บัตรเครดิตกลุ่มพรีเมียมเมินใช้จ่าย รัดเข็มขัด-ลดฟุ่มเฟือย
นายอธิศ รุจิรวัฒน์ ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านกรุงศรี คอนซูมเมอร์ และประธานชมรมธุรกิจบัตรเครดิต สมาคมธนาคารไทย เปิดเผยว่า ประเมินแนวโน้มตลาดบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคลในครึ่งปีหลัง ยอมรับหนักไม่น้อยกว่าครึ่งปีแรก จากหลายปัจจัยทั้งเหตุไม่สงบชายแดนไทย-กัมพูชา มาตรการภาษี 19% ความไม่แน่นอนทางด้านการเมือง และความท้าทายมาตรการกำกับดูแลของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)
ทั้งนี้ ตลาดบัตรเครดิตในภาพรวมครึ่งปีแรกระหว่างเดือน ม.ค.-มิ.ย. 68 ตลาดไม่ค่อยดี ยอดใช้จ่ายผ่านบัตรเติบโต 0.8% จาก 1.128 ล้านบาท เป็น 1.137 ล้านบาท จากปกติเฉลี่ย 5-6% ต่อปี ส่วนจำนวนบัตรเครดิต ติดลบ 0.6% จาก 26.39 ล้านบัตร ลดลงเหลือ 26.23 ล้านบัตร โดยยอดสินเชื่อคงค้างอยู่ที่ 458,000 ล้านบาท เหลือ 470,000 ล้านบาท หรือติดลบ 2.5% ขณะที่หนี้ไม่ก่อให้เกิดรายได้ หรือเอ็นพีแอล ไม่ได้ขยับเพิ่มมากนักปัจจุบันอยู่ที่ 2.7%
สำหรับพฤติกรรมการใช้จ่ายของบัตรเครดิตกรุงศรีคอนซูมเมอร์ ในครึ่งปีแรก ผู้ที่ถือบัตรพรีเมียมมียอดใช้จ่ายลดลง จากเดิมกลุ่มนี้ใช้จ่ายสูง ซึ่งที่ผ่านมาหลังโควิด กลุ่มนี้ทำให้มีการใช้จ่ายเพิ่มขึ้น เป็นตัวพยุงตลาดบัตรเครดิต แต่พอมาปีนี้กลุ่มนี้มีการใช้จ่ายลดลง พฤติกรรมคล้ายรัดเข็มขัด ลดการใช้จ่ายฟุ่มเฟือยลง เช่นเดียวกับกลุ่มใหญ่กลุ่มคนทั่วไป และหันไปใช้ผ่อนชำระมากขึ้น เช่น 0% 10 เดือนที่เห็นการเติบโตบ้าง
“จากข้อมูลดังกล่าว แสดงให้เห็นว่าความเชื่อมั่นในตลาดอาจยังไม่ฟื้นตัว ผู้บริโภคระมัดระวังมากขึ้น ลดหรือชะลอการใช้จ่ายสินค้าฟุ่มเฟือย เน้นการใช้จ่ายในหมวดที่จำเป็นและการวางแผนระยะยาวมากขึ้น ส่งผลให้แนวโน้มธุรกิจบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคลเติบโตช้า”
นายอธิศ กล่าวว่า สภาพเศรษฐกิจปีนี้มีแนวโน้มชะลอลง เนื่องจากปัจจัยต่าง ๆ เช่น ภาระหนี้ครัวเรือนต่อจีดีพีที่สูง, สถานการณ์ทางการเมืองในประเทศ, การเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์ระหว่างประเทศ เช่น นโยบายการจัดเก็บภาษีศุลกากรตอบโต้ของสหรัฐ ซึ่งอาจกระทบการส่งออก, สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งล้วนมีผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภค ส่งผลให้ธุรกิจบัตรเครดิตมีแนวโน้มหดตัวลง อีกทั้งสถาบันการเงินมีแนวโน้มเพิ่มความเข้มงวดในการอนุมัติสินเชื่อเพื่อควบคุมความเสี่ยง ในขณะที่ผู้บริโภคหลายกลุ่มเพิ่มความระมัดระวังในการใช้จ่ายจากความกังวลเนื่องจากสภาวะเศรษฐกิจ ทำให้ผู้ประกอบการต้องเร่งปรับตัว
นายอธิป ศิลป์พจีการ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท อยุธยา แคปปิตอล เซอร์วิสเซส จำกัด และประธานชมรมสินเชื่อส่วนบุคคล กล่าวว่า แนวโน้มสินเชื่อส่วนบุคคลที่ไม่มีหลักประกันภาพรวมตลาด ยอดสินเชื่อคงค้างจากเดือน มิ.ย. 67 อยู่ที่ 494,000 ล้านบาท เหลือ 469,000 ล้านบาทติดลบ 5% หรือหายไป 30,000 ล้านบาท ณ สิ้นเดือน มิ.ย. 68 ขณะที่เอ็นพีแอลสินเชื่อส่วนบุคคลอยู่ที่ 3.7% เทียบกับเดือน ธ.ค. 67 อยู่ที่ 3.9% ลดลงเนื่องจากคุณภาพหนี้ดีขึ้น และสินเชื่อปล่อยใหม่ผู้ประกอบการระมัดระวังปล่อยสินเชื่อมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม เอ็นพีแอลกลุ่มธนาคารอยู่ที่ 4.3%, เอ็นพีแอลกลุ่มนอนแบงก์ที่มี 140-150 ราย อยู่ที่ 3.3% ซึ่งมีความท้าทายมากในตลาดสินเชื่อส่วนบุคคล เพราะมีกฎเกณฑ์สินเชื่ออย่างรับผิดชอบอย่างเป็นธรรม และธนาคารไร้สาขาหรือเวอร์ชวลแบงก์ เริ่มเปิดให้บริการ มิ.ย. 69