ผู้นำกัมพูชารับข้อเสนอเปิดด่านชายแดน แต่ไทยต้องดำเนินการก่อน
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา เมื่อวันที่ 29 มิ.ย. ว่าพล.อ.ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊ก ว่าเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจของกัมพูชาได้รับหนังสือจากฝ่ายไทยที่ จ.สระแก้ว เกี่ยวกับการขอเปิดจุดผ่านแดนกัมพูชา-ไทยบางส่วน ซึ่งจะเป็นการอนุญาตให้รถบรรทุกเข้า-ออกได้ เพื่อบรรเทาผลกระทบต่อการดำรงชีพของประชาชน จึงขอฝากข้อความยืนยันไปยังประชาชนทั้งสองประเทศ ดังนี้
- กัมพูชาเข้าใจดีถึงความยากลำบากของประชาชนทั้งฝ่ายกัมพูชาและไทยที่ได้รับผลกระทบจากการปิดพรมแดน ดังนั้น กัมพูชาจึงไม่ใช้มาตรการปิดพรมแดนก่อน นับตั้งแต่เกิดปัญหาในพื้นที่ช่องบก เมื่อวันที่ 28 พ.ค.ที่ผ่านมา เพราะเราไม่มีเจตนาที่จะขยายพื้นที่พิพาท หรือก่อให้เกิดปัญหาที่กระทบต่อการเดินทางและการค้าของคนไทยและกัมพูชาตามแนวชายแดน
- กัมพูชาไม่ใช่ฝ่ายที่เริ่มปิดและเปิดจุดผ่านแดนฝ่ายเดียว ตั้งแต่วันที่ 7 มิ.ย. ที่ผ่านมา กองทัพบกของไทยเป็นฝ่ายเริ่มปิดด่านพรมแดน ปรับเวลาเปิด-ปิด และกำหนดเงื่อนไขการเดินทางของพลเมืองฝ่ายเดียว นอกจากนี้ กองทัพบกของไทยยังคงเปลี่ยนแปลงเวลาเปิด-ปิดด่านพรมแดนบางแห่งฝ่ายเดียว จนกระทั่งวันที่ 24 มิ.ย. ที่ผ่านมา รัฐบาลไทยประกาศปิดด่านพรมแดนทั้งหมดด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัย
- ความไม่แน่นอนและการเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหัน ในจุดยืนทางการเมืองของรัฐบาลไทย รวมถึงความไม่สอดคล้องกันระหว่างหลักการที่ผู้นำทางการเมืองของไทยเสนอและการปฏิบัติจริงของกองทัพบกในพื้นที่ ได้สร้างอุปสรรคต่อการหาทางออกที่ชัดเจน เป็นจริง และยั่งยืน
- ดังที่ข้าพเจ้ากล่าวไว้หลายครั้งก่อนหน้านี้ ทางออกที่เกี่ยวข้องกับการปิดด่านพรมแดนนั้นแก้ไขได้ง่าย หากฝ่ายไทยที่ปิดด่านชายแดนฝ่ายเดียวตั้งแต่วันที่ 7 มิ.ย. กลับมาเปิดด่านชายแดนฝ่ายเดียวตามสถานะเดิม และให้คำมั่นชัดเจนว่าจะไม่มีการปิดและเปิดด่านฝ่ายเดียวอีกต่อไป แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว กัมพูชาจะเปิดด่านชายแดนภายในอีก 5 ชั่วโมงหลังจากนั้น
สรุปคือ "กุญแจอยู่ในมือฝ่ายไทย" สำหรับทางการไทยและคนไทยที่ต้องการให้ด่านชายแดนกัมพูชา-ไทยเปิดอีกครั้ง ไม่จำเป็นต้องไปขอกัมพูชา ขอให้ผู้ที่มีอำนาจแท้จริงในประเทศไทย ที่ไม่ว่าจะเป็นกองทัพหรือบุคคลใดก็ตาม เปิดด่านชายแดนให้กลับมาเป็นปกติ เหมือนก่อนวันที่ 7 มิ.ย. 2568 และให้คำมั่นชัดเจนว่าจะไม่มีการปิดและเปิดด่านอีกต่อไป ทุกอย่างจะกลับคืนสู่ภาวะปกติดังเดิม.
เครดิตภาพ : AFP