อย่าให้ประเทศไทยล่มสลายเพราะคอร์รัปชัน | เศรษฐศาสตร์บัณฑิต
เป็นงานสัมมนาที่น่าชมเชยแสดงถึงความพยายามของหน่วยงานกำกับดูแลที่จะลดการทุจริตคอร์รัปชันโดยส่งเสริมธรรมาภิบาลในภาครัฐ คือ การทำในสิ่งถูกต้องให้กับเจ้าหน้าที่ภาครัฐ ได้แก่ ข้าราชการและฝ่ายการเมือง เพื่อลดคอร์รัปชันและเพิ่มคุณภาพของการทํานโยบายสาธารณะซึ่งสำคัญมาก วันนี้จึงจะเขียนถึงสถานะปัจจุบันของปัญหาคอร์รัปชันในประเทศเราว่ารุนแรงแค่ไหน ทําไมต้องเร่งแก้ไข
20 ปีที่ผ่านมา สถานการณ์คอร์รัปชันในประเทศเราแย่ลงและรุนแรงมากขึ้นชัดเจน สะท้อนจากดัชนีการรับรู้การทุจริต หรือ CPI จัดทําโดยองค์กรโปร่งใสระหว่างประเทศ (TI) ที่อันดับและคะแนนของประเทศไทย “ลดลง” ต่อเนื่อง จากอันดับ 64 ใน 159 ประเทศ คะแนน 3.8 จากคะแนนเต็ม 10 ในปี 2548 เป็น ล่าสุดปี 2567 อันดับที่ 107 ใน 180 ประเทศ คะแนน 34 จากคะแนนเต็ม 100
ถ้าใช้นวัตกรรมใหม่ เช่น AI วิเคราะห์คะแนนจากดัชนี CPI ปีล่าสุด เพื่ออธิบายความเสื่อมถอยของสถานการณ์คอร์รัปชันประเทศเราเทียบกับประเทศอื่น โดยจัดกลุ่มทั้ง 180 ประเทศตามคะแนน CPI ระดับของการพัฒนาเศรษฐกิจ ความเข้มแข็งของสถาบันภาครัฐ และลักษณะของปัญหาคอร์รัปชันที่มีสิ่งที่ปรากฏออกมาน่าสนใจมาก ชี้ให้เห็นหลายอย่างเกี่ยวกับปัญหาคอร์รัปชันประเทศเราขณะนี้
กลุ่มที่ 1 คะแนน CPI อันดับ 1-20 นี่คือกลุ่มประเทศสะอาด คอร์รัปชันในภาครัฐต่ำ ทั้งหมดเป็นประเทศที่พัฒนาแล้วรายได้สูง ระบบการเมืองและสถาบันภาครัฐเข้มแข็ง คอร์รัปชันถ้ามีจะเป็นกรณีๆ ไป โยงกับการวิ่งเต้นทางการเมือง ประเทศในกลุ่มนี้ในเอเชียก็เช่น สิงคโปร์ ญี่ปุ่น
กลุ่มสอง คะแนนอันดับ 21-70 กลุ่มนี้คอร์รัปชันมีอยู่ เป็นประเทศพัฒนาแล้วส่วนใหญ่ สถาบันภาครัฐเข้มแข็งแต่มีความอ่อนแอเป็นจุดๆ คอร์รัปชันที่มีจะเกี่ยวกับการจัดซื้อจัดจ้าง การใช้อํานาจที่ผิดโยงกับการแทรกแซงทางการเมือง ประเทศในเอเชียในกลุ่มนี้ก็เช่น เกาหลีใต้ ไต้หวัน
กลุ่มสาม อันดับ 71-120 กลุ่มนี้คอร์รัปชันมีมากถึงรุนแรง เป็นประเทศกำลังพัฒนา รายได้ปานกลาง สถาบันภาครัฐไม่เข้มแข็ง การทุจริตคอร์รัปชันทำเป็นระบบ การบังคับใช้กฎหมายและระบบยุติธรรมมีการแทรกแซง และท้ายสุดกลุ่มสี่ อันดับ 121-180 กลุ่มนี้คอร์รัปชันรุนแรงมากสุด ทั้งหมดเป็นประเทศรายได้ต่ำ ปกครองแบบอำนาจนิยม สถาบันภาครัฐอ่อนแอ การบังคับใช้กฎหมายอ่อนแอ คอร์รัปชันจะเป็นแบบกินรวบโดยกลุ่มผู้มีอํานาจแบบปล้นบ้านเมืองตัวเอง (Kleptocracy)
ประเทศไทยขณะนี้อยู่กลุ่มสาม อันดับที่ 107 ถือเป็นประเทศที่คอร์รัปชันมีมากถึงรุนแรง ถ้าเจาะลึกลักษณะของประเทศในกลุ่มสามจะเป็นประเทศรายได้ปานกลางเศรษฐกิจมีทั้งความเหลื่อมล้ำและความยากจน ประเทศมีกฎหมายและสถาบันภาครัฐครบถ้วน แต่ไม่อิสระ การทําหน้าที่ถูกแทรกแซงโดยการเมือง คอร์รัปชันจะโยงกับระบบอุปถัมภ์ของพรรคการเมืองและระบบราชการ ชนชั้นนำครอบงำอํานาจรัฐ (Elite Capture) และใช้รัฐเป็นเครื่องมือหาประโยชน์ด้วยการทุจริตเชิงนโยบาย ชนชั้นกลางต้องการปฏิรูป แต่ถูกต้านไว้โดยวิธีนอกระบบและการซื้อเสียง
นี่คือลักษณะประเทศในกลุ่มสาม และกลุ่มสามถือเป็นพื้นที่หรือโซนอันตราย เพราะคอร์รัปชันจะเป็นเชิงระบบและโยงลึกกับยุทธศาสตร์การอยู่รอดของฝ่ายการเมือง ทำให้การแก้ปัญหาจึงยาก แต่ก็ทําได้โดยการปฏิรูป
ได้แก่ ทำให้องค์กรภาครัฐโดยเฉพาะองค์กรในกระบวนการยุติธรรม การบังคับใช้กฎหมาย และการต่อต้านการทุจริตเป็นอิสระจากการครอบงำของทุกฝ่าย ใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่มากขึ้นในการติดต่อราชการ จัดซื้อจัดจ้าง ติดตามการใช้เงินของภาครัฐ ให้เกิดความโปร่งใส ให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการแจ้งเบาะแส
มีระบบปกป้องประชาชนที่ให้ข้อมูลที่ประชาชนมั่นใจ ปราบปรามการใช้เงินซื้อเสียงอย่างจริงจังเพราะนี่คือต้นเหตุของทุกเรื่อง สื่อมวลชนเป็นอิสระไม่เป็นเครื่องมือเชียร์บุคคลที่ต้องสงสัยและพฤติกรรมการทุจริตคอร์รัปชันที่รู้แน่ๆ ว่าผิดในลักษณะโน้มน้าวสังคมให้รู้สึกว่าสิ่งที่ผิดสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องปกติ ท้ายสุด นำประเทศไทยเข้ามาตรฐานสากลขั้นสูงเรื่องธรรมาภิบาลและการเปิดเผยข้อมูล เช่น ใครเป็นเจ้าของธุรกิจตัวจริง เพื่อป้องกันเงินสกปรกและธุรกิจสีเทา นี่คือสิ่งที่ต้องทํา
คําถาม ถ้าไม่ทําไม่ปฏิรูปอะไรจะเกิดขึ้น คําตอบคือคอร์รัปชันจะยิ่งเลวร้ายลง และประเทศไทยมีโอกาสที่จะหลุดไปอยู่ในกลุ่มสี่ ที่การทุจริตคอร์รัปชันกลายเป็นชีวิตจิตใจและมองว่าเป็นสิทธิที่ทําได้หรือ Entitlement ของนักการเมือง ข้าราชการและนักธุรกิจที่มีอำนาจ
ตัวอย่างเช่นประเทศเคนยา ช่วงปี 2546-2548 ที่หนังสือ It's our turn to eat (ถึงเวลากินของเรา) ตีพิมพ์ปี 2552 สาธยายว่านักการเมืองจะผลัดกันเข้ามากินโต๊ะประเทศเมื่อได้อํานาจรัฐแบบไม่เกรงกลัว เพราะใช้ระบบอุปถัมภ์แบบชาติพันธุ์ส่งพรรคพวกของตนเข้ายึดกลไกรัฐ ควบคุมระบบราชการ และกระบวนการยุติธรรม โกงกินกันแบบไม่มีใครแตะต้องได้ ซึ่งในที่สุดก็นำไปสู่สงครามกลางเมืองในปี 2550-2551 เมื่อผลการเลือกตั้งปี 2550 ไม่มีใครยอมรับ นี่คืออุทาหรณ์ปัจจุบันเคนยาอยู่อันดับ 121 ใน CPI ranking ปี 2567
จึงเป็นหน้าที่ของคนไทยทุกคน ทั้งนักการเมือง ข้าราชการ นักธุรกิจ สื่อมวลชนและประชาชน ที่ต้องป้องกันไม่ให้ประเทศเข้าไปอยู่ในกลุ่มสี่ ทั้งเรื่องการเมือง เศรษฐกิจ และคอร์รัปชันที่สําคัญทุกคนต้องตระหนักชั่งใจถึงความเสียหายที่จะเกิดขึ้นกับอนาคตของประเทศ ถ้าเราไม่แก้หรือหยุดคอร์รัปชัน ความเสียหายต่อประเทศช่วง 20 ที่ผ่านมาจากคอร์รัปชันน่าจะมากพอแล้ว สังคมไทยบอบช้ำมามากพอแล้ว จะโกงกันไปอีกทําไม เพราะมันคือทุกข์