โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไลฟ์สไตล์

ชมว่าทำงานเก่ง แต่ไม่เห็นให้เราเติบโต รับมืออย่างไรเมื่อหัวหน้าไม่เคยโปรโมตตำแหน่งให้เลย

The MATTER

อัพเดต 23 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 21 ชั่วโมงที่ผ่านมา • Lifestyle

ทำงานมาหลายปี แต่ไม่มีทีท่าว่าหัวหน้าจะปรับตำแหน่งให้เลย

ในฐานะคนทำงาน เข้าใจดีว่าจำนวนปีที่เพิ่มขึ้นไม่ได้การันตีว่าจะได้เลื่อนขั้นปรับตำแหน่งเสมอไป แต่นอกจากเรื่องนั้นแล้ว เมื่อเอาผลงานที่ผ่านมากางดู เราก็มั่นใจว่าอยู่ในเกณฑ์ดีมาตลอด ไม่เคยมีเรื่องผิดพลาดใหญ่ๆ ให้ทีมต้องปวดหัวสักครั้ง ทั้งๆ ที่ทุกอย่างก็ดูเหมือนจะราบรื่นไปได้แท้ๆ แต่ยิ่งทำงานนานเท่าไหร่ เรากลับรู้สึกเหมือนไม่เติบโตขึ้นเลย งานเดิม ตำแหน่งเดิมอยู่อย่างนั้น จนอดสงสัยไม่ได้ว่านี่เราทำอะไรผิดพลาดไปหรือเปล่า

เมื่อลองมาทบทวนดูอีกที จะว่ามีปัญหากับหัวหน้าก็ไม่ใช่ เพราะเราเองก็ได้รับความไว้วางใจจากเขาอยู่เสมอ เวลาต้องการความช่วยเหลือเขาก็ยื่นมือเข้ามาช่วย แทบเป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะไม่เห็นความสามารถของเรา แต่ทำไมกันนะ เขาไม่เคยถามไถ่ความต้องการหรือหยิบยื่นโอกาสให้เราได้เติบโตบ้างเลย เหมือนพอใจที่มีเราคอยช่วยอยู่ข้างๆ มากกว่า

เรากำลังเจอหัวหน้าที่กำลังขัดขวางไม่ให้เราก้าวหน้าอยู่หรือเปล่า? วันนี้เราชวนไปรู้จักหัวหน้าประเภทนี้กันให้มากขึ้น มีเหตุผลอะไรที่เขาต้องเก็บเราไว้บ้าง แล้วถ้าเจอเหตุการณ์นี้อยู่เราควรรับมือยังไงดี

รู้จักหัวหน้าที่ฉุดรั้งไม่ให้เราเติบโต

การมีหัวหน้าที่ดีคงเป็นความปรารถนาของคนทำงานหลายคน เพราะนอกจากจะช่วยให้การทำงานราบรื่นแล้ว การมีหัวหน้าดีๆ ยังช่วยให้เราค้นพบศักยภาพตัวเอง เพื่อให้เราได้ใช้จุดแข็งได้อย่างเต็มที่ แถมคอยผลักดันให้เราเติบโตในสายอาชีพนี้ต่อไปอีกด้วย

อย่างไรก็ตาม โอกาสที่เราจะเจอหัวหน้าดีๆ แทบจะเหมือนกับการถูกลอตเตอรี่ เพราะไม่ใช่หัวหน้าทุกคนจะเป็นอย่างที่เราคาดหวังไว้เสมอไป ยังมีหัวหน้าบางประเภทที่นอกจากไม่ช่วยให้การทำงานง่ายขึ้นแล้ว ยังขัดขวางไม่ให้เราเติบโต จนเรารู้สึกสิ้นหวังกับงานที่ทำอยู่ซ้ำแล้วซ้ำเล่า

หัวหน้าที่คอยฉุดรั้งไม่ให้เราเติบโต ส่วนใหญ่มักเกิดขึ้นกับหัวหน้าที่เป็นพิษ ซึ่งบางครั้งเราก็อาจไม่ทันรู้ตัว เพราะมาในรูปแบบของหัวหน้าทั่วไปที่คอยช่วยเหลือเราเป็นปกติ แต่เราอาจสังเกตได้จากสัญญาณต่อไปนี้ เช่น ไม่เคยถามถึงเป้าหมายอาชีพของเรา ไม่ให้เข้าร่วมกับทีมอื่น ปิดกั้นโอกาสที่ทำให้เราก้าวหน้า แอบอ้างผลงานเป็นของตัวเอง หรือไม่มอบหมายงานใหม่หรืองานที่ท้าทายความสามารถ หากเคยเจอหนึ่งในสถานการณ์เหล่านี้ก็เป็นไปได้ว่าเรากำลังเจอหัวหน้าที่ไม่จริงใจอยู่

ทั้งที่การผลักดันลูกน้องเติบโตน่าจะเป็นหนึ่งในหน้าที่ของหัวหน้า แถมยังมีข้อดีมากมายที่ช่วยให้งานมีประสิทธิภาพมากขึ้น แต่ทำไมหัวหน้าหลายคนถึงยังต้องเก็บลูกน้องไว้ไม่ให้เติบโตนะ

อันที่จริงมีหลากหลายเหตุผลที่หัวหน้าเลือกเก็บลูกน้องไว้ โทมัส ชามอร์โร-เปรมูซิช (Tomas Chamorro-Premuzic) ศาสตราจารย์ด้านจิตวิทยาธุรกิจที่ University College London (UCL) และ ศาสตราจารย์พิเศษมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย ได้อธิบายไว้ใน Fast Company สื่อด้านธุรกิจของอเมริกา ไว้หลายข้อ เช่น

เก็บไว้ให้ช่วยงาน : เมื่อใดก็ตามที่มีการวัดผลการทำงานของทีม หลายครั้งมักพบว่าผลลัพธ์ที่ได้มักมาจากคนทำงานเพียงไม่กี่คน ซึ่งโดยปกติแล้วคนเหล่านี้มักมีความโดดเด่น และถูกเลือกให้เลื่อนขั้น แต่ในการทำงานที่เป็นพิษอาจไม่เป็นอย่างนั้น เพราะยิ่งโดดเด่นมากเท่าไหร่ บางครั้งก็อาจยิ่งทำให้หัวหน้ารู้สึกอิจฉา หรือถูกคุกคาม หากปล่อยให้มีการเลื่อนตำแหน่งก็อาจส่งผลเสียต่อทีม หรือทำให้ความสำเร็จของหัวหน้าลดน้อยลงไปด้วย ดังนั้น หัวหน้าเหล่านี้จึงต้องพยายามขัดขวางไม่ให้ลูกน้องคนนั้นก้าวหน้า เพื่อแลกกับผลประโยชน์ของตัวเอง

เจ้านายไม่ยอมสู้เพื่อเรา: หัวหน้าบางคนไม่ได้ตั้งใจขัดขวางความก้าวหน้าของเราจริงๆ ในใจลึกๆ ก็ยังเห็นคุณค่าในตัวเรา หรือไม่ได้เห็นแย้งเรื่องการเลื่อนตำแหน่ง แต่เพราะเชื่อว่าผลงานสามารถเป็นเครื่องพิสูจน์ความสามารถ จึงทำให้เขาไม่ได้พยายามผลักดัน หรือเสนอให้เราเลื่อนตำแหน่ง ในขณะที่หัวหน้าคนอื่นๆ อาจออกหน้าช่วยให้ลูกน้องในทีมได้โปรโมต หรือก้าวหน้าในหน้าที่การงานมากกว่า จนอาจทำให้เราพลาดโอกาสที่จะได้เติบโตไปด้วย

การเมืองในองค์กร: อีกเหตุผลหนึ่งซึ่งไม่เกี่ยวกับความสามารถของเราโดยตรง แต่เป็นเพราะเรื่องการเมืองในองค์ที่เขากำลังเล่นเกมกัน เพื่อดึงอำนาจ สถานะ และทรัพยากร โดยใช้เราเป็นเครื่องมือ เช่น ไม่อยากให้เราย้ายไปอยู่กับผู้จัดการคนใหม่ ซึ่งอาจเป็นศัตรูหรือคู่แข่งของเขา เลยต้องเก็บเราไว้ เพราะไม่อยากเสียหน้าเอง

จะเห็นว่าบางครั้งการที่เราไม่ได้เลื่อนตำแหน่ง อาจไม่ใช่เพราะความสามารถของเราเสมอไป แต่ยังเป็นเพราะผลประโยชน์และการเมืองภายในบริษัท ที่เชื่อว่าการเก็บเราไว้นอกจากไม่ต้องเสี่ยงทำให้งานแย่ลงแล้ว การไม่ปล่อยเราไปยังเป็นประโยชน์กับพวกเขามากกว่า จึงอาจทำให้เราพลาดโอกาสจะได้เติบโต หรือได้ใช้ศักยภาพของตัวเองอย่างเต็มที่โดยไม่รู้ตัว

แม้จะบอกว่าไม่เกี่ยวกับความสามารถ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าการไม่ได้เลื่อนขั้น หรือเติบโตในหน้าที่การงานก็ส่งผลต่อจิตใจของคนทำงานไม่น้อย หลายครั้งการเลื่อนขั้นมักถูกมองว่าเป็นยอมรับทักษะ และความพยายามที่เราได้ทุ่มเทลงไปให้กับองค์กร ซึ่งหากความพยายามเหล่านั้นถูกมองข้ามไป ก็อาจทำให้เราหมดแรงจูงใจในการทำงาน และสงสัยในความสามารถของตัวเอง ว่าเราดีไม่พอ เก่งไม่พอหรือเปล่า เมื่อสภาพจิตใจไม่พร้อมก็ย่อมส่งผลต่อคุณภาพงานอย่างเลี่ยงไม่ได้

ทำยังไงเมื่อเราถูกเก็บไว้ไม่ให้เติบโต

หากใครเคยเผชิญกับสถานการณ์แบบนี้คงเข้าใจดีว่า เหตุการณ์นี้ส่งผลกระทบต่อสภาพจิตใจของคนทำงานอย่างมาก เพราะให้ความรู้สึกเหมือนกำลังติดหล่ม ไม่สามารถขยับหรือก้าวหน้าไปไหนได้ หากไม่ได้รับการแก้ไข สุดท้ายอาจนำไปสู่การตัดสินใจลาออกอย่างกะทันหัน โดยไม่ได้วางแผนล่วงหน้าได้

แต่ก่อนจะไปถึงขั้นนั้น เรามาลองดูกันก่อนว่ามีอะไรที่พนักงานอย่างเราทำได้บ้าง ไฮดี้ ลินน์ เคอร์เตอร์ (Heidi Lynne Kurter) ผู้เชี่ยวชาญฝ่ายทรัพยากรบุคคล แนะนำไว้ว่า

เก็บหลักฐานอย่างละเอียด

ก่อนเริ่มพูดคุยกับหัวหน้า อย่าลืมเก็บหลักฐานไว้ใช้อ้างอิงประกอบด้วย เพื่อเป็นเครื่องยืนยันว่าเราสมควรได้รับการเลื่อนตำแหน่งโดยเริ่มจากการสร้างโฟลเดอร์ส่วนตัวไว้เก็บผลงานของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็น ผลการประเมินประจำปี ตัวเลขยอดขาย คำชมลูกค้า สกรีนช็อตการสนทนาคุณกับหัวหน้า หรือไอเดียที่เคยเสนอในที่ประชุมกับผู้จัดการ เพื่อให้คำพูดของเรามีน้ำหนักมากขึ้น

นัดคุยแบบตัวต่อตัวกับหัวหน้า

หลังรวบรวมหลักฐานแล้ว ต่อไปลองนัดคุยแบบตัวต่อตัวกับหัวหน้า โดยระหว่างพูดคุยพยายามควบคุมอารมณ์ของตัวเองเอาไว้ แม้เขาจะโต้กลับหรือป้องกันตัว เรื่องที่คุยเน้นไปที่เรื่องงาน เช่น สิ่งที่เราอยากเรียนรู้ เป้าหมาย หรือตัวอย่างเหตุการณ์ที่เรารู้สึกว่าไม่ได้รับการสนับสนุน แล้วมันส่งผลกับเรายังไง ปิดจบอย่าลืมขอให้เขาช่วยวางแผนเส้นทางการเติบโตของเราด้วยนะ เช่น ต้องทำโปรเจ็กต์ไหนเพิ่ม หรือมีขั้นตอนต่อไปยังไง ใช้เวลาเท่าไหร่ เขียนใส่อีเมลเก็บไว้เป็นหลักฐานให้ชัดเจน

แม้จะเป็นเรื่องยากที่เราต้องไปพูดเรื่องนี้กับหัวหน้าโดยตรง เพราะวัฒนธรรมการทำงานของไทยอาจทำให้เรารู้สึกเกรงใจ หรือมองว่าการช่วยงานเป็นเรื่องของความมีน้ำใจ แต่ท้ายที่สุดหากเราไม่เผชิญหน้าบอกความต้องการของเราไปตรงๆ ก็อาจทำให้เราต้องทนอยู่กับสิ่งที่เราไม่ได้เลือก และพลาดโอกาสสำคัญในชีวิตไปก็ได้ ดังนั้นการพูดคุยครั้งนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นให้เรากล้าตั้งขอบเขตของตัวเอง และแสดงให้อีกฝ่ายรับรู้ความรู้สึกของเราจริงๆ

ติดต่อ HR หรือผู้บริหาร

หากรวบรวมความกล้าไปคุยกับหัวหน้าแล้วยังไม่มีอะไรเปลี่ยน หรืออีกฝ่ายหาทางเอาคืน ทางเลือกถัดไป คือ การพูดคุยกับฝ่ายบุคคล หรือ ผู้บริหาร เพื่อชี้ให้เห็นว่าพฤติกรรมเหล่านี้กระทบกับงานและการเติบโตของเรายังไง เพราะหากอีกฝ่ายเห็นว่าพฤติกรรมเหล่านี้ของหัวหน้าส่งผลต่อการทำงาน ก็ย่อมอยากหาทางออกกับเรื่องนี้

อย่างไรก็ตามขั้นตอนนี้อาจเสี่ยงสักหน่อย หรืออาจใช้ไม่ได้กับทุกคน ขึ้นอยู่กับวัฒนธรรมองค์กร ความสัมพันธ์ของเราและผู้บริหาร หากประเมินแล้วว่าวิธีนี้อาจไม่ทำให้อะไรดีขึ้น ก็อาจเก็บเอามาพิจารณาและขอคำแนะนำจากคนที่น่าเชื่อถือและไว้ใจได้อาจเป็นทางที่ดีกว่า

ประเมินตัวเองและหาทางเลือก

สุดท้ายเราอาจต้องยอมรับว่าผลที่ออกมาอาจดีขึ้น หรือไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเลยก็ได้ แต่ขอให้จำไว้ว่าเรายังเป็นคนที่คุณค่าในตัวเอง แม้ว่าจะไม่ได้รับการโปรโมตจากหัวหน้าก็ตาม แต่อย่าปล่อยให้เรื่องนี้มาบั่นทอนสุขภาพและความมั่นใจของเราให้ลดลง อันที่จริงยังมีทางเลือกอื่นๆ ที่ช่วยให้เราเติบโตได้เช่นกัน อย่าง การสร้างความสัมพันธ์กับคนอื่นๆ ในองค์กรหรือคนในสายงานเดียวกัน เพื่อเปิดประตูสู่โอกาสใหม่ๆ โดยที่เราไม่จำเป็นต้องพึ่งพาแค่หัวหน้าอย่างเดียว

สุดท้ายหากทำทุกทางแล้วยังไม่มีอะไรดีขึ้น หัวหน้ายังคงมองข้ามความรู้สึกของเรา ไฟในการทำงานเริ่มมอดลงทุกที บางครั้งการตัดสินใจลาออกก็อาจถือเป็นตัวเลือกที่ดีในเวลานี้ ซึ่งทางเลือกนี้ไม่ได้หมายความว่าเรายอมแพ้ แต่หมายความว่าเราเคารพตัวเองมากพอ จนไม่ให้สภาพแวดล้อมที่เป็นพิษมาทำให้เราเสียกำลังใจต่างหาก

ดังนั้นแล้ว เมื่อหางานใหม่ เราอาจะต้องใส่ใจศึกษาข้อมูลบริษัทให้มากขึ้นสักหน่อย เช่น วัฒนธรรมองค์กร ผลตอบแทน และสภาพแวดล้อมการทำงาน หรือเลือกถามคำถามระหว่างสัมภาษณ์ให้ตรงจุด เช่น ที่นี่มีวิธีให้ฟีดแบ็กแบบไหน การให้โอกาสพัฒนาพนักงานยังไงบ้าง หรือองค์กรอยากได้คนแบบไหน เพื่อไม่ให้เรากลับเจอกับสถานการณ์แบบเดิมอีก

เพราะบางทีการที่เราไม่เติบโตอาจไม่ได้ขึ้นอยู่กับความสามารถของเราเพียงอย่างเดียว แต่สภาพแวดล้อมที่เหมาะสมก็ช่วยผลักดันให้เราก้าวหน้าไปอีกขั้นได้เหมือนกันนะ

อ้างอิงจาก

forbes.com

fastcompany.com

psychologytoday.com

Graphic Designer: Manita Boonyong
Editorial Staff: Runchana Siripraphasuk

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก The MATTER

วิกฤตความอดอยากในกาซายังคงรุนแรง ชาวกาซาบาดเจ็บและเสียชีวิตขณะรอรับความช่วยเหลือด้านอาหาร

3 ชั่วโมงที่ผ่านมา

ว่าด้วยเครื่องบิน สงคราม และบาดแผลเบื้องหลังหายนะในงานของสตูดิโอจิบลิ

18 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความไลฟ์สไตล์อื่น ๆ

Let’s Flax it Up – สร้างสุขภาพดีตลอดเดือนสิงหาคม ด้วยไขมันดีจากพืช

THE POINT

ผลสลากกินแบ่งรัฐบาลงวดประจำวันที่ 1 สิงหาคม 2568

JS100 - Post&Share

CEO กูเกิล แนะเคล็ดลับสำเร็จไว 'ใกล้คนเก่ง เรียนรู้ให้มากที่สุด'

กรุงเทพธุรกิจ

ร้านอาหารคำหอม-เชฟเอียน เปิดครัวต้อนรับเชฟระดับมิชลินสตาร์ ผสานรสชาติฝรั่งเศส-ไทย

SpringNews

ชาวเน็ตไทยรวมพลัง ปั่นชื่อ ”หมุดกูเกิ้ลแมพ” แก้เผ็ดเขมรจอมเคลม

Manager Online

อย่าให้วันสนุกกลายเป็นวันสุดท้าย 6 ทริคเอาตัวรอดเมื่อจมน้ำ

ThaiNews - ไทยนิวส์ออนไลน์

7 แคว้นที่พระพุทธเจ้าเสด็จไปแสดงธรรมด้วยพระองค์เอง มีที่ใดบ้าง?

ศิลปวัฒนธรรม

ผัก 9 ชนิด ควรเลี่ยงในช่วงหน้าร้อน หน้าฝน เพราะอะไรมีคำตอบ

ThaiNews - ไทยนิวส์ออนไลน์

ข่าวและบทความยอดนิยม

ย้อนเรื่องราวในวันวานของกรุงโรม ผ่านแฟชั่นโชว์จาก ‘Dolce & Gabbana’ ปี 2025

The MATTER

รู้จัก ‘Work Intensification’ เมื่องานที่ทำเข้มข้นขมปี๋ขึ้น จนทำให้เราอ่อนล้าทั้งกายใจ

The MATTER

โลกอีกใบมาสร้างไว้ในที่ทำงาน? อะไรทำให้คนนอกใจแฟนมาแอบเล่นชู้กับเพื่อนร่วมงาน

The MATTER
ดูเพิ่ม
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...