ชี้"เงินบาท"ยังแข็งค่า แม้"ภาษี"การค้ากระทบ
นายเวย์ ฟุก โหว ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการลงทุน (Chief Investment Office) ธนาคารดีบีเอส (DBS Bank) เปิดเผยว่า มองไปในครึ่งหลังของปีนี้ ภาวะเศรษฐกิจไทยยังมีโอกาสถูกกระทบจากประเด็นภาษีตอบโต้ทางการค้าสหรัฐ (Reciprocal Tariff) ที่จะกระทบต่อการส่งออก ซึ่งปัจจุบันยังมีความไม่แน่นอนว่าการเจรจาจะสรุปที่อัตราเท่าไหร่
ทั้งนี้ ธนาคารดีบีเอสคาดว่า เงินดอลลาร์อาจมีโอกาสอ่อนค่าลงได้ เนื่องจากสหรัฐยังขาดดุลงบประมาณสูง และตลาดลดการถือครองลง ส่งผลให้เงินบาทมีโอกาสแข็งค่าขึ้นได้ ส่วนหนึ่งเงินบาทแข็งค่าตามสกุลเงินภูมิภาคนำโดยเงินหยวนของจีน โดยแม้เศรษฐกิจไทยจะถูกกระทบจากภาคการส่งออกหากภาษีสินค้านำเข้าสหรัฐ ซึ่งเป็นตลาดใหญ่ถูกกระทบต่อการส่งออกสินค้ไทยค่อนข้างมาก แต่คาดว่าดุลบัญชีเดินสะพัดของไทยจะยังเกินดุลได้อยู่ดี ซึ่งจะหนุนให้เงินบาทแข็งค่าได้ โดยคาดค่าเงินบาทในสิ้นปีที่จะอยู่ที่ระดับ 32.80 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ และในปีหน้าจะแข็งค่าไปที่ระดับ 32 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
ด้าน นางสาวจันทร์เพ็ญ ศิริธนารัตนกุล กรรมการบริหารอาวุโส ฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ หลักทรัพย์ ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) กล่าวว่า ในสถานการณ์ปัจจุบันการลงทุนในตลาดหุ้นไทยยังขึ้นกับ 2 ประเด็นสำคัญที่ต้องจับตามอง คือ ประเด็นทางการเมืองในประเทศและภาษีการค้าไทยสหรัฐที่รอความชัดเจน ว่าไทยจะได้อัตราเท่าไหร่
หากภาษีไทยออกมาต่ำในกรณีฐานที่้คาดไว้ราวร้อยละ 18-20 ใกล้เพื่อนบ้าน คาดการณ์ GDP ไทยในปีนี้ในกรณีฐานจะเติบโตที่้ระดับร้อยละ 1.8 ถ้าภาษีที่สหรัฐคิดกับไทยสูงก็จะกดดัน GDP ลงต่ำได้อีก แต่ในทางกลับกันถ้าภาษีต่ำหรือใกล้เคียง ก็มีโอกาสที่เศรษฐกิจครึ่งปีหลังนี้เติบโตได้ดีกว่าคาด จากภาคการส่งออกที่ยังน่าจะแข่งขันได้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง