รัฐบาลสหรัฐฯ ระงับโครงการกังหัน Ørsted แม้สร้างไปกว่า 80% อ้างเหตุผลด้านความมั่นคงของชาติ
บริษัท Ørsted ผู้พัฒนาพลังงานลมนอกชายฝั่งรายใหญ่ที่สุดของโลกจากเดนมาร์ก เผชิญกับข่าวร้ายครั้งใหม่ เมื่อรัฐบาลสหรัฐฯ ได้มีคำสั่งให้ระงับการก่อสร้างโครงการกังหันลม “Revolution Wind” มูลค่า 1,500 ล้านเหรียญ โดยให้เหตุผลว่าจำเป็นต้องมีการทบทวนด้านผลกระทบต่อผลประโยชน์ด้านความมั่นคงของชาติ
คำสั่งดังกล่าวส่งผลกระทบโดยตรงต่อแผนการฟื้นฟูฐานะทางการเงินของ Ørsted เพราะโครงการ Revolution Wind ที่บริษัทร่วมพัฒนากับ Skyborn Renewables ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ Global Infrastructure Partners ในเครือ BlackRock ได้ดำเนินการก่อสร้างเสร็จสิ้นไปแล้วกว่า 80% โดยมีการติดตั้งฐานรากและกังหันไปแล้ว 45 ต้นจากทั้งหมด 65 ต้น
โครงการนี้มีกำหนดการเริ่มเดินเครื่องในปีหน้า และจะสามารถผลิตไฟฟ้าเพื่อรองรับบ้านเรือนในรัฐโรดไอแลนด์และคอนเนตทิคัตได้มากถึง 350,000 หลังคาเรือน ตามสัญญาระยะยาว 20 ปี
Ørsted เปิดเผยว่า บริษัทกำลังพิจารณาทางเลือกต่างๆ รวมถึงการดำเนินการทางกฎหมาย พร้อมทั้งจะแจ้งผลกระทบทางการเงินให้ตลาดทราบในลำดับถัดไป ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากความล่าช้าหรือการสูญเสียรายได้จากโครงการนี้ ยิ่งเพิ่มแรงกดดันต่อบริษัทที่เพิ่งประกาศระดมทุนฉุกเฉิน 9,400 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อพยุงฐานะทางการเงินเมื่อไม่นานมานี้
โฆษกของ Global Wind Energy Council (GWEC) แสดงความเห็นอย่างไม่พอใจว่า “เรื่องแบบนี้มักจะเกิดขึ้นในประเทศโลกที่สาม แต่มันกลับเกิดขึ้นในประเทศที่เป็นศูนย์รวมของตลาดเสรี มันไม่ใช่เรื่องที่น่าจริงจังเลย และมันจะส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อการลงทุนในสหรัฐฯ”
เหตุจากการเมืองระหว่างประเทศที่ร้อนแรงนี้ ทำให้การลงทุนทางธุรกิจมีความเสี่ยงมากขึ้น ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่นักลงทุนต้องพิจารณาอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจเข้าลงทุนในโครงการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับนโยบายของรัฐบาลสหรัฐฯ ในปัจจุบัน