สภาสูงไฟเขียวงบ2569 เจี๊ยบเดือดอัดสส.ควาย
พท.ขอบคุณสภาผ่าน "พ.ร.บ.งบฯ 69" ลุยทำนโยบายทันที โต้ข่าวซื้อโหวต ท้า "ปชน." เปิดชื่อ-เบอร์โทร.คนในคลิปเสียง 10 กิโล "สว.สีน้ำเงิน" ประสานเสียงจ่อไฟเขียวลงมติสามวาระรวดสัปดาห์หน้า ปมเหยียดพระระอุ! "เจี๊ยบ อมรัตน์” ฟาดเดือด สส.นนทบุรี ควายมากทำพรรคเหนื่อย "เจ้าอาวาสวัดไทยลาสเวกัส" กระทุ้ง ชงศาล รธน.ยุบพรรคประชาชนดูหมิ่นศาสนา
ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล สส.บัญชีรายชื่อ และรองโฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงข่าวประจำสัปดาห์ว่า ในส่วนร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 ที่เพิ่งเสร็จสิ้นการประชุมไปเมื่อวันที่ 15 ส.ค.ที่ผ่านมา ขอขอบคุณพรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรค ที่ร่วมกันผลักดันให้ร่าง พ.ร.บ.นี้ผ่านวาระสองและวาระสาม เพราะถือเป็นหัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนนโยบายตามสัญญาที่เราให้ไว้กับประชาชน รวมถึงขอบคุณพรรคฝ่ายค้านที่ให้ความคิดเห็นเป็นประโยชน์
น.ส.ขัตติยายืนยันว่า พรรคเพื่อไทยจะมุ่งมั่นใช้งบประมาณทุกบาททุกสตางค์อย่างมีประสิทธิภาพ โปร่งใส และตอบโจทย์ประชาชน และเชื่อว่าในชั้นการพิจารณาของวุฒิสภานั้น จะเร่งรัดเพื่อเปิดทางให้รัฐบาลนำงบประมาณไปใช้จ่าย เพื่อขับเคลื่อนนโยบายอย่างเร็วที่สุด
รองโฆษกพรรคเพื่อไทยยังชี้แจงถึงกรณีคลิปเสียงที่ สส.พรรคประชาชนออกมาแฉว่ารัฐบาลมีการซื้อเสียงโหวต 10 กิโลว่า ไม่เป็นความจริง และเป็นการสร้างความเสียหายอย่างรุนแรงต่อพรรคเพื่อไทย รวมถึงรัฐบาล ซึ่งพรรคเพื่อไทยไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในการติดต่อดังกล่าว และยินดีให้มีการตรวจสอบทุกมิติ และขอเรียกร้องให้ สส.พรรคประชาชนรีบออกมาเปิดเผยชื่อ นามสกุล เบอร์โทรศัพท์ หรือข้อมูลอื่นๆ ที่จะทำให้สามารถสืบไปถึงต้นตอของบุคคลปริศนาดังกล่าวตามที่มีการกล่าวอ้าง แต่หากยังไม่มีการทำให้ความจริงปรากฏ จะยิ่งส่งผลเสียต่อพรรคประชาชนเองด้วย เพราะตอนนี้ผู้คนเริ่มตั้งคำถามสำคัญว่า นี่คือการเมืองใหม่ของพรรคคนรุ่นใหม่ หรือเป็นการเมืองแบบเก่าๆ ของพรรคที่อ้างว่าเป็นตัวแทนของคนรุ่นใหม่กันแน่ ส่วนสถานการณ์ฝั่งรัฐบาลเวลานี้ มีการทำงานกับพรรคร่วมอย่างเป็นเอกภาพ ไม่มีเหตุผลใดต้องซื้อเสียงโหวตเพื่อผ่านร่างกฎหมาย
ทางด้านนายประพนธ์ ตั้งศรีเกียรติกุล สมาชิกวุฒิสภา (สว.) ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาศึกษาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2569 วุฒิสภา เปิดเผยว่า ที่ประชุมวุฒิสภาจะพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบฯ 2569 ที่ผ่านความเห็นชอบจากสภาในสัปดาห์ถัดไป คือจะพิจารณาช่วงวันที่ 25-26 ส.ค. ซึ่ง กมธ.ได้มีการพิจารณาร่างดังกล่าวล่วงหน้า โดยมีการประชุมร่วม 35 ครั้ง เชิญหน่วยงานราชการต่างๆ มาชี้แจงกรอบการทำงบประมาณตามกลุ่มภารกิจ และจะมีการประชุมนัดสุดท้ายสัปดาห์นี้ เพื่อสรุปผลการพิจารณาของ กมธ. ที่เป็นข้อเสนอแนะ ข้อสังเกตต่อร่าง พ.ร.บ.งบฯ 2569 โดยภาพรวมเห็นว่ากรอบงบฯ 2569 ไม่ได้มีปัญหาหรืออุปสรรคอะไร
สว.จ่อไฟเขียว กม.งบ 69
เมื่อถามว่า ในฐานะ สว.คนหนึ่ง พร้อมจะโหวตเห็นชอบร่าง พ.ร.บ.งบฯ 2569 หรือไม่ นายประพนธ์กล่าวว่า จะทำหน้าที่ในฐานะ กมธ. ตอนประชุมจะนำผลการศึกษาไปแถลงต่อที่ประชุมวุฒิสภา แต่การจะเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบ เป็นสิทธิของ สว. แต่โดยหลักแล้วร่าง พ.ร.บ.งบประมาณเป็นกฎหมายสำคัญที่สุด เพื่อให้มีการเดินหน้าประเทศ ไม่น่าจะมีอะไรที่ติดขัดในฝั่งของวุฒิสภา
นายสรชาติ วิชย สุวรรณพรหม สว. และรองประธาน กมธ.วิสามัญศึกษาร่าง พ.ร.บ.งบฯ 2569 วุฒิสภา กล่าวเช่นกันว่า กมธ.ได้มีการศึกษาร่างดังกล่าวมาหลายเดือนแล้ว
เมื่อถามว่า มีความเป็นไปได้หรือไม่ที่ สว.สีน้ำเงินจะไม่โหวตเห็นชอบ นายสรชาติกล่าวว่า "มันคงเป็นไปไม่ได้ เพราะ พ.ร.บ.งบฯ ทุกคนคงให้ผ่านหมด”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายประพนธ์กับนายสรชาติถือว่าเป็น สว.สายสีน้ำเงินที่คุมเสียงข้างมากในวุฒิสภาร่วม 140 คน จาก 200 เสียง
นายพิสิษฐ์ อภิวัฒนาพงศ์ โฆษก กมธ.วิสามัญพิจารณาศึกษาร่าง พ.ร.บ.งบฯ 2569 และเลขานุการคณะกรรมการประสานงานวุฒิสภา เปิดเผยว่า คาดว่าการประชุมวุฒิสภาสัปดาห์ถัดไป น่าจะพิจารณาร่างกฎหมายงบประมาณจบได้ภายในวันเดียว โดยจะเป็นการพิจารณาในสามวาระรวด เพราะร่าง พ.ร.บ.งบฯ ที่เป็นกฎหมายการเงิน จะมีแตกต่างจากกฎหมายฉบับอื่น ซึ่งวุฒิสภาไม่สามารถพิจารณาแก้ไขเพิ่มเติมในวาระสองได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่ประชุมสภาลงมติเห็นชอบร่าง พ.ร.บ.งบฯ 2569 ช่วงค่ำวันที่ 15 ส.ค.ที่ผ่านมา ขั้นตอนต่อไปก็คือประธานสภาฯ จะส่งร่าง พ.ร.บ.งบฯ ไปให้นายมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา ภายในวันจันทร์ที่ 18 ส.ค.นี้ จากนั้นวุฒิสภามีเวลาในการพิจารณาว่าจะให้ความเห็นชอบหรือไม่ให้ความเห็นชอบภายใน 20 วัน โดย สว.จะแก้ไขเพิ่มเติมใดๆ มิได้ จะไม่เหมือนกับการพิจารณากฎหมายทั่วไป ซึ่งหากวุฒิสภาเห็นชอบ นายกรัฐมนตรีต้องนำร่าง พ.ร.บ.งบฯ รอไว้ 5 วัน ก่อนนำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายภายใน 20 วัน นับแต่วันที่พ้นกำหนดเวลาดังกล่าว แต่หากวุฒิสภาไม่เห็นชอบ ต้องส่งร่างฯ คืนกลับไปให้สภา ซึ่งสภายกร่าง พ.ร.บ.ขึ้นมาพิจารณาใหม่ได้ทันที จากนั้นสภาลงมติยืนยัน โดยร่างฯ ที่ผ่านการพิจารณาของสภาด้วยคะแนนเสียงมากกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวน สส.ทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ ให้ถือว่าร่างฯ ดังกล่าวได้รับความเห็นชอบจากรัฐสภา
วันเดียวกัน นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ อดีต รมว.วัฒนธรรม โพสต์เฟซบุ๊กในหัวข้อ "จองกฐิน" โดยระบุตอนหนึ่งว่า หลังอภิปรายร่าง พ.ร.บ.งบฯ 2569 มีควันหลง สส.พรรคประชาชนคนหนึ่งอภิปรายขอตัดงบประมาณสำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) โดยเฉพาะการที่ตั้งไว้เพื่อสนับสนุนให้พระสงฆ์ไปสักการะสังเวชนียสถานที่ประเทศอินเดีย และนำภาพพระภิกษุกราบเจดีย์พุทธคยา สถานที่ประสูติของพระพุทธเจ้า พร้อมอภิปรายว่า "ไปกราบอะไรก็ไม่รู้" ต่อมา สส.ที่อภิปรายได้ออกมาขอโทษแล้วที่ใช้วาจาไม่เหมาะสม
"ใจของ สส.พรรคประชาชน ทำด้วยอะไร ทำไมช่างต่ำช้าและเลวทราม เหยียบย่ำน้ำใจชาวพุทธได้ถึงขนาดนี้ การกราบสถานที่ตรัสรู้ของพระพุทธองค์ ทำไมถึงกล่าววาจาสามหาวว่า “กราบอะไรก็ไม่รู้" พรรคประชาชนมี สส.ที่เป็นอันตรายต่อชาติ ศาสนา และสถาบันมหากษัตริย์ จริงๆ ผมว่าล่วงเกินพระพุทธองค์แล้วออกมาขอโทษ มันตื้นเกินไป ไม่พอหรอก มันต้องปรับวิธีคิดของพรรคนี้เสียใหม่ ไม่ให้เป็นอันตรายต่อชาติ ไม่ให้เป็นอันตรายการอยู่ร่วมกันอย่างสันติของคนในชาติ วันนี้ "ฝากไว้ก่อนนะพรรคประชาชน" เรื่องนี้ผมจองกฐินแน่ ถ้าไม่พอใจผม พรรคประชาชนฟ้องผมต่อศาลได้นะ" นายนิพิฏฐ์ระบุ
ชงยุบ 'ปชน.' ดูหมิ่นศาสนา
นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล อดีต สส.บัญชีรายชื่อ และกรรมการบริหารพรรคก้าวไกล โพสต์เฟซบุ๊กเป็นคลิปวิดีโอของนายนนท์ ไพศาลลิ้มเจริญกิจ สส.นนทบุรี พรรคประชาชน อภิปรายถึงงบประมาณสำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติว่าไปดูงานต่างประเทศแล้วไปกราบอะไรก็ไม่รู้ ว่ามักง่าย ขาดวุฒิภาวะ ขาดศิลปะในการสื่อสารการเมืองอย่างเหลือเชื่อ งานนี้เกินจากคำว่าไม่เหมาะสมไปไกล น่าผิดหวังมาก เป็นเรื่องพื้นฐานที่วิญญูชนทั่วไปย่อมทราบดีว่าศรัทธาและความเชื่อเรื่องศาสนาเป็นเรื่องละเอียดอ่อนมาก เมื่อจำเป็นต้องพูดหรือวิจารณ์ต้องระมัดระวังเลือกถ้อยคำอย่างพิถีพิถันรอบคอบ ให้เกียรติ ไม่ให้รู้สึกไปลบหลู่สิ่งใด เรื่องนี้แม้เจ้าตัวจะออกมาขอโทษภายหลัง อ้างเหตุว่ามีเจตนาเบื้องหลังที่ดี แต่ยังเป็นคำขอโทษที่ไม่ทำให้คนที่เสียความรู้สึกไปเรียบร้อยแล้วจะรู้สึกดีขึ้นได้
"พูดเรื่องละเอียดอ่อนมากๆ ด้วยลีลา ภาษาและน้ำเสียงแบบนั้นได้ยังไง น่าเชิญให้ย้ายพรรค เป็นการอภิปรายที่ควายมาก ทำให้เพื่อนในพรรคต้องเหนื่อยมาก" นางอมรัตน์ระบุ
ขณะที่ สหภาพพระธรรมทูตไทยในทวีปยุโรป (ส.ธ.ย.) ณ วัดศรีนครินทรวราราม สมาพันธรัฐสวิส ได้ออกแถลงการณ์แสดงความห่วงใยต่อถ้อยคำอภิปรายของ สส.พรรคประชาชน 2 ราย คือ นายภัณฑิล น่วมเจิม และนายนนท์ ไพศาลลิ้มเจริญกิจ โดยระบุว่า "การกล่าวหาที่ไม่เป็นธรรม ล้วนมาจากหลักฐานที่เป็นเท็จ ถ้อยคำดังกล่าวเป็น "มิจฉาทิฏฐิ" หรือความเห็นผิด ซึ่งจะสร้างผลกระทบต่อความเลื่อมใสศรัทธาของพุทธศาสนิกชน และอาจถูกตีความว่าเป็นการบิดเบือนหรือดูหมิ่นพระพุทธศาสนา อันเป็นศาสนาที่คนไทยเคารพนับถือมาแต่โบราณ
เพจเฟซบุ๊ก "ซึ่งต้องพิสูจน์" เผยแพร่ข้อความจากเฟซบุ๊กพระมหานรินทร์ นรินฺโท ป.ธ.9 เจ้าอาวาสวัดไทยลาสเวกัส สหรัฐอเมริกา ว่า "ควรยุบพรรคประชาชนทิ้ง อุตส่าห์ตั้งพรรคการเมืองขึ้นมาเพื่อเตรียมความพร้อมในการบริหารประเทศ มีสมาชิกทุกระดับ ตั้งแต่นักเรียนในไปจนถึงนักเรียนนอก รู้แม้กระทั่งสุริยจักรวาล แต่ไม่รู้ว่าในประเทศไทยมีวัดกว่า 40,000 วัด พระภิกษุ-สามเณรกว่า 300,000 รูป หากไม่รู้ ไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับพระพุทธศาสนา เช่น พุทธสถานที่เรียกว่า สังเวชนียสถาน ในอินเดีย ซึ่งในพระไตรปิฎกระบุไว้อย่างชัดเจนว่าพระพุทธองค์ผู้เป็นพระศาสดา ทรงยกย่องให้เป็นสถานที่ที่ชาวพุทธควรจะเดินทางไปกราบสักการะ "ครั้งหนึ่งในชีวิต" อย่างชัดเจนที่สุด แต่พรรคประชาชนกลับปล่อยให้ สส.ของพรรคขึ้นอภิปรายในสภา จนเกิดความเสียหาย อย่างไม่น่าเป็นไปได้ว่าพรรคนี้ขาดทั้งองค์ความรู้ ทั้งภูมิธรรม ทั้งจริยธรรมอย่างร้ายแรง
ในฐานะที่พระพุทธศาสนาเป็นหนึ่งในสถาบันหลักของชาติไทย จึงควรที่จะนำเรื่องเสนอให้ศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยว่า ควรยุบพรรคประชาชนหรือไม่ คำขอโทษนั้นยังไม่ถือว่าจะแก้ไขอะไรได้ ไม่ยอมแสวงหาความรู้ พระเณรมีตั้งเป็นแสนๆ รูป กลับไม่ยอมถามไม่ทำการบ้าน ถือไมค์พูดกลางสภา ดูหมิ่นพระพุทธศาสนา สถาบันหลักของชาติอย่างเมามันเหมือนคนเมาเหล้า อวดเก่งอวดกล้าตีฝีปาก ยกคำพระศาสดามาพูด แต่สิ่งที่พระศาสดาตรัสไว้ในพระไตรปิฎกนั้นกลับไม่รู้ แบบนี้ก็อย่าอยู่ให้รกบ้านรกเมืองเลย พรรคประชาชน ประเทศไทย สถาบันของประเทศมิใช่ของเล่นที่ใครจะมาใช้เป็นเครื่องมือลองผิดลองถูกอีกต่อไป".