“นักเรียนจีน” หลั่งไหลเข้าเรียนรัสเซียเพิ่ม 25% สะท้อนสัมพันธ์ไร้ขีดจำกัดสี จิ้นผิง-ปูติน
"นักเรียนจีน" หลั่งไหลเข้าเรียนรัสเซียเพิ่ม 25% สะท้อนสัมพันธ์ไร้ขีดจำกัดสี จิ้นผิง-ปูติน โดยความร่วมมือด้านการศึกษาถูกมองว่าเป็นโครงสร้างพื้นฐานมนุษย์ของโลกหลายขั้ว
วันที่ 26 สิงหาคม 2568 เวลา 11.00 น. สำนักข่าว Nikkei Asia รายงานว่า มหาวิทยาลัยมอสโกสเตท (Moscow State University) สถาบันการศึกษาชั้นนำของรัสเซีย เผยแพร่วิดีโอโฆษณาแสดงคุณค่าของการชนะในทุกสถานการณ์ พร้อมโชว์ห้องสมุดที่เต็มไปด้วยหนังสือชั้นครู สิ่งอำนวยความสะดวกด้านกีฬา และภาพนักศึกษาชาวเอเชียที่พูดภาษารัสเซียจำนวนมาก
แม้นักศึกษาต่างชาติส่วนใหญ่ในรัสเซียจะมาจากเอเชียกลาง แต่จำนวน นักเรียนจีนเพิ่มขึ้นถึง 25% เป็นราว 51,000 คนในปี 2567 จากปี 2565 ตามข้อมูลของรัฐบาลรัสเซีย ความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นระหว่างจีน–รัสเซียได้ผลักดันให้เกิดความร่วมมือทางการศึกษามากขึ้น โดยเจ้าหน้าที่รัสเซียได้กล่าวย้ำถึงความภาคภูมิใจดังกล่าว ระหว่างที่วลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดี รัสเซีย ให้การต้อนรับ สี จิ้นผิง ในมอสโกเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา
ผู้เชี่ยวชาญมองว่า ความสัมพันธ์ไร้ขีดจำกัดระหว่างปูตินและสี ได้ส่งผลโดยตรงต่อการศึกษาของคนรุ่นใหม่ในทั้งสองประเทศ
แอชลีย์ ดูดาเรน็อค ผู้ก่อตั้งบริษัทที่ปรึกษา ChoZan ในฮ่องกงและจีนแผ่นดินใหญ่ กล่าวว่า “เรากำลังเห็นการเกิดขึ้นของระบบการศึกษานานาชาติทางเลือก ที่สอดคล้องกับพันธมิตรเชิงภูมิรัฐศาสตร์” พร้อมประเมินว่า จำนวนนักเรียนจีนในรัสเซียจะทะลุ 100,000 คน ภายใน 5 ปี เทียบกับอังกฤษที่มีนักศึกษาจีนมากที่สุดกว่า 150,000 คน
ปัจจุบันมีนักศึกษารัสเซียกว่า 21,000 คนที่ไปเรียนในจีน ทั้งยังมีหลักสูตรร่วมกว่า 160 โครงการ และสถาบันการศึกษาแบบร่วมก่อตั้ง (Joint Institutions) อย่างน้อย 27 แห่ง งานวิจัยจาก Mercator Institute ของเยอรมนีพบว่า 36% ของนักเรียนปริญญาโทในรัสเซียเมื่อปีที่แล้ว มาจากจีน
เว็บไซต์ของมหาวิทยาลัย Tomsk State University ระบุว่า มีความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยจีนถึง 18 แห่ง รวมถึง Dalian University of Technology โดยสาขาที่นักเรียนจีนสนใจเป็นพิเศษ ได้แก่ เมคคาทรอนิกส์และหุ่นยนต์ การออกแบบระบบเครื่องจักร เทคโนโลยีการจัดการ บอลลิสติกและพลศาสตร์การบิน รวมถึง AI ในฟิสิกส์วิศวกรรม
ฟิลิปป์ โรเว ที่ปรึกษาธุรกิจชาวเยอรมันในมอสโก ระบุว่า มหาวิทยาลัยรัสเซีย โดยเฉพาะระดับท็อปอย่างมอสโกสเตท มีชื่อเสียงด้านวิชาการสายเทคนิค และค่าธรรมเนียมถูกกว่าตะวันตกมาก พร้อมโอกาสรับทุนการศึกษา นอกจากนี้การส่งเสริมความร่วมมือด้านการศึกษายังมีมิติยุทธศาสตร์แฝงอยู่
หลังรัสเซียบุกยูเครนและถูกคว่ำบาตรจากสหรัฐ–ยุโรป ธุรกิจตะวันตกจำนวนมากถอนตัวออกไปทันที แต่บริษัทจีน โดยเฉพาะยานยนต์และอิเล็กทรอนิกส์ กลับเข้ามาแทนที่โชว์รูมรถเบนซ์หรือ BMW บนถนนสายใหญ่ของมอสโก กลายเป็นโชว์รูม Geely และ Chery ในชั่วข้ามคืน และความขยายตัวนี้ต้องพึ่งพา บุคลากรจีนที่เข้าใจธุรกิจ กฎหมาย และวัฒนธรรมรัสเซีย
ดูดาเรน็อคกล่าวว่า “นักศึกษาจีนกำลังถูกฝึกมาเพื่อกลับไปทำงานกับบริษัทจีนที่ดำเนินกิจการในรัสเซียหรือทำธุรกิจทวิภาคีจีน–รัสเซีย นี่ไม่ใช่การศึกษาที่มุ่งเน้นการย้ายถิ่นฐานแบบดั้งเดิม แต่เป็นการพัฒนากำลังคนเชิงกลยุทธ์”
การเรียนในรัสเซียช่วยให้นักศึกษาจีนได้เปรียบในสาขาสำคัญ เช่น การค้า พลังงาน วิศวกรรม การแพทย์ และการทูต โดยเฉพาะในประเทศที่เกี่ยวข้องกับโครงการ Belt and Road Initiative (BRI) ของจีน ซึ่งครอบคลุมเอเชียกลางที่พูดภาษารัสเซีย
ปริญญาจากรัสเซียในสาขาเหล่านี้ยังได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางในจีน ทำให้บัณฑิตสามารถหางานที่มีรายได้ดีและเป็นที่ต้องการสูงได้ อีกทั้งยังได้รับสิทธิประโยชน์ “ไห่กุ้ย” (Haigui) สำหรับผู้กลับจากการศึกษาต่างประเทศ เช่น สิทธิ์อยู่อาศัยในเมืองใหญ่ เงินสนับสนุนผู้ประกอบการ และโอกาสการจ้างงานแบบพิเศษ
หนึ่งในตัวอย่างคือ Shenzhen MSU-BIT University ที่ร่วมก่อตั้งโดย Beijing Institute of Technology และ Moscow State University ซึ่งเปิดเส้นทางไปสู่การศึกษาต่อหรือการทำงาน โดยมักมีการฝึกงานและวิจัยร่วมกับบริษัทที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจจีน–รัสเซีย
ฟิลิป นูเบล นักวิเคราะห์จีนประจำสถาบัน AMO ที่กรุงปราก มองว่าการที่ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ใช้นโยบายเข้มงวดต่อการรับนักศึกษาจีนในสหรัฐฯ กำลังเร่งแนวโน้มนี้ โดยทรัมป์กดดันมหาวิทยาลัยอเมริกันให้ลดการรับนักศึกษาต่างชาติ และประกาศในเดือนพฤษภาคมว่าจะเพิกถอนวีซ่านักเรียนจีนอย่างจริงจัง
นูเบลกล่าวว่า สำหรับรัสเซียซึ่งถูกคว่ำบาตรและขาดความร่วมมือทางวิชาการกับโลกตะวันตก กระแสนักศึกษาจีนคือเส้นเลือดสำคัญที่ช่วยแสดงว่ารัสเซียยังมีส่วนร่วมในเวทีการศึกษาโลก
อ้างอิง : asia.nikkei.com