BLC ประกาศ Q2/2568 รายได้โต 11.4% เตรียมรุกตลาดยา NCDs ดูแลสุขภาพระยะยาว
ภก.สุวิทย์ งามภูพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บางกอกแล็ป แอนด์ คอสเมติค จำกัด (มหาชน) หรือ BLC กล่าวว่า ผลการดำเนินงานไตรมาส 2 ปี 2568 ของ BLC ซึ่งเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ยาแผนปัจจุบัน ประเภทยาสามัญและยาสามัญใหม่ ผลิตภัณฑ์สมุนไพร ผลิตภัณฑ์ยาสำหรับสัตว์ และผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพครบวงจร ครอบคลุมกลุ่มผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เครื่องสำอาง และผลิตภัณฑ์อื่นๆ เติบโตแข็งแกร่งต่อเนื่อง
โดยบริษัทฯ สามารถทำผลงานได้อย่างโดดเด่น มีรายได้จากการขายและให้บริการ 412.8 ล้านบาท เติบโต 11.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) กำไรสุทธิ 41 ล้านบาท เติบโต 11.1% (YoY) โดยปัจจัยส่งเสริมการเติบโตมาจากการเติบโตของรายได้ของผลิตภัณฑ์กลุ่มยาแผนปัจจุบัน ผลิตภัณฑ์สมุนไพร และเครื่องสำอาง ซึ่งประสบความสำเร็จจากกลยุทธ์การสร้าง Brand Awareness ด้วยการสื่อสารแบรนด์อย่างมีประสิทธิภาพทั้งออนไลน์และออฟไลน์ และการนำผลิตภัณฑ์เข้าสู่ช่องทางการจัดจำหน่ายเพิ่มขึ้น
ส่งผลให้ผลการดำเนินงานงวดครึ่งปีแรกปี 2568 บริษัทฯ มีรายได้จากการขายและบริการ 853.2 ล้านบาท กำไรสุทธิ 96.9 ล้านบาท เติบโต 16% และ 24.2% ตามลำดับ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY)
สำหรับทิศทางในช่วงครึ่งปีหลัง BLC ยังคงเป้าหมายผลประกอบการเติบโตโดยเฉลี่ยปีละ 200 ล้านบาท โดยกลยุทธ์หลักที่จะขับเคลื่อนมุ่งเน้นไปที่การเพิ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ และการสร้างการรับรู้ในแบรนด์สินค้า (Brand Awareness) ให้เป็นที่รู้จักในวงกว้างยิ่งขึ้นเพื่อกระตุ้นยอดขายและการตัดสินใจซื้อของลูกค้า
โดยบริษัทมีแผนวางจำหน่ายผลิตภัณฑ์ใหม่หลายรายการ ซึ่งประกอบด้วยผลิตภัณฑ์ยาสามัญใหม่ 1 รายการ ซึ่งจัดอยู่ในกลุ่มโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) ที่มีความต้องการของตลาดสูง และผลิตภัณฑ์ใหม่ในกลุ่มเครื่องสำอาง เพื่อผลักดันการเติบโตอย่างต่อเนื่องทุกมิติ
ภก.สุวิทย์ กล่าวว่า แนวโน้มอุตสาหกรรมยาในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2568 คาดการณ์ว่าความต้องการใช้ยาในประเทศจะยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยตลาดยาในประเทศไทยปี 2568 มีแนวโน้มเติบโตราว 6-7% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ปัจจัยหลักมาจากการที่ประเทศไทยก้าวเข้าสู่สังคมสูงวัยอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับความต้องการยารักษาโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) เช่น เบาหวาน ความดัน และไขมันในเลือดที่เพิ่มสูงขึ้น และความต้องการยาที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันดูแลสุขภาพในระยะยาว
ขณะเดียวกัน ภาคเอกชนได้กลับมาเดินหน้าลงทุนในธุรกิจ Health & Wellness มากขึ้น ทั้งในรูปแบบของโรงพยาบาลเอกชนและคลินิกเฉพาะทาง นอกจากนี้ ความต้องการยาในกลุ่มโรคที่ไม่ใช่โควิด-19 ได้กลับมาฟื้นตัวอย่างเต็มที่แล้ว โดยเฉพาะกลุ่มโรคเรื้อรัง วัคซีนตามฤดูกาล และยารักษามะเร็ง
รวมถึงความต้องการยานวัตกรรมใหม่ๆ เช่น ยารักษาเฉพาะบุคคล (Personalized Medicine) และยาภูมิคุ้มกันบำบัด (Immunotherapy) ก็มีการขยายตัวอย่างต่อเนื่องอีกทั้งการที่รัฐบาลในหลายประเทศกลับมากระตุ้นงบประมาณด้านสาธารณสุข ยังเป็นโอกาสให้ตลาดยาสามัญ (Generic) และยา Biosimilar เติบโตเพิ่มขึ้นอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม ผลการดำเนินงานในครึ่งแรกของปี 2568 เป็นที่น่าพอใจอย่างยิ่ง จากการสร้าง Brand Awareness ให้กับผลิตภัณฑ์ Top Product โดยเฉพาะกลุ่มเครื่องสำอางที่เติบโตอย่างก้าวกระโดดถึง 57.5% ในไตรมาส 2 โดยมีผลิตภัณฑ์ Clena EX เป็นดาวเด่น
“ส่วนครึ่งปีหลังเรายังคงมุ่งมั่นในเป้าหมายการเติบโตต่อเนื่อง ผ่านการเดินหน้าเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดที่เติบโต เราเชื่อมั่นว่าด้วยแผนงานที่ชัดเจนและการตอบรับที่ดีจากผู้บริโภค จะสามารถสร้างการเติบโตที่ตามเป้าหมาย และผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้นได้อย่างยั่งยืน”
ทั้งนี้ ในที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ เมื่อวันที่ 13 สิงหาคม 2568 มีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล ในอัตราหุ้นละ 0.10 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 60 ล้านบาท โดยจะกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิได้รับเงินปันผล (Record date) วันที่ 27 สิงหาคม 2568 และกำหนดจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในวันที่ 12 กันยายน 2568