ห้องขยะล้น ไม่ใช่แค่ ‘ความลับนางฟ้า’ แต่คือปัญหาสุขภาพจิต ที่อาจต้องการการเยียวยามากกว่าการกดขำ
หลายปีมานี้ เรามักจะได้เห็นข่าวคอนโดหรือหอพักทั้งหลาย ที่เจ้าของห้องพบว่าผู้เช่าหนีหายไปและทิ้งไว้เพียงห้องที่เต็มไปด้วยขยะที่ส่งกลิ่นคละคลุ้ง และหลายครั้งข่าวเหล่านี้ก็มักถูกพาดหัวในทำนองว่าเป็น ‘ความลับนางฟ้า’ โดยมักเป็นกรณีของผู้เช่าหญิงที่มักจะแต่งตัวสวยออกไปข้างนอกหรือมีหน้าตาสะสวย ซึ่งขัดกับความสกปรกที่สะสมอยู่ในห้องอย่างสิ้นเชิง ทั้งที่จริงแล้วคนที่ตกอยู่ในสภาวะขยะเต็มห้องไม่ได้มีเพียงผู้หญิง หรือผู้หญิงหน้าตาดีด้วยซ้ำ แต่เห็นได้ชัดว่าภาพเหล่านี้เรียกความสนใจหรือความสงสัยใคร่รู้ของผู้คนได้เสมอ
พฤติกรรมแบบนี้ไม่ได้ขึ้นอยู่กับเพศ หน้าตา การแต่งตัว หรือฐานะทางสังคมใดๆ ทั้งสิ้น มันสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน เพราะสาเหตุที่แท้จริงของพฤติกรรมเหล่านี้ มักมีรากลึกมาจากปัญหาสุขภาพจิต ข้างในจิตใจที่เปราะบาง และสมองที่มีวิธีประมวลผลและจัดการกับความเครียด ความเศร้า หรือความรู้สึกสิ้นหวัง ที่ต่างจากคนทั่วไป มันจึงไม่ใช่เรื่องของความ ‘ขี้เกียจ’ หรือ ‘โสโครก’ เท่านั้นแน่ๆ
ในหลายกรณี คนที่ปล่อยให้ห้องตัวเองเต็มไปด้วยขยะอาจกำลังอยู่ใน ‘ภาวะซึมเศร้า’ ซึ่งทำให้แม้แต่กิจกรรมพื้นฐาน เช่น ลุกขึ้นจากเตียง แปรงฟัน หรือเก็บขยะเพียงชิ้นเดียว กลายเป็นเรื่องที่หนักหนาเกินจะแบกรับ ซึ่งในทางจิตวิทยา ภาวะนี้ไม่ใช่เรื่องของนิสัย แต่เป็นสภาวะที่สมองขาดสารเคมีที่จำเป็นต่อการกระตุ้นแรงจูงใจ ส่งผลให้ไม่สามารถริเริ่ม หรือแม้แต่รักษาสภาพแวดล้อมให้คงอยู่ในระดับที่ปลอดภัยได้
หรือบางคนอาจกำลังเผชิญกับ Hoarding Disorder หรือ ‘โรคสะสมของ’ ซึ่งเป็นความผิดปกติทางจิตที่ทำให้รู้สึกผูกพันกับสิ่งของแทบทุกชิ้น ไม่สามารถตัดใจทิ้งได้แม้แต่ขยะ เพราะคิดว่า “อาจได้ใช้ในอนาคต” หรือรู้สึกว่าสิ่งของเหล่านี้คือส่วนหนึ่งของชีวิต จนกลายเป็นภาระสะสมที่ยิ่งเก็บ ยิ่งเพิ่ม ยิ่งอัดแน่นจนจัดการได้ยากขึ้นไปทุกที และทำอะไรไม่ได้นอกจากสะสมต่อไปเรื่อยๆ
นอกจากนี้ยังอาจเป็นผู้ที่มีภาวะสมาธิสั้นในผู้ใหญ่ (ADHD) ซึ่งอาจดูไม่รุนแรงมากนักในแวบแรก แต่ส่งผลต่อการวางแผน การตัดสินใจ และการจัดลำดับความสำคัญ เมื่อรวมเข้ากับความเครียดเรื้อรัง การงานที่ยุ่งจนไม่มีเวลาดูแลตัวเอง หรือความรู้สึกว่าชีวิตไม่มีจุดหมาย ผลลัพธ์จึงกลายเป็นการปล่อยให้ห้องรกไปเรื่อยๆ
นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของปัจจัยที่อาจนำไปสู่การปล่อยให้ห้องรกได้ ซึ่งอาจมีอีกหลายปัจจัยที่ซับซ้อนกว่านั้น
แน่นอนว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นสร้างความเดือดร้อนให้คนอื่นไม่ว่าจะเป็นเจ้าของห้องหรือเพื่อนบ้าน แต่นอกจากการประฌามคนที่ทำห้องรกเพียงอย่างเดียว สิ่งที่น่าพิจารณาร่วมด้วยก็คือ เมื่อห้องหนึ่งห้องถูกทิ้งให้เต็มไปด้วยขยะ มันไม่ได้สะท้อนแค่สภาพแวดล้อมภายนอก แต่มันยังเป็นภาพสะท้อนจิตใจที่อาจจะว่างเปล่า หม่นหมอง อ่อนล้า หรือสิ้นหวัง และการออกไปข้างนอกภายใต้เสื้อผ้าหรือหน้าตาที่ดูดีอาจเป็นเพียงกลไกหนึ่งที่มนุษย์ใช้เพื่อปิดบังความเปราะบางภายใน และหลบหนีออกจากความเป็นจริงชั่วคราวจนกว่าจะได้กลับเข้าไปในห้องของตัวเองอีกครั้ง
และแม้ตัวคนนั้นๆ จะไม่เคยได้ส่งสัญญาณว่าต้องการความช่วยเหลือ และผู้คนส่วนใหญ่ก็ยังรู้สึกขบขันกับสิ่งนี้หรือกระทั่งรู้สึกอยากทับถม แต่คำถามสำคัญอาจไม่ใช่คำถามที่ว่า “ทำไมไม่เก็บห้อง” หรือ “อยู่ไปได้ยังไง” แต่อาจจะเป็น “เขาโอเคจริงๆ ไหม” หรือ “ใครพอจะช่วยอะไรเขาได้บ้าง” ซึ่งแม้จะยากในทางปฏิบัติ เพราะมันควรเป็นหน้าที่ของครอบครัวหรือคนใกล้ชิดไม่ใช่ชาวเน็ตที่คอยดูอยู่ห่างๆ แต่อย่างน้อยหากสังคมร่วมสนใจคำถามเหล่านี้ไปด้วยกันบ้าง ก็อาจช่วยให้บางคนไม่ต้องจมอยู่กับความสิ้นหวังเพียงลำพังจนเกินไปก็ได้ และการเข้าใจความเป็นมนุษย์ที่เต็มไปด้วยความหลากหลาย ความป่วยไข้ และความไม่เพอร์เฟกต์นี่เอง ที่น่าจะเป็นรากฐานสำคัญสำหรับสังคมที่เราต่างอยากเห็น