รัสเซียโจมตีล่าสุด คร่าชีวิตผู้คน 8 รายในเคียฟ
ขีปนาวุธและโดรนของรัสเซียโจมตีอาคารอพาร์ตเมนต์ในกรุงเคียฟ คร่าชีวิตผู้คนอย่างน้อย 8 ราย เซเลนสกีประณาม เป็นการเพิกเฉยต่อการเจรจาสันติภาพอย่างโจ่งแจ้ง
ควันพวยพุ่งขึ้นหลังจากเกิดการระเบิดระหว่างการโจมตีด้วยโดรนและขีปนาวุธครั้งใหญ่ในกรุงเคียฟ ประเทศยูเครน เมื่อคืนวันที่ 28 สิงหาคม (Photo by Sergei SUPINSKY / AFP)
เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 28 สิงหาคม 2568 กล่าวว่า รัสเซียยังคงโจมตีทางอากาศอย่างหนักในเมืองต่างๆ ของยูเครน แม้ว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ จะผลักดันให้มีการหยุดยิง และแม้กระทั่งในขณะที่รัสเซียกำลังพูดถึงความสำคัญของการยุติสงครามซึ่งเกิดจากการรุกรานเต็มรูปแบบในเดือนกุมภาพันธ์ 2022
ล่าสุด ขีปนาวุธและโดรนของรัสเซียโจมตีอาคารอพาร์ตเมนต์ในกรุงเคียฟ เมืองหลวงของยูเครน เมื่อเช้าวันพฤหัสบดี และสร้างความเสียหายต่อทรัพย์สินและชีวิตผู้คน
ภาพความเสียหายที่ถูกเปิดเผยแสดงให้เห็นว่า การโจมตีครั้งนี้ได้ระเบิดอาคารอพาร์ตเมนต์ 5 ชั้นแห่งหนึ่งจนแตกออกเป็นสองส่วน
หน้าต่างของอาคารที่พักอาศัยและธุรกิจขนาดเล็กในละแวกใกล้เคียงถูกพัดปลิวหายไปเกือบหมด
ประธานาธิบดีเซเลนสกี ของยูเครนกล่าวว่า มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 8 ราย รวมถึงเด็ก 1 ราย
"รัสเซียเลือกใช้วิถีกระสุนปืนแทนโต๊ะเจรจา และเลือกที่จะสังหารต่อไปแทนที่จะยุติสงคราม นั่นหมายความว่ารัสเซียยังคงไม่หวั่นเกรงต่อผลที่ตามมา" เขากล่าวบนโซเชียลมีเดีย
เซเลนสกีเรียกร้องให้พันธมิตรของยูเครนตอบโต้อย่างรุนแรง รวมถึงการคว่ำบาตรครั้งใหม่
เขายังเรียกร้องให้จีนซึ่งเป็นพันธมิตรของรัสเซีย รวมทั้งฮังการีและสมาชิกสหภาพยุโรป แสดงความเข้มงวดกับรัฐบาลมอสโกมากขึ้น
"เส้นตายทั้งหมดถูกทำลายไปแล้ว โอกาสในการทูตหลายสิบครั้งถูกทำลาย รัสเซียต้องรับผิดชอบต่อการโจมตีทุกครั้งและทุกวันของสงครามครั้งนี้" เขากล่าว
ยูเครนสามารถปกป้องการโจมตีทางอากาศของรัสเซียได้ค่อนข้างดีในช่วงเริ่มต้นของสงคราม อย่างไรก็ตาม ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา พวกเขาถูกโจมตีหลายครั้งอย่างรุนแรง โดยกองทัพมอสโกระดมยิงขีปนาวุธและโดรนใส่ในหลายพื้นที่
เดือนที่แล้ว เมืองหลวงแห่งนี้ประสบกับการโจมตีที่เลวร้ายที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ โดยการโจมตีคร่าชีวิตผู้คนไปมากกว่า 30 ราย รวมถึงเด็ก 5 ราย
นายกเทศมนตรีกรุงเคียฟรายงานว่า อาคารสูง 5 ชั้นในย่านดาร์นิตสกีพังถล่ม และห้างสรรพสินค้าในใจกลางเมืองก็ถูกโจมตีเช่นกัน
การโจมตีเกิดขึ้นหนึ่งวันหลังจากที่รัสเซียปฏิเสธโอกาสที่จะจัดการประชุมด่วนระหว่างเซเลนสกีและประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ซึ่งยูเครนกล่าวว่าการประชุมสุดยอดดังกล่าวมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการทำลายทางตันในการยุติสงคราม
ขณะที่รัฐบาลมอสโกเรียกร้องให้เคียฟยอมสละดินแดนเพิ่มเติมและสละการสนับสนุนทางทหารจากชาติตะวันตก ซึ่งเป็นเงื่อนไขเบื้องต้นสำหรับข้อตกลงสันติภาพใดๆ ซึ่งเคียฟปฏิเสธข้อเรียกร้องดังกล่าว
ทั้งนี้ ปูตินปฏิเสธข้อเรียกร้องหลายครั้งจากเซเลนสกี, ทรัมป์ และผู้นำยุโรปที่ต้องการให้มีการหยุดยิงทันที
กองกำลังรัสเซียค่อยๆ ขยายพื้นที่ในสนามรบอย่างช้าๆ แต่มั่นคง ซึ่งพวกเขามีข้อได้เปรียบในด้านกำลังพลและอาวุธ
และก่อนที่จะสรุปข้อตกลงสันติภาพใดๆ ยูเครนต้องการการรับประกันความมั่นคงจากตะวันตกเพื่อยับยั้งการโจมตีของรัสเซียในอนาคต ซึ่งเป็นสิ่งที่รัฐบาลมอสโกได้คัดค้าน.