“คนอินเดีย” ทุ่มจัดงานแต่งงานโอกาสท่องเที่ยวไทย

เผยแพร่ 1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

สำนักงานส่งเสริมการค้าต่างประเทศ ณ กรุงนิวเดลี ประเทศอินเดีย รายงานถึง ตลาดอุตสาหกรรมงานเเต่งอินเดีย ว่าเป็นหนึ่งในตลาดที่น่าสนใจ

งานแต่งเล็กๆ ที่จัดในวัดอินเดียและเชิญแขกเพียงไม่กี่คน ใช้งบประมาณจัดงาน 5,700 เหรียญสหรัฐ(184,000 บาท)

ขณะที่งานแต่งขนาดใหญ่ จัดในพระราชวังหรูมีค่าใช้จ่ายสูงถึง 1 แสนเหรียญสหรัฐ( กว่า 3 ล้านบาท)

ส่วนระดับมหาเศรษฐกิจ ค่าใช้จ่ายในงานแต่งพุ่งขึ้นไปมากกว่าคนธรรมดาหลายเท่าตัว โดยเมื่อปี 2567 มีรายงานว่า งานแต่งของนายอนันต์ อัมบานี ลูกชายยคนเล็กของมูเกช อัมบานี มหาเศรษฐีอันดับต้นๆ ของอินเดีย ใช้งบประมาณไปกว่า 5,000 ล้านเหรียญสหรัฐ (161,000 ล้านบาท) โดยงานแต่งนี้ถูกพูดถึงอย่างกว้างขวางถึงความอลังการ และถูกยกให้เป็นงานแต่งแห่งปีของประเทศอินเดีย มีงานเลี้ยงก่อนแต่งที่มีมาร์ก ซักเคอร์เบิร์กและบิล เกตส์ เข้าร่วมงาน และมีการว่าจ้างรีฮานนา และจัสติน บีเบอร์ มาแสดงคอนเสิร์ตในงานด้วย

งานแต่งงานของอินเดีย มีองค์ประกอบของงานหลายเรื่อง เช่น

อาหารจัดเลี้ยง คิดเป็นร้อยละ 20-30 ของงบประมาณงานแต่งทั้งหมด

เครื่องประดับ ถือเป็นค่าใช้จ่ายสำคัญ โดยทองและเพชรถือเป็นส่วนสำคัญในพิธี ค่าใช้จ่ายเครื่องประดับ

สถานที่จัดงานและการตกแต่ง นิยมใช้ตั้งแต่ห้องจัดเลี้ยงของชุมชนหรือลานสวน ไปจนถึงโรงแรมหรูหรือพระราชวัง

เครื่องแต่งกาย เสื้อผ้าของเจ้าสาว เจ้าบ่าว และสมาชิกในครอบครัว มักใช้งบประมาณร้อยละ 15-20 ของงบประมาณ

ช่างแต่งหน้า มักจะมีการจ้างทีมช่างแต่งหน้าแยกต่างหากสำหรับครอบครัว เนื่องจากเจ้าสาวอาจใช้เวลาถึง 3 ชั่วโมงในการแต่งหน้า การมีทีมช่างเพียงทีมเดียวอาจทำให้ล่าช้าได้ จึงนิยมจ้างทีมช่างแต่งหน้ามากกว่า 1 ทีม

การถ่ายภาพงานแต่ง ถือเป็นหนึ่งในองค์ประกอบที่สำคัญในการบันทึกความทรงจำ จัดงานทั้งทีภาพต้องชัด รูปต้องสวย ดังนั้นการจ้างช่างถ่ายภาพจึงเป็นสิ่งจำเป็นในงานแต่งที่คนอินเดียจะไม่ยอมพลาด

ดนตรีและความบันเทิง ถือเป็นองค์ประกอบสำคัญที่ช่วยสร้างประสบการณ์ให้จดจำ และมักใช้สัดส่วน ประมาณร้อยละ 5–7 ของงบงานแต่งทั้งหมด

ผลสำรวจจาก Skyscanner พบว่า มากกว่าร้อยละ 80 ของชาวอินเดียเคยจัดหรือมีแผนจะจัดงานแต่งแบบ Destination Wedding การแต่งงานดังกล่าวได้รับความนิยมมากในกลุ่ม Gen Z และกลุ่ม Millennials ตรงนี้แสดงให้เห็นถึงแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงทางวัฒนธรรมที่เน้นประสบการณ์และความเป็นเอกลักษณ์มากขึ้น

พบว่า ความนิยมของ Wedding Destination ในต่างประเทศเริ่มมากขึ้น คู่รักอินเดียยุคใหม่เริ่มมองหาสถานที่แต่งงานที่แตกต่างและน่าจดจำ ยอมจ่ายเงินเพิ่มถึงร้อยละ 50 เพื่อจัดงานแต่งในต่างประเทศที่มีสภาพแวดล้อม วัฒนธรรม หรือบรรยากาศที่แปลกใหม่

ตลาดงานแต่งอินเดียน่าสนใจมากขึ้น เพราะการเติบโตของชนชั้นกลาง พบว่า รายได้เฉลี่ยของชนชั้นกลางในอินเดียเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในเมืองใหญ่ ทำให้การจัด Destination Wedding ไม่ใช่เรื่องไกลเกินเอื้อมอีกต่อไป ผู้ประกอบการไทยสามารถตั้งเป้าหมายถึงลูกค้ากลุ่มนี้ตั้งแต่ระดับกลางถึงพรีเมียมได้

สำนักงานส่งเสริมการค้าต่างประเทศ ณ กรุงนิวเดลี ประเทศอินเดีย ระบุถึงโอกาสของผู้ประกอบการไทยในตลาดงานแต่งอินเดีย เช่น

การจัดงานแต่งแบบครบวงจร (One-stop Wedding Service): ผู้ประกอบการไทยสามารถต่อยอดด้วยการให้บริการแบบครบวงจร เช่น บริการจัดงานแต่งที่รวมสถานที่ อาหาร พิธีทางศาสนา การตกแต่ง การแต่งหน้าเจ้าสาว พิธีกร และดนตรี โดยเฉพาะในรีสอร์ทที่มีความพร้อมสูง เช่น ภูเก็ต กระบี่ สมุย ซึ่งตอบโจทย์คู่รักอินเดียที่ต้องการจัด Destination Wedding แบบสะดวกและมืออาชีพ โดยไม่ต้องประสานงานหลายฝ่าย

อาหารมังสวิรัติและขนมไทย : งานแต่งอินเดียส่วนใหญ่เน้นอาหารมังสวิรัติ ผู้ประกอบการไทยสามารถปรับเมนูไทยให้เข้ากับรสนิยมอินเดีย เช่น ต้มข่าเห็ดแบบเจ ข้าวเหนียวมะม่วง ขนมชั้น ซึ่งจะสร้างความแปลกใหม่ และกลายเป็นจุดขายที่แตกต่างจากคู่แข่ง

บริการถ่ายภาพและวิดีโอ: ประเทศไทยมีทีมช่างภาพและวิดีโอมืออาชีพที่มีประสบการณ์หลากหลาย เช่น การใช้แสงธรรมชาติ การถ่ายทอดเรื่องราวผ่านภาพเหมือนกับภาพยนตร์ อีกทั้งยังมีตัวเลือกในการถ่ายทั้งแบบฟิล์มและดิจิทัล รวมถึงสามารถปรับโทนสีให้ตรงกับความต้องการของลูกค้า เช่น โทนอบอุ่นแบบ หรือโทนสดใสแบบสมัยใหม่ จึงเป็นจุดแข็งที่ตอบโจทย์ลูกค้าชาวอินเดียที่ให้ความสำคัญกับภาพลักษณ์และความทรงจำในวันสำคัญ

โฟโต้บูธและของที่ระลึกในงานแต่ง: ในไทยโฟโต้บูธ กลายเป็นองค์ประกอบยอดนิยมของงานแต่ง โดยเฉพาะในหมู่ Gen Z และ Millennial เพราะสามารถสร้างประสบการณ์ที่สนุกสนานให้แขกผู้มาร่วมงาน และยังกลายเป็นของที่ระลึกส่วนตัวจากงานแต่งได้อย่างมีสไตล์ ในขณะที่ในอินเดีย โฟโต้บูธยังอยู่ในช่วงเริ่มเป็นที่รู้จักและยังไม่แพร่หลายนัก จึงถือเป็นโอกาสอันดีที่ผู้ประกอบการไทยสามารถนำเสนอนวัตกรรมนี้ในแพ็กเกจงานแต่ง เพื่อสร้างจุดต่างและเพิ่มคุณค่าให้กับบริการ

พัฒนาแพ็กเกจเฉพาะกลุ่ม (Niche Package): เช่น แพ็กเกจงานแต่งแนวรักษ์โลก (Eco-Wedding) สำหรับกลุ่มที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมและกำลังเริ่มเป็นที่นิยมมากขึ้น โดยสามารถแทรกการใช้ดอกไม้ปลอมหรือดอกไม้รีไซเคิลจากฝีมือคนไทยไปจัดในงานได้อีกด้วย แพ็คเกจพิเศษเฉพาะโรงแรม รีสอร์ท และร้านอาหาร เช่นการออกแบบแพ็กเกจเฉพาะสำหรับตลาดอินเดีย แต่งงาน 3 วัน 3 พิธี (Haldi, Mehndi, Wedding Ceremony) เมนูอาหารมังสวิรัติหรือฮาลาล เช่น South Indian veg set, Punjabi buffet

งานจัดดอกไม้สด-แห้ง : คนไทยมีความสามารถในการจัดดอกไม้ และการทำดอกไม้รีไซเคิล ตรงนี้สามารถจัดทำแพ็กเกจที่เข้ากับ theme ต่างๆตามที่กลุ่มเป้าหมายต้องการ

การที่ทำให้ไทยเป็นจุดหมายสำคัญของการแต่งงานชาวอินเดียว ต้องมีการใช้ประโยชน์จากอิทธิพลของ Social Media โดยคู่รักชาวอินเดียในยุคปัจจุบันมักใช้แพลตฟอร์มอย่าง Instagram และ Pinterest เป็นแหล่งค้นหาแรงบันดาลใจสำหรับธีมงานแต่ง ชุดแต่งงาน ไปจนถึงสถานที่จัดงาน ส่งผลให้ผู้ประกอบการสามารถสร้างแบรนด์ และเข้าถึงลูกค้าต่างชาติได้ง่ายขึ้นผ่านช่องทางออนไลน์ นอกจากนี้ การเห็นภาพงานแต่งของบุคคลมีชื่อเสียงบนโลกโซเชียล ยังมีอิทธิพลต่อรูปแบบและการตัดสินใจของคู่รักในการเลือกจัดงานตามเทรนด์ของคนดังเหล่านั้นอีกด้วย

นอกจากนี้การเปิดรับวัฒนธรรมของคนรุ่นใหม่ Gen Z เริ่มเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของอุตสาหกรรมงานแต่งมากขึ้น อีกทั้งคนกลุ่มนี้ยังเริ่มเปิดรับวัฒนธรรมใหม่ๆมากขึ้น โดยเฉพาะด้านแฟชั่น อาหาร พิธีกรรมแบบผสมผสาน รวมถึงในเรื่องของการแต่งงาน ทำให้ไทยมีโอกาสเจาะตลาดได้ง่ายขึ้นเพราะมีวัฒนธรรมหลายอย่างที่ใกล้เคียงกัน

ไทยสามารถมุ่งเน้นตลาดท่องเที่ยวเฉพาะกลุ่ม เช่น Romance Tourism, Wedding & Honeymoon ผ่านนโยบายของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวและกระตุ้นการใช้จ่ายภายในประเทศ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง