วิกฤตความอดอยากในกาซายังคงรุนแรง ชาวกาซาบาดเจ็บและเสียชีวิตขณะรอรับความช่วยเหลือด้านอาหาร
จำนวนผู้เสียชีวิตในกาซายังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ที่พยายามเข้าถึงความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม ตามข้อมูลของกระทรวงสาธารณสุขในกาซา ระบุว่า มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 91 รายและบาดเจ็บ 600 ราย ขณะรอรับความช่วยเหลือด้านอาหาร โดยมีผู้เสียชีวิต 70 รายจากการถูกยิง
นับตั้งแต่คืนวันที่ 30 กรกฎาคม ผู้คนจำนวนมากได้ไปรวมตัวกันที่จุดผ่านแดนซิกิมติดกับอิสราเอลเพื่อรอรถบรรทุกความช่วยเหลือด้านอาหาร แต่กลับถูกยิง โดยโรงพยาบาลสนามอัล-ซารายากล่าวว่า ได้รองรับผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจากเหตุการณ์ดังกล่าวมากกว่า 100 ราย ขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตคาดว่าจะสูงขึ้นอีก
วันรุ่งขึ้น มีผู้แสวงหาความช่วยเหลืออีก 19 รายถูกทหารอิสราเอลสังหารนอกจุดแจกจ่ายความช่วยเหลือในตอนกลางของฉนวนกาซาและในเมืองราฟาห์ทางตอนใต้ของกาซา
สถานการณ์ความอดอยากในกาซายังคงทวีความรุนแรง โดยองค์การอนามัยโลก (World Health Organization) ได้ออกแถลงการณ์ล่าสุด ชี้ว่า “เด็กที่อดอยากและเปราะบางที่สุด อาจร้องไห้ด้วยความเจ็บปวดอยู่ตลอดเวลาจนอ่อนแอเกินกว่าจะร้องได้ หากไม่ได้รับการรักษาอย่างเร่งด่วน เด็กที่ขาดสารอาหารอย่างรุนแรงจะเสียชีวิต”
กระทรวงสาธารณสุขกาซา ยังเผยว่า มีเด็กเสียชีวิตจากความหิวโหย 7 คนเมื่อวันพุธที่ผ่านมา ทำให้ยอดผู้เสียชีวิตจากภาวะทุพโภชนาการทั้งหมดเพิ่มขึ้นเป็น 154 ราย และเมื่อรวมกับข้อมูลล่าสุดพบว่ามีผู้เสียชีวิตจากภาวะขาดสารอาหารแล้วอย่างน้อย 159 รายนับตั้งแต่เริ่มสงคราม โดยเป็นเด็กถึง 90 ราย
แม้ว่ากองทัพอิสราเอล (Israel Defense Forces - IDF) จะอ้างว่าได้ใช้มาตรการ "หยุดยิงชั่วคราวทางยุทธวิธี" ในบางพื้นที่ และมีการทิ้งอาหารทางอากาศ แต่หน่วยงานด้านมนุษยธรรมระบุว่าปริมาณความช่วยเหลือที่เข้าถึงกาซายังไม่เพียงพอ โดยสำนักงานเพื่อการประสานงานด้านมนุษยธรรมของสหประชาชาติ กล่าวว่าปริมาณอาหารที่นำเข้ามาในกาซา "ยังห่างไกลจากคำว่าเพียงพอ" และระบุว่า การหยุดยิงชั่วคราวไม่สามารถรองรับการไหลเวียนของเสบียงได้อย่างต่อเนื่องตามที่จำเป็นสำหรับประชากรจำนวนมหาศาล
ด้านอิสราเอลได้ปฏิเสธข้อกล่าวหาว่าตนเป็นผู้สร้างวิกฤตความหิวโหยผ่านการปิดกั้นเสบียง โดยยืนยันว่า ไม่มีการจำกัดการส่งความช่วยเหลือและไม่มีภาวะอดอยากในกาซา และอ้างว่ากองทัพยิงเพียง "กระสุนเตือน" และไม่ได้ตั้งใจยิงพลเรือน และไม่ทราบว่ามีผู้เสียชีวิตจากการยิงของกองทัพตามที่มีรายงาน
อย่างไรก็ดี สำนักงานสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติชี้ว่า มีชาวปาเลสไตน์อย่างน้อย 1,373 รายเสียชีวิตขณะพยายามขอรับความช่วยเหลือด้านอาหารตั้งแต่เดือนพฤษภาคม โดยส่วนใหญ่ถูกสังหารโดยกองทัพอิสราเอล
ในระหว่างที่สถานการณ์ความรุนแรงปะทุขึ้น สตีฟ วิทคอฟ ทูตพิเศษของสหรัฐฯ ได้เดินทางเยือนอิสราเอลเพื่อหารือเรื่องการหยุดยิงและการแจกจ่ายอาหารกับ เบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล โดยทำเนียบขาวได้ยืนยันว่า วิทคอฟ จะเดินทางไปยังกาซาพร้อมกับ ไมค์ ฮักคาบี เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำอิสราเอล เพื่อตรวจสอบจุดแจกจ่ายอาหารและจัดทำแผนการส่งมอบอาหารเพิ่มเติม
ขณะเดียวกัน โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้แสดงความคิดเห็นบนโซเชียลมีเดียว่า "วิธีที่เร็วที่สุดในการยุติวิกฤตการณ์ด้านมนุษยธรรมในกาซาคือให้กลุ่มฮามาสยอมจำนนและปล่อยตัวประกัน"
ด้านประชาคมระหว่างประเทศ ก็ได้แสดงท่าทีประณามการกระทำของอิสราเอลในกาซา โดยหลายประเทศรวมถึงแคนาดาและสเปนได้ประกาศแผนที่จะรับรองรัฐปาเลสไตน์ในอนาคต ซึ่งเป็นการเคลื่อนไหวเชิงสัญลักษณ์ที่อิสราเอลมองว่าเป็นการ "สนับสนุน" กลุ่มฮามาส
สถานการณ์ในกาซาล่าสุดนี้ จึงได้นำไปสู่ความตึงเครียดทางการทูตมากขึ้น โดยการเจรจาหยุดยิงล่าสุดดูเหมือนจะชะงักงันลง หลังจากอิสราเอลและสหรัฐฯ ถอนผู้เจรจาออกจากกรุงโดฮา ทั้งสองฝ่ายต่างโทษกลุ่มฮามาสว่าเป็นต้นเหตุของการล่มสลายของการเจรจา อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่อิสราเอลเตือนว่าหากกลุ่มฮามาสไม่ยอมประนีประนอม อิสราเอลก็อาจกลับมาใช้มาตรการปิดล้อมความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมอย่างเข้มงวดอีกครั้ง
อ้างอิงจาก