป็นธุรกิจกลุ่มการเงินที่ไม่ค่อยโต
ทำให้ไม่น่าสนใจในการลงทุนระยะยาว แต่ไม่ใช่สาย Non-Bank ที่เป็น Growth Stock
โดยเฉพาะกลุ่มลีซซิ่งสินเชื่อรถ ที่นักลงทุนมองว่าโตแรงและเร็ว กลายมาเป็นดาวเด่นในตลาดหุ้นอยู่ช่วงหนึ่ง
.
แต่ในช่วงหลังหุ้นลีซซิ่งโดนเทขายอย่างหนัก โดยเฉพาะบริษัท ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SAWAD ที่ปรับตัวลงกว่า -58% ภายใน 6 เดือน จากระดับราคาที่เคยสูงถึง 77 บาท มาเหลือเพียง 16 บาทต้นๆ
จนทำให P/E อยู่ที่ 5 เท่า P/BV อยู่ที่ 0.7 เท่า เลยทำให้เกิดคำถามขึ้นว่าเป็นโอกาสแล้วหรือยัง
วันนี้ Stock2morrow จะเล่าให้ฟัง
.
สาเหตุที่หุ้น SAWAD ปรับตัวลงน่าจะมาจากเหตุผล 2 ข้อด้วยกัน คือ
1. ผลประกอบการที่ไม่เติบโตอย่างที่คาดหวัง
ปี 2564 บริษัทมีกำไรสุทธิ 4.72 พันล้านบาท
ปี 2565 บริษัทมีกำไรสุทธิ 4.47 พันล้านบาท
ปี 2566 บริษัทมีกำไรสุทธิ 5.00 พันล้านบาท
ปี 2567 บริษัทมีกำไรสุทธิ 5.05 พันล้านบาท
หรืออย่างผลประกอบการล่าสุด Q1/2568 ผลประกอบการต่ำคาด -10%QoQ -12%YoY
มาอยู่ที่ 1.10 พันล้านบา ทำให้บทวิเคราะห์ต่างทยอยปรับเป้าลงมา
และคาดว่าทั้งปี เป้าสินเชื่อน่าจะลดลงประมาณ 5-10%
.
2. แบงก์ชาติ มีการควบคุมสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์และรถมอเตอร์ไซด์ ต้องเข้ามาอยู่ภายใต้การกำกับดูแล
จากเดิมที่ค่อนข้างอิสระ ปล่อยยังไง ปล่อยใครก็ได้ และดอกเบี้ยอยู่ในเรทที่สูง
แต่ตอนนี้แบงก์ชาติหันมาควบคุมเข้มงวดมากขึ้น กระบวยนการมากขึ้น ปล่อยยากขึ้น ดอกเบี้ยถูกควบคุม
ส่งผลให้กำไรที่คาดว่าจะได้มากๆ ก็น่าจะลดลง
จากเหตุผลที่กล่าวมา เป็นสาเหตุที่ทำให้หุ้น SAWAD ปรับตัวลงอย่างมาก
.
คำถาม คือ ณ เวลานี้ เป็นโอกาสแล้วหรือยัง ?
ถ้าเราอ่านจากบทวิเคราะห์ และมองภาพรวมๆจะสามารถแบ่งออกมาได้เป็น 4 หัวข้อหลักๆ คือ
1. หนี้เสียสูงขึ้น กำไรอาจไม่สดใสในครึ่งปีแรก
ปัญหาหลัก คือ SAWAD มีหนี้เสีย (NPL) สูงถึง 25% ในไตรมาส 1/2568 (จาก 29% ในไตรมาส 1/2567) ซึ่งสูงมาก ผู้บริหารยอมรับว่าที่ผ่านมาปล่อยกู้เยอะไปหน่อย ทำให้ต้องตั้งสำรองหนี้เสียสูงมาก
แต่บริษัทเริ่มคุมเข้มการปล่อยสินเชื่อตั้งแต่ไตรมาส 2/2568
ส่งผลให้กำไรปี 2568 อาจลดลง 12.7% เหลือ 4.4 พันล้านบาท โดยครึ่งปีแรกกำไรอาจไม่ดีนัก เพราะดอกเบี้ยสูงขึ้นและรายได้อื่นลดลง
.
2. ธุรกิจเช่าซื้อเริ่มดีขึ้น
การปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อลดลง และการยึดรถก็ลดลงอย่างชัดเจน (เหลือ 200-250 คันต่อเดือน จากเดิม 292-361 คัน)
SAWAD ลดสัดส่วนเงินกู้ต่อมูลค่าหลักประกัน (LTV) และค่าคอมมิชชั่น เพื่อคุมค่าใช้จ่าย
ทั้งนี้ ผู้บริหารคาดว่าธุรกิจเช่าซื้อจะดีขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง
.
3. ผู้บริหารมองว่า สภาพคล่องของบริษัทยังดี
โดย SAWAD กำลังอยู่ในช่วงต่อหุ้นกู้ในช่วงปลายเดือนกรกฏาคม มูลค่า 5 พันล้านบาท และกระแสตอบรับดี
แม้หนี้เสียสูง แต่ธนาคารพาณิชย์ยังคงปล่อยสินเชื่อให้ SAWAD แสดงว่าธนาคารยังเชื่อมั่นในความสามารถของบริษัท
.
4. ครึ่งปีหลัง 2568 มีลุ้นกำไรฟื้นตัว
ผู้บริหารมองว่ากำไรจะดีขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง 2568 จากการเติบโตของสินเชื่อที่ดีขึ้น และผลลัพธ์ที่ดีจากการควบคุมต้นทุนในธุรกิจเช่าซื้อ
.
สรุปแล้ว SAWAD กำลังมีพัฒนาการที่ดี้นไม่ว่าจะเป็นการแก้ไขปัญหาหนี้เสีย และปรับโครงสร้างธุรกิจ
การที่ P/E ต่ำ ทำให้ดูน่าสนใจ แต่เราอาจจะต้องระมัดระวังความเสี่ยงในเรื่องของการแก้ปัญหาได้ช้า หนี้เสียยังสูง อาจจะกระทบกับผลประกอบการในระยะยาวได้
และที่สำคัญ คือ การควบคุมของแบงก์ชาติ อาจจะทำให้ระยะยาวแล้วหุ้นกลุ่มลีซซิ่งไม่ได้เติบโตแรงเหมือนเดิม
แต่เราต้องไม่ลืมว่า ราคาหุ้นปรับตัวลงมาแรงและเร็ว จน P/E เหลือ 5 เท่า ถ้ากำไรอาจจะลดลงบ้างอาจจะทำให้ P/E เพิ่มขึ้นมา 7-8 เท่า ก็อาจจะเรียกว่าอยู่ในโซนที่ไม่แพงอยู่ดี
.
หมายเหตุ บทความนี้ไม่ได้เป็นการเชียร์ซื้อหรือขายหุ้นแต่อย่างใด
การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลให้ดีก่อนการตัดสินใจลงทุน
#Stock2morrow #สื่อสถาบันความรู้และสังคมของนักลงทุน #SAWAD #SET #ตลาดหุ้นไทย