Elite AI Engineer อาชีพพันล้าน ที่ทั้งโลกแย่งชิง ค่าตัวพุ่งสูงกว่าประธานาธิบดี
AI คืออนาคตของเทคโนโลยีอย่างแท้จริง และการแข่งขันเพื่อแย่งชิง ‘Elite AI Engineer’กำลังทวีความรุนแรงในระดับโลก
Elite AI Engineer หมายถึง บุคลากร AI ที่มีทักษะสูงและสามารถขับเคลื่อนนวัตกรรมได้อย่างโดดเด่น บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ต่างทุ่มทรัพยากรมหาศาลเพื่อดึงดูดคนกลุ่มนี้เข้าสู่องค์กร ค่าตอบแทนของวิศวกร AI ระดับสูงบางรายพุ่งสูงถึง 800,000 – 900,000 ดอลลาร์ต่อปี (ประมาณ 28-30 ล้านบาท) ซึ่งการแข่งขันนี้ดุเดือดไม่แพ้การซื้อตัวนักกีฬาอาชีพ
เหตุผลที่ Elite AI Engineer มีมูลค่าสูงลิ่ว
Meta เคยยื่นข้อเสนอค่าตอบแทนมูลค่ากว่า 200 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 6,486 ล้านบาท) เพื่อดึงตัวหัวหน้าทีมพัฒนา AI ของ Apple มาทำงานด้วย ซึ่งทำให้เห็นว่า Meta ยอมทำทุกวิถีทางเพื่อกวาดต้อนหัวกะทิที่ดีที่สุดในวงการมาไว้ในมือ
แล้วทำไมวิศวกรเหล่านี้ถึงค่าตัวสูงกว่าประธานาธิบดีเสียอีก?
🔸ความรู้เชิงลึกและหลากหลายสาขา:คนกลุ่มนี้มีพื้นฐานแข็งแกร่งทั้งด้านวิทยาการคอมพิวเตอร์ คณิตศาสตร์ และสถิติศาสตร์ การพัฒนาโมเดล AI สมัยใหม่มีความซับซ้อนสูงมาก ทำให้วิศวกร AI ที่เก่งครบเครื่องกลายเป็น ‘ทรัพยากรหายาก’
🔸ประสบการณ์และทักษะการประยุกต์ใช้จริง:การรู้ทฤษฎีไม่เพียงพอ แต่ต้องเคยสร้างระบบ AI ที่ใช้งานได้จริง พวกเขารู้ลึกถึง ‘ความเป็นไปได้’ของ AI จากการลองผิดลองถูกและแก้ปัญหาทางวิศวกรรมที่ซับซ้อนมานับไม่ถ้วน
🔸ความสามารถในการสร้างผลกระทบเชิงมหาศาล:Sam Altman ซีอีโอของ OpenAI เคยพูดถึง ‘10x engineer’ซึ่งหมายถึงวิศวกรที่มีความสามารถสูงมากจนสามารถสร้างผลงานได้มากกว่าวิศวกรทั่วไปถึงสิบเท่า อย่างไรก็ตาม ในยุค AI นี้ คนที่อยู่ในระดับท็อปของวงการถูกยกย่องว่าเป็น ‘10,000x engineer/researcher’ หมายความว่าผลงานของพวกเขามีพลังมหาศาลกว่าคนทั่วไปนับหมื่นเท่า ทั้งในแง่ของความก้าวหน้าทางเทคนิคและมูลค่าทางธุรกิจที่สร้างขึ้น
🔸ทักษะด้านวิสัยทัศน์และการสื่อสาร:วิศวกร AI ชั้นยอดมักเป็นผู้นําทางความคิด (thought leader) ที่สามารถมองเห็นภาพอนาคตของเทคโนโลยีและอธิบายแนวทางให้องค์กรเดินตามได้ หลายคนมีความคิดสร้างสรรค์สูง สามารถเชื่อมโยงแนวคิดข้ามสาขาเพื่อสร้างนวัต กรรมใหม่ นอกจากนี้ยังต้องทํางานเป็นทีมกับผู้เชี่ยวชาญอื่นๆ ได้ดี เพราะโครงการ AI ใหญ่ๆ จําเป็นต้องประสานงานระหว่างนักวิจัย นักพัฒนา วิศวกรระบบ และผู้จัดการผลิตภัณฑ์
ศึกแห่ง AI Talent
การลงทุนในบุคลากร AI สามารถสร้างผลตอบแทนมหาศาล ดังองค์กรระดับโลกที่ทุ่มสุดตัวเพื่อดึงเหล่า Talent เข้ามาเพื่อยกระดับตนเอง ไม่ว่าจะเป็น
🔸OpenAI:รวบรวมทีมวิจัยระดับหัวกะทิของโลก ทำให้สามารถพัฒนา ChatGPTซึ่งสร้างปรากฏการณ์ผู้ใช้งานทะลุ 100 ล้านคนในเวลาเพียง 2 เดือน
🔸Nvidia:เดิมเป็นบริษัทผู้ผลิตการ์ดจอสำหรับเล่นเกม แต่ทีมวิศวกรได้พลิกโฉมโดยนำ GPU มาประยุกต์ใช้กับ AI จนกลายเป็น ‘กระดูกสันหลังของยุค AI’ปัจจุบันชิปของ Nvidia เป็นหัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนโมเดล AI ทั่วโลก ทำให้มูลค่าบริษัทพุ่งทะยานสู่ 4 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2025
🔸WPP: ในฐานะผู้นำวงการโฆษณา WPP ทุ่มงบกว่า 13,000 ล้านบาทต่อปี เพื่อพัฒนา “WPP Open” แพลตฟอร์ม AI ของตนเอง และยังร่วมมือกับ Stability AI เพื่อเข้าถึงเทคโนโลยีสร้างสรรค์ภาพและวิดีโอขั้นสูง ทำให้สามารถสร้างคอนเทนต์โฆษณาแบบเฉพาะบุคคล (hyper-personalized) จำนวนมากได้อย่างรวดเร็ว และลดต้นทุนการผลิตได้อีกด้วย
ไทยยังคงตามหลังหลายก้าว
ในขณะที่โลกเร่งคว้าคนเก่ง ไทยกลับเผชิญปัญหาขาดแคลนบุคลากรด้าน AI กว่า 80,000 คน แม้รัฐบาลจะตั้งเป้าพัฒนาผู้เชี่ยวชาญให้ได้เกือบแสนคนในไม่กี่ปี แต่โจทย์ใหญ่คือ ทำอย่างไรให้ได้ทั้งปริมาณและคุณภาพ?
ตลาดแรงงานไทยยังเน้นการใช้ AI มากกว่าการพัฒนา AI ซึ่งเป็นจุดที่ต้องเร่งปรับ ทั้งการผลิตนักพัฒนา AI โดยตรง และการเสริมทักษะให้แรงงานทั่วไปสามารถใช้ AI เป็นเครื่องมือได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ภาครัฐมีแผนยุทธศาสตร์ที่น่าสนใจ เช่น การตั้งบอร์ด AI แห่งชาติ การตั้งเป้าพัฒนาผู้ใช้ AI 10 ล้านคนใน 2 ปี และการลงทุนกว่า 5 แสนล้านบาทในโครงสร้างพื้นฐานด้าน AI
แต่ความท้าทายคือจะทำอย่างไรให้แผนนี้กลายเป็นรูปธรรมจริง
ต้องลงทุนในคนก่อนจะสายไป
เราอาจต้องเริ่มจากการเปลี่ยนความคิดว่า AI ไม่ใช่แค่เรื่องของโปรแกรมเมอร์ แต่คือทักษะใหม่ที่ทุกคนควรเรียนรู้ ทั้งแรงงานทั่วไปที่ต้องรู้จักใช้ AI เป็นเครื่องมือ และคนรุ่นใหม่ที่ต้องมอง AI เป็นอาชีพแห่งอนาคต
เราต้องปรับหลักสูตรการศึกษาให้ทันสมัย เพิ่มโอกาสการเรียนรู้ AI ตั้งแต่มัธยมจนถึงมหาวิทยาลัย และเปิดทางให้คนเก่งกลับมาทำงานในประเทศได้ง่ายขึ้น รวมถึงสร้างสภาพแวดล้อมที่ท้าทายพอจะรักษาคนไว้ได้
3–5 ปีจากนี้ AI จะเปลี่ยนเกมในระดับโลก
ผู้ที่มีทีม AI จะทิ้งห่างผู้เล่นรายอื่นแบบ ‘กินรวบ’ บริษัทนอกวงการจะเริ่มควบรวมซื้อกิจการ AI และเกิดตำแหน่งใหม่อย่าง AI Ethicist หรือ Prompt Architect ขึ้นเรื่อยๆ
ที่สำคัญที่สุด สิ่งที่จะกำหนดอนาคตเราไม่ใช่แค่โมเดล AI ล้ำแค่ไหน แต่คือ ‘เรามีคนพร้อมใช้มันแค่ไหน’