น้ำท่วมฉับพลันคร่าชีวิต 56 รายที่หมู่บ้านบนภูเขาในแคชเมียร์ของอินเดีย
กระแสน้ำเชี่ยวกรากที่เกิดจากฝนตกหนักได้พัดถล่มหมู่บ้านบนภูเขาหิมาลัยในแคชเมียร์ที่อินเดียปกครอง ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 56 ราย
เจ้าหน้าที่กู้ภัยตรวจสอบพื้นที่เกิดน้ำท่วมฉับพลันที่หมู่บ้านแห่งหนึ่งในเขตคิชต์วาร์บนภูเขาหิมาลัย ในแคว้นแคชเมียร์ที่อยู่ภายใต้การปกครองของอินเดีย เมื่อวันที่ 14 สิงหาคม (Photo by Imran Shah / AFP)
เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันศุกร์ที่ 15 สิงหาคม 2568 กล่าวว่า เกิดเหตุน้ำท่วมฉับพลันจากฝนที่ตกหนักได้พัดถล่มหมู่บ้านบนภูเขาหิมาลัยในแคชเมียร์ที่อยู่ภายใต้การปกครองของอินเดีย นับเป็นภัยพิบัติน้ำท่วมร้ายแรงครั้งที่สองของอินเดียในเดือนนี้
โอมาร์ อับดุลลาห์ มุขมนตรีแคชเมียร์ กล่าวในแถลงการณ์ โดยรายงานว่ามีฝนตกหนักกระหน่ำในเขตคิชต์วาร์
ขณะที่เจ้าหน้าที่ระดับสูงด้านการจัดการภัยพิบัติกล่าวกับเอเอฟพีว่า "ยอดผู้เสียชีวิตตอนนี้อยู่ที่ 56 ราย, มีผู้สูญหายราว 80 คน, ผู้ประสบภัย 300 คนได้รับการช่วยเหลือจากพื้นที่เกิดเหตุ และ 50 คนในจำนวนนี้ได้รับบาดเจ็บสาหัส"
หมู่บ้านชิโซติ ซึ่งเป็นพื้นที่ประสบภัย ตั้งอยู่บนเส้นทางแสวงบุญของชาวฮินดูไปยังศาลเจ้ามาไจล์มาตา
เจ้าหน้าที่กล่าวว่า เต็นท์ชั่วคราวขนาดใหญ่ซึ่งมีผู้แสวงบุญมากกว่า 100 คนพักอยู่ ถูกกระแสน้ำซัดหายไปจนหมด
ทีมกู้ภัยกำลังประสบปัญหาในการเข้าถึงพื้นที่ แม้มีทหารเข้าร่วมปฏิบัติการด้วยก็ตาม
กรมอุตุนิยมวิทยาของภูมิภาคได้ออกประกาศเตือนภัยฝนตกหนักและน้ำท่วมเพิ่มเติม โดยขอให้ประชาชนเฝ้าระวัง
ถนนได้รับความเสียหายจากพายุฝนฟ้าคะนองที่พัดถล่มมาหลายวันแล้ว พื้นที่ดังกล่าวอยู่ห่างจากศรีนาการ์ เมืองหลักของภูมิภาคนี้กว่า 200 กิโลเมตรทางถนน
นายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดี ของอินเดียกล่าวแถลงว่าจะให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่แก่ผู้ประสบภัย
ทั้งนี้ อินเดียเพิ่งเผชิญเหตุน้ำท่วมเมื่อวันที่ 5 สิงหาคม ในเมืองธาราลีบนเทือกเขาหิมาลัย ในรัฐอุตตราขัณฑ์ โดยเมืองนี้ถูกทับถมด้วยโคลนและยอดผู้เสียชีวิตจากภัยพิบัติน่าจะมีมากกว่า 70 ราย แต่ยังไม่ทราบแน่ชัด
อุทกภัยและดินถล่มมักเกิดขึ้นบ่อยครั้งในช่วงฤดูมรสุมตั้งแต่เดือนมิถุนายนถึงกันยายน แต่ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่าการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ประกอบกับการพัฒนาที่วางแผนไว้ไม่ดี กำลังเพิ่มความถี่และความรุนแรงของเหตุการณ์
องค์การอุตุนิยมวิทยาโลกของสหประชาชาติ ระบุเมื่อปีที่แล้วว่าอุทกภัยและภัยแล้งที่รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ เป็นสัญญาณเตือนภัยของสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศทำให้วัฏจักรน้ำของโลกคาดเดาได้ยากยิ่งขึ้น.