‘การพัฒนาคน’ หลักสำคัญ ดึงดูด ‘คนรุ่นใหม่’ ให้อยากทำงานกับองค์กร
“CareerVisa Thailand” และ “JobThai” ร่วมกันจัดงาน “Career Trends & Skills in Thailand: 2025 Onward” เพื่อทำความเข้าใจเกี่ยวกับทัศนคติ ความต้องการ และเป้าหมายของคนทำงานยุคใหม่ ทั้งในด้านทักษะ รูปแบบการทำงานที่พึงประสงค์ รวมถึงองค์กรที่ต้องการร่วมงานด้วย นอกเหนือจาก “ค่าตอบแทน” ที่อาจไม่ใช่สิ่งสำคัญที่สุดอีกต่อไป
เวทีนี้ได้สรุปแนวโน้มสำคัญของตลาดแรงงานไทย พร้อมเสียงสะท้อนจากผู้นำองค์กรชั้นนำที่ต่างชี้ชัดไปในทิศทางเดียวกันว่า หากองค์กรจะลงทุนเพื่อความยั่งยืนในระยะยาว สิ่งสำคัญที่สุดคือ “การพัฒนาคน” ทั้งในแง่ของทักษะ มุมมอง และการสร้างระบบที่หล่อเลี้ยงการเติบโตของคนกับองค์กรไปพร้อมกัน ข้อมูลเหล่านี้จะทำให้องค์กรสามารถนำไปใช้ในการออกแบบกลยุทธ์ด้านทรัพยากรบุคคล (HR) และพัฒนานโยบายที่สามารถตอบโจทย์คนทำงานได้จริง
ธีรยา ธีรนาคนาท CEO จาก CareerVisa Digital เปิดเผยผลการสำรวจทัศนคติของคนทำงานรุ่นใหม่ว่า พวกเขาให้ความสำคัญกับ “ซอฟต์สกิล” (Soft Skills) อย่างเช่นการสื่อสารและการปรับตัว ควบคู่ไปกับ “ฮาร์ดสกิล” (Hard Skills) ทักษะด้านดิจิทัลและการใช้เทคโนโลยี ซึ่งเป็นทักษะพื้นฐานที่ทุกอาชีพจำเป็นต้องมีในปัจจุบัน เพราะคนรุ่นใหม่ต้องการพัฒนาตัวเองให้เก่งขึ้น เพื่อจะได้เติบโตในสายงาน
อย่างไรก็ตาม คนรุ่นใหม่ไม่ได้สนใจแค่เรื่องเงินเดือนเพียงอย่างเดียว แต่พวกเขายังมองถึงความหมายของงาน และโอกาสในการพัฒนาอีกด้วย แต่เหล่าแรงงานรุ่นใหม่ยังคงเผชิญหน้ากับความเหนื่อยล้า การขาดความมั่นใจ และการขาดแหล่งเรียนรู้ที่เหมาะสม โดยสิ่งที่แรงงานไทยต้องการมากที่สุดในปี 2025 คือ รูปแบบงานที่ยืดหยุ่น ธุรกิจที่มีเป้าหมายชัดเจน และองค์กรที่เข้าใจ
ตามความเห็นของผู้บริหารในบริษัทหลายแห่งระบุว่า สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ “การพัฒนาคน” ทั้งในมุมของบุคลากรและองค์กรควบคู่กันไป เพื่อให้องค์กรและคนทำงานต้องเติบโตไปด้วยกัน
แสงเดือน ตั้งธรรมสถิตย์ COO & Co-Founder จาก JobThai สะท้อนมุมมองว่า ในฐานะตัวกลางในการหางาน สมัครงาน และหาบุคลากร พบว่า ความท้าทายสำคัญของคนทำงานและองค์กรคือ การปรับตัวให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงของตลาดแรงงานไทยในหลายมิติ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องปัญหาเศรษฐกิจ การพัฒนาของเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว การทำงานร่วมกันของคนหลากหลายรุ่น
ปัญหาเรื่องช่องว่างทักษะ (Skills Gap) ถือเป็นความท้าทายที่เห็นได้ชัดเจนของตลาดแรงงานไทย เนื่องจากทักษะที่คนทำงานมีอยู่ไม่ตรงกับความต้องการขององค์กรที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ดังนั้นแสงเดือนจึงระบุว่า แรงงานและองค์กรจะต้องพัฒนาไปพร้อมกัน ไม่ใช่เรื่องของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง
ขณะที่ ปตุพร บาลเย็น AVP Recruitment & Selection, HR Division จากธนาคารกรุงเทพ เชื่อว่าความสำเร็จระยะยาวไม่ได้เกิดจากการเริ่มต้นสิ่งใหม่เสมอไป แต่เกิดจากการต่อยอดสิ่งที่ทำได้ดีให้แข็งแรงยิ่งขึ้น ธนาคารจึงให้ความสำคัญกับการปลูกฝัง ”แนวคิดที่พร้อมเรียนรู้จากความผิดพลาด” (Growth Mindset) และ ความเป็นผู้ประกอบการ (Entrepreneurship) เพื่อให้พนักงานกล้าคิดและไม่กลัวความท้าทาย โดยเน้นสร้างระบบและวัฒนธรรมการทำงานที่เปิดโอกาสให้ทุกคนได้เติบโต เพราะองค์กรวัดความสามารถจาก “ความกล้าและความพยายาม” มากกว่าจุดเริ่มต้น
ทางด้าน สุชญา ปาลีวงศ์ Director of People จาก Shopee กล่าวว่า การสร้างความรู้เรื่อง “ความฉลาดรู้ทางเอไอ” (AI Literacy) ให้กับพนักงานไม่ใช่แค่เรื่องเทคโนโลยี แต่คือการสร้างวัฒนธรรมที่เอื้อต่อการเติบโตและดึงดูดคนรุ่นใหม่ โดย Shopee ต้องการให้พนักงานมองว่า AI คือ ผู้ช่วยที่เพิ่มประสิทธิภาพ ไม่ใช่สิ่งที่มาแทนที่ เพราะบริษัทมองว่า AI เป็นตัวเปลี่ยนเกมที่จะเปลี่ยนทั้งวิธีคิด วิธีทำงาน การแข่งขัน และการใช้ AI อย่างมีประสิทธิภาพจะเป็นข้อได้เปรียบสำคัญทางธุรกิจในอนาคต
สำหรับ วิธีที่ทำให้คนรุ่นใหม่หันมาสนใจและอยากร่วมงานองค์กรมากยิ่งขึ้น ผู้บริหารหลายคนมองว่า องค์กรจะต้องกลับมาทบทวนอย่างจริงจังว่า “อะไรคือสิ่งจำเป็นที่สุด” ที่จะทำให้คนรุ่นใหม่อยากร่วมงานด้วย ไม่ใช่แค่สมัครงานเข้ามา แต่เลือกจะอยู่และเติบโตไปด้วยกันในระยะยาว
ในส่วนของ SCB นั้น วรรณพร ศรีวัฒนางกูร VP, People Communication and Employer Branding ของ SCB เชื่อว่า “การเปลี่ยนแปลงภายในองค์กร” คือหัวใจสำคัญของการสร้างแบรนด์นายจ้างให้แข็งแกร่งในยุคนี้ แม้ SCB จะเป็นองค์กรที่มีประวัติยาวนาน แต่ไม่เคยหยุดพัฒนา โดยใช้เทคโนโลยีและสวัสดิการแบบยืดหยุ่นขององค์กร (Flexible Benefit) เป็นจุดเริ่มต้นในการปรับระบบการทำงานให้สอดคล้องกับพฤติกรรมของคนรุ่นใหม่ที่ต้องการความยืดหยุ่น ดังนั้น สิ่งที่ท้าทายที่สุดไม่ใช่แค่เครื่องมือใหม่แต่คือค่านิยมหลักและมายด์เซ็ตของคนในองค์กรทั้งระบบ
วสันต์ สินพิทักษ์สกุล Group Chief People Officer จาก CP Axtra กล่าวว่า สิ่งสำคัญที่สุดในการสร้างแบรนด์นายจ้างคือ ความชัดเจนในเป้าหมาย และความจริงใจในการดูแลคน เพราะองค์กรไม่อยากให้คนรุ่นใหม่เข้ามาร่วมงานด้วย จากแค่ชื่อเสียงหรือขนาดองค์กร แต่เพราะเห็นว่าองค์กรมีเป้าหมายที่ดีและชัดเจน ทั้งในด้านสังคม สิ่งแวดล้อม และการเติบโตของคน
นอกจากนี้ ยังต้องช่วยให้พนักงานรู้สึกภูมิใจในสิ่งที่ทำ โดยสนับสนุนให้ทุกคนกล้าเป็นตัวของตัวเอง พร้อมสนับสนุนการทำงานอย่างมีคุณค่าและสร้างความหมายร่วมกับสังคม ที่สำคัญต้องให้ความสำคัญกับสุขภาพใจ ผู้นำที่เข้าถึงได้ และวัฒนธรรมการทำงานที่เน้นความร่วมมือ เพราะ “ความรู้สึกที่ดีในที่ทำงาน” คือแรงผลักดันที่ทำให้คนรุ่นใหม่อยากร่วมงานด้วย และเติบโตไปพร้อมกันอย่างยั่งยืน
ด้าน มนสิชา สังข์สุวรรณ General Manager of Human Resources & Associates Relation (HRAR Function) จาก Thai Honda บอกว่า การสร้างแบรนด์นายจ้างที่แข็งแรงต้องเริ่มจาก “การฟัง” ให้เข้าใจว่าคนรุ่นใหม่ต้องการอะไร ไม่ใช่แค่บอกว่าเราเป็นใคร แต่สร้างสภาพแวดล้อมที่ทำให้เขาอยากอยู่กับเราจริง ๆ
ออกแบบวัฒนธรรมองค์กรภายใต้แนวคิด DREAM: Dare (กล้าดี), Respect & Collaborate (ทีมดี), Excellent (งานดี), Align (เข้าใจดี) และ Move Fast (เร็วดี) ในทั้งหมดนี้ “Dare – กล้าดี” คือหัวใจสำคัญ เพราะ “ความกล้า” จะเกิดขึ้นได้ ก็ต่อเมื่อมี “พื้นที่ปลอดภัย” ให้คนรุ่นใหม่ได้แสดงศักยภาพอย่างเต็มที่ ถ้าองค์กรจะเติบโตอย่างยั่งยืน คนของเราก็ต้องเติบโตไปด้วย “หัวใจที่กล้า” เช่นกัน
จากบทสรุปของงานครั้งนี้ อาจกล่าวได้ว่า หากองค์กรไทยต้องการเติบโตท่ามกลางความผันผวนของโลกการทำงานในปี 2025 และต่อจากนี้ไป คำตอบไม่ได้อยู่ที่เครื่องมือหรือกลยุทธ์ล้ำยุคเพียงอย่างเดียว แต่คือ “การลงทุนในคน” ทั้งในด้านทักษะ ความคิด ระบบสนับสนุน และวัฒนธรรม ที่ทำให้พวกเขารู้สึกมีคุณค่า มีเป้าหมาย และอยากเติบโตไปพร้อมกัน เพราะอนาคตขององค์กรจะไปได้ไกลแค่ไหน ขึ้นอยู่กับคนขององค์กรเป็นสำคัญ