‘ธนาธร’ ชี้มี ‘กลุ่มคน’ เคลื่อนการเมืองสู่ทางตัน หยุดเวลาเปลี่ยน
“เครือเนชั่น” จัดกิจกรรมครบรอบ “55 ปี NATION ผ่าทางตันประเทศไทย Exclusive Talk กับ 3 ผู้นำทางความคิด” Chapter 2 | 3 บก. ถาม ‘ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ’ ตอบ โดยมีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นแขกรับเชิญคนแรก ดำเนินรายการโดย3 บก.เครือเนชั่น ได้แก่ นายวีระศักดิ์ พงศ์อักษร นายบากบั่น บุญเลิศ และนายสมชาย มีเสน
นายธนาธร กล่าวถึงแนวทางการทำพรรคการเมืองในฐานะผู้นำทางจิตวิญญาณว่า ตั้งแต่สมัยอดีตพรรคอนาคตใหม่ อดีตพรรคก้าวไกล และพรรคประชาชน เราทำงานกันเป็นทีม มาเรียกตนเป็นผู้นำทางจิตวิญญาณคงให้เกียรติกันมากเกินไป การยุบพรรคมา 2 ครั้งถือว่าคุ้มมาก เพราะวาระที่ก้าวหน้าเกินกว่าสังคมจะยอมรับ กลายเป็นวาระปกติในสังคมไทย มีการถกเถียงกันได้ 7 ปีที่ผ่านมาถือว่าคุ้มมาก
เมื่อถามว่า การเมืองประเทศไทยมาถึงทางตันแล้วหรือไม่ นายธนาธร กล่าวว่าถ้าทุกฝ่ายเชื่อมั่นประชาธิปไตย การเมืองไม่ถึงทางตัน มีความพยายามจากหลายฝ่ายผลักดันไปสู่ทางตัน เราน่าจะเห็นร่องรอยตรงนั้น นี่คือสิ่งที่ตนกังวล ถ้าไม่มีใครตั้งใจสร้างทางตัน มันก็จะไม่เกิดทางตัน
โดยเป้าหมายของการทำให้การเมืองเข้าสู่ทางตัน เพื่อต้องการหยุดยั้งเวลาทางการเมือง เพื่อให้การเมือง เศรษฐกิจ อยู่แบบนี้ตลอดไป ในปี 2568 ครบรอบ 20 ปีของการชุมนุมกลุ่มพันธมิตร โดย 20 ปีที่ผ่านมา เรามีนายกฯมา 9 คน มีการรัฐประหาร 2 ครั้ง มีการชุมนุม 4 รอบใหญ่ มีการยุบพรรคการเมืองหลักไม่น้อยกว่า 9 พรรค มีการตัดสินให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะ 2 ครั้ง
“ผมถามว่าสังคมแบบนี้เป็นสังคมที่จะส่งให้คนรุ่นต่อไปหรือไม่ ถ้าตอบคำถามว่าทำไมเห็นร่องรอยนั้น เพราะ 20 ปี มันมีร่องรอยนี้ จุดที่สำคัญในวันนี้เราไม่มีข้อตกลงร่วมกันว่าสังคมไทยจะแบ่งอำนาจกันอย่างไร ฝ่ายบริหารจะมีอำนาจเท่าไร กติกาเราไม่ได้ช่วย การมีรัฐธรรมนูญ 3 ฉบับใน 20 ปี แสดงว่าเราหาข้อสรุปกันไม่ได้ จึงจำเป็นต้องออกแบบกลไกการบริหาร การตรวจสอบถ่วงดุล กันใหม่อย่างไร ถ้าแก้ปัญหานี้ไม่ได้ ไม่ต้องพูดการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ เพราะหากแก้เศรษฐกิจโดยไม่แก้ปัญหาการเมืองเป็นไปไม่ได้”
เมื่อถามว่า บอกว่ามีใครต้องการหยุดเวลา ทำไมกระแสการเปลี่ยนแปลงทลายตรงไม่ได้ นายธนาธร กล่าวว่า 20 ปีที่ผ่านมาบอกว่าการทำรัฐประหารบอกแล้วว่ามันแก้ปัญหาเดิมไม่ได้ มันสร้างปัญหาใหม่ การจะหยุดไม่ให้สังคมเคลื่อนไปข้างหน้า จึงต้องการสกัดไม่ให้พลังการเติบโตเคลื่อนไปข้างหน้า เรากลับมาที่จุดเดิมคือปัญหาไม่ได้แก้ ตอนตนตั้งพรรคอนาคตใหม่ เรายังบอกว่าเรามาทวงคืนหนึ่งทศวรรษที่หายไป
“พรรคประชาชนตอนนี้ตนมองว่ามีความมั่นคงทางกฎหมาย ในห้วงภาวะวิกฤตทางการเมือง ถ้าจะหาข้อผิดเพื่อยุบพรรคการเมือง มันหาข้อผิดได้ตลอดเวลา”
เมื่อถามว่า นิติสงครามในเวลานี้รุนแรงมากขึ้นหรือไม่ นายธนาธร กล่าวว่า ต้องบอกว่ากลไกการถ่วงดุลเกิดขึ้นในรัฐธรรมนูญปี 2540 แต่ตอนนี้การใช้อำนาจการถ่วงดุลกับฉ้อโกงเสียเอง ซึ่งรัฐธรรมนูญมันจำเป็นต้องปรับเปลี่ยน แก้ไขให้เท่าทันยุคสมัย กลไกรัฐธรรมนูญ 2540 ยังไม่ถูกใช้อย่างเต็มที่ แต่เราไม่ให้โอกาสมัน
เมื่อถามว่า การบอกว่ามีกลุ่มคนพยายามหยุดเวลาการเมือง เขาทำเพื่ออะไร นายธนาธร กล่าวว่า เพื่อการรักษาอำนาจนำ เพื่อรักษาระเบียบสังคมตอนนี้เอาไว้ อาจจะพูดว่าเป็นกลุ่มอนุรักษนิยมได้ เมื่อถามว่า การเปลี่ยนแปลงไปทำลายอำนาจของเขา นายธนาธร กล่าวว่า ไม่เรียกว่าทำลาย เราตั้งพรรคการเมือง เพื่อหาทางออกผ่านการพูดคุย ดังนั้นการเปลี่ยนแปลงมันจำเป็นต้องเกิดขึ้น จากภาวะเศรษฐกิจ สังคมโลก ถ้าจะทำให้ประเทศไทยแข่งขันกับโลกได้ มีแต่ต้องเปลี่ยนเปลงให้เร็วกว่า หรือเร็วเท่ากับโลก โครงที่เป็นอยู่ในปัจจุบันมันเปลี่ยนแปลงไม่ได้
“ผมยกตัวอย่างการจัดสรรงบประมาณ หากเรายังทำแบบเดิม เราจะตอบรับการเข้ามาของเอไอได้อย่างไร การเข้ามาของกฎเกณฑ์โลกได้อย่างไร ถ้าเราไม่ปรับเปลี่ยนภูมิทัศน์การเมืองให้ทันกับโลก ลูกหลานเราจะทำอะไร การเปลี่ยนแปลงเป็นพลวัตทางสังคมอยู่แล้ว ถ้าเราเดินด้วยสปีดนี้เราจะเดินไม่ทัน และตกขบวน”
เมื่อถามว่า พรรคประชาชนเข้าไปอยู่ในกลไกของสภายังไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ นายธนาธร กล่าวว่า การจัดสรรงบประมาณแบบปัจจุบัน ไม่สามารถทำให้ประเทศไทยก้าวหน้าได้ รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ รัฐบาลนายเศรษฐา และรัฐบาลน.ส.แพทองธาร เอกสารงบประมาณยังเหมือนกันหมดเลย เราต้องการทำให้การจัดสรรงบประมาณสอดคล้องกับประชาชน และพาประเทศไทยไปข้างหน้าได้ด้วย
เมื่อถามว่า เชื่อตรรกะรัฐราชการของไทยหรือไม่ นายธนาธร กล่าวว่า ถูกครึ่งเดียว อีกครึ่งมันต้องการนักการเมืองที่มีความตั้งใจ ปัญหาวันนี้มันขาดแรงผลักดันทางการเมืองที่จะบอกว่าทรัพยากรของประเทศต้องไปทางนี้ ถ้าบอกว่าฝ่ายการเมืองมีความตั้งใจที่จะผลักดัน จะสามารถผลักดันประเทศไทยให้ไปไกลกว่านี้ได้แน่นอน
เมื่อถามว่า ถ้านายธนาธรได้บริหารประเทศจะทำอะไรบ้าง นายธนาธร กล่าวว่า ฝ่ายบริหารต้องจัดงบประมาณใหม่ ต้องเพิ่มความมั่นคงในชีวิตมนุษย์ ต้องลดงบประมาณที่ไม่จำเป็น และสร้างขีดความสามารถการแข่งขันของประเทศ การแก้ปัญหาเศรษฐกิจระยะยาวต้องสร้างบ้านใหม่ ก่ออิฐที่ละก้อน
นายธนาธร กล่าวว่า ขณะนี้มีข่าวดีที่การแก้ไข พ.ร.บ.ประชามติ เพื่อเปิดทางให้แก้ไขรัฐธรรมนูญผ่านแล้ว ถ้าเลือกตั้งครั้งหน้าเราพ่วงถามไปด้วยว่าประชาชนเห็นชอบให้แก้ไขรัฐธรรมนูญปี 2560 หรือไม่ อย่าทำให้เสียของ เราทำมาประชามติด้วยกัน โดยทุกภาคส่วนมีส่วนร่วม เหมือนช่วงการรณรงค์รัฐธรรมนูญปี 2540 โดยใช้ธงเขียว ซึ่งทุกฝ่ายออกมารณรงค์พร้อมกัน
“ปัญหาที่เราบอกว่านักการเมืองทุจริต ถ้าเราจะแก้ต้องแก้ด้วยการบังคับใช้กฎหมายเสมอภาคกันทุกชนชั้น มีแต่การฟื้นฟูกระบวนการยุติธรรมที่จะทำให้ประเทศกลับเข้าสู่ภาวะปกติได้”
เมื่อถามว่า พรรคประชาชนค้านไม่เต็มปาก มันมีดีลอะไรกันหรือไม่ นายธนาธร กล่าวว่า มีความพยายามบอกว่าพวกตนเอียงแดงบ้าง เอียงน้ำเงินบ้าง ตนเชื่อมั่นพวกเขาว่าจะทำอะไรจะซื่อมั่นตรงอุดมการณ์ แต่การพูดคุยทางการเมืองมันต้องถกเถียงกัน เรื่องนี้เส้นทางหากที่สำคัญ ถ้าข้ามเส้นผลประโยชน์ของประเทศ เพื่อต่อรองให้ตัวเองอันนี้เป็นผลไม้พิษ
เมื่อถามว่า สถานการณ์ปัจจุบันจะมี 3 สีสีส้ม สีแดง สีน้ำเงิน เคยคุยกับผู้นำแดง และผู้นำน้ำเงินหรือไม่ นายธนาธร กล่าวว่า ในระดับ สส. แกนนำพรรค ตนคิดว่ามันมีการพูดคุยกัน ส่วนตัวตนไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการพูดคุยเหล่านี้ ถ้าลองสังเกตดูตนย้ำว่าถ้ามีสัญญาณว่าแกนนำของพรรคไปคุยกับพรรคอื่นแล้วเอาผลประโยชน์เข้าตัวเอง ตรงนี้ไม่มีสัญญาณ แต่มีการคุยเรื่องการเมือง ซึ่งไม่ล้ำเส้นนี้แน่นอน
เมื่อถามว่า คุยนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ล่าสุดตอนไหน นายธนาธร กล่าวว่า ตอนไปพบนายทักษิณที่ฮ่องกง เนื่องจากมีคนติดต่อนายชัยธวัช ตุลาธน ซึ่งนายชัยธวัชบอกว่าไม่เหมาะสมที่จะไปคุย จึงให้ตนไปคุยเอง หลังจากนั้นไม่มีการพูดคุยกันอีก ส่วนนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ตนคุยเมื่อเช้าวันนี้ เพราะกดผิด
เมื่อถามว่า ถ้าเกิดปัญหาแล้วมีพรรคแดง หรือพรรคน้ำเงิน ชวนไปจัดตั้งรัฐบาล นายธนาธร กล่าวว่า ตอบยาก แต่ตนเชื่อว่าโอกาสที่พรรคประชาชนจะเกิน 250 เสียง ยังมีโอกาส แต่ถ้าไม่ถึงและจำเป็นจะต้องเลือกระหว่างพรรคใดพรรคหนึ่ง มีอยู่ 2 ประการที่เป็นปัจจัยสำคัญ 1.ผลการเลือกตั้ง 2.การยอมรับนโยบายที่พรรคประชาชนได้หาเสียงไว้ เอาเป็นนโยบายหลักในการบริหารประเทศ ทั้งสองนโยบายเป็นเรื่องหลักที่พรรคประชาชนจะต้องตัดสินใจ
เมื่อถามว่า สถานการณ์ปัจจุบันตอนนี้มีปัญหาเสถียรภาพของรัฐบาล มองว่าประเทศไทยถึงตันหรือไม่ คิดว่าจะแก้ไขปัญหาทางตันอย่างไร นายธนาธร กล่าวว่า อย่าปล่อยให้มันถึงทางตัน หัวหน้าพรรคประชาชนแถลงว่ามันมีทางออก เราพร้อมโหวตให้คนอื่นเป็นนายกฯ แล้วถอยไปเป็นฝ่ายค้าน
เมื่อถามว่า คิดว่าการรัฐประหารในสังคมไทย มีโอกาสเกิดขึ้นอีกหรือไม่ นายธนาธร กล่าวว่า “ตราปใดที่ยังปฏิรูปกองทัพไม่ได้ เราไม่สามารถปิดประตูการรัฐประหารได้เลย การทำรัฐประหารมีโอกาสเกิดขึ้นได้เสมอ ใครจะคิดว่าหลังการรัฐประหาร 2534 แล้ว จะมีการทำรัฐประหารเกิดขึ้นอีก 2 ครั้ง ตอนปี 2534 กองทัพเป็นที่รังเกียจของประชาชน และหลังจากนั้นเราปฏิรูปเยอะแยะเลย แต่สิ่งหนึ่งที่อยู่ในวาระปฏิรูปแล้วไม่มีใครทำเลยคือการปฏิรูปกองทัพ
“ผมเชื่อว่าก่อนการรัฐประหารปี 2549 ผมเชื่อว่าไม่มีใครเชื่อว่าการรัฐประหารจะเกิดขึ้น ถ้าไม่มีการปฏิรูปกองทัพอย่างจริงจัง ก็มีโอกาสเกิดรัฐประหารขึ้นอีก โดยการปฏิรูปกองทัพมี 2 ส่วนที่ต้องทำพร้อมกัน 1.ทำให้กองทัพมีสรรถนะการรบที่พร้อมป้องกันประเทศตลอดเวลา 2.ทำให้อยู่ใต้รัฐบาลพลเรือน”
เมื่อถามว่า บทเรียนของการเลือกตั้งการจะชนะพรรคประชาชนเขาจะรวมกัน คิดว่าเขาจะทำโมเดลนี้สำเร็จหรือไม่ นายธนาธร กล่าวว่า ตนคิดว่าทำไม่ได้ พอเลือกตั้งใหญ่ทุกเขตมันสำคัญ มันคายให้กันไม่ได้ หลีกกันไม่ได้ และลักษณะสำคัญของการเลือกตั้งระดับประเทศ กับการเลือกตั้งท้องถิ่นคือ การเลือกตั้งประเทศ กระแส นโยบาย บุคคล ส่วนการเลือกตั้งท้องถิ่น บุคคล นโยบาย กระแส ตนเชื่อว่าพรรคประชาชนไม่หวาดหวั่น เพราะมันคนละเกม ปัจจัยกำหนดชัยชนะคนละแบบ มันต่างกัน