เมืองไทยประกันชีวิต ปรับพร้อมทะยาน ในวันที่การแข่งขันเปลี่ยนไป
#MTL #ทันหุ้น – ธุรกิจประกันชีวิตเปลี่ยนแปลงไปจากอดีตเป็นอย่างมาก ทั้งในเรื่องของผลิตภัณฑ์ และการแข่งขัน ในด้านหนึ่งผลิตภัณฑ์ที่เป็นมากกว่าให้ความคุ้มครอง และการจ่ายสินไหม แต่ต้องทำให้ผู้ถือกรมธรรม์ได้ใช้ประโยชน์มากกว่านั้น อีกด้านหนึ่งในการแข่งขันที่แม้วันนี้จะแข่งกับกลุ่มธุรกิจเดียวกัน แต่ใครจะรู้ว่าอนาคตผู้เล่นรายใหม่อาจมาจากต่างธุรกิจ เช่น เทสลา (Tesla) บริษัทรถยนต์ไฟฟ้าที่ขายประกันรถเอง การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นทำให้บริษัทประกันชีวิตต้องปรับตัวอย่างมากก่อนที่จะสูญเสียโอกาสในการแข่งขัน
“ปาณัท สุทธินันท์” รองกรรมการผู้จัดการ (Chief Product Officer) บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) หรือ MTL เล่าว่า 12 ปีที่ทำงานใน เมืองไทยประกันชีวิต ได้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงอย่างมากในภาคธุรกิจ ในอดีตเราจะเห็นว่าธุรกิจมีการแข่งขันกันเองในกลุ่มอุตสาหกรรมเดียวกัน หรือแข่งขันกับบริษัทประกันชีวิตในต่างประเทศ ขณะที่ปัจจุบันเริ่มมีการแข่งขันกับสตาร์อัพที่เป็นอินชัวร์เทค (Insure Tech) ไม่แน่ว่าในอนาคตผู้เล่นรายใหม่อาจมาจากแพลตฟอร์มออนไลน์ต่างๆ อย่าง เฟชบุ๊ก (Facebook) ที่เดินออกมาขายประกันก็เป็นได้
“แพลตฟอร์มออนไลน์ เขามีฐานลูกค้าหลายล้านราย หากเขาจะขยายธุรกิจก็มีฐานลูกค้าของตัวเองเข้ามาซัพพอร์ต เมื่อคู่แข่งอาจไม่ใช่คนในธุรกิจเดียวกัน เราที่เป็นประกันจึงไม่อาจโตเพียงลำพังได้ เราต้องจับมือกับพันธมิตร เช่น โรงพยาบาล ศูนย์เวลเนส (Wellness) เป็นต้น ในการพัฒนาโซลูชัน (Solution) เพื่อให้กลุ่มลูกค้าผู้เอาประกันได้รับการดูแลอย่างครบวงจร”
นายปาณัท กล่าวว่า ยิ่งปัจจุบันลูกค้ามีความต้องการที่มากขึ้น ผลิตภัณฑ์ที่ เมืองไทยประกันชีวิตพัฒนาก็ต้องตอบโจทย์แบบรายบุคคลมากขึ้น ต่างจากอดีตที่พัฒนาผลิตภัณฑ์เดียวแต่สามารถขายให้ได้กับทุกคน ทุกวัย แต่ปัจจุบันไม่ใช่แล้ว ลูกค้าต้องสามารถเลือกได้แบบอะลาคาร์ท (A La Carte) หยิบแผนประกันที่หลากหลายได้ตามต้องการ
“หรือในยุคสังคมสูงวัยที่คนไทยมีอายุยืนขึ้น คนวัยเกษียณก็มีความต้องการผลิตภัณฑ์คุ้มครอง ที่ผ่านมาแผนประกันสุขภาพของ เมืองไทยประกันชีวิตคุ้มครองอยู่ที่ 70 ปี ก็ขยายมาเป็น 90ปี อย่างประกัน D-Health ที่เป็นอีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ขายดีของเรา ให้ความคุ้มครองจนถึงอายุ 90ปี”
เมื่อผลิตภัณฑ์ถูกดีไซน์ขึ้นมาแล้ว เมืองไทยประกันชีวิต ยังมองต่อไปว่า ผู้เอาประกันภัยจะได้สิทธิประโยชน์อะไรจากการเลือกซื้อแผนประกันนั้น ผู้เอาประกันภัยมีความต้องการอะไร เพื่อให้บริษัทสมารถพัฒนาโซลูชั่นที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้
นายปาณัท ได้ยกตัวอย่างของการจับมือกับพันธมิตรกว่า 10 ราย เพื่อดูแลกลุ่มผู้สูงอายุ ผ่านโปรเจ็กต์ ซีเนียอีโคซิสเท็ม (Senior Ecosystem) ด้วยบริการที่หลากหลาย เช่น บริการพาไปพบแพทย์หรือโรงพยาบาล, บริการกายภาพบำบัด ,บริการดูแลผู้ป่วยติดเตียง เป็นต้น ซึ่งบริการต่างๆ ที่คิดขึ้นนั้นก็เพื่อให้ผู้เอาประกันได้รับการดูแลสุขภาพ และมีคุณภาพชีวิตที่ดีในวัยเกษียณ
จะดีกว่าไหมถ้าซื้อกรมธรรม์แล้วเราบอกว่ามีบริการและสิทธิประโยชน์อะไรบ้างที่คุณจะได้รับ เช่น ในยามชราหากพักอาศัยอยู่ในศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ หมดห่วงเรื่องค่าใช้จ่ายได้ เมื่อเมืองไทยประกันชีวิตวางแผนให้แล้วว่า ความคุ้มครองที่คุณซื้อ ครอบคุลมค่าใช้จ่ายตรงนี้ และค่าใช้จ่ายส่วนนี้ถูกจ่ายตรงไปยังศูนย์ดูแลผู้สูงอายุแล้ว ทำให้คุณหมดกังวลได้ในวันเจ็บป่วย
หรือแผนที่เราออกแบบมาให้คุณเมื่ออายุ 65 ปี ความคุ้มครองชีวิตจะสามารถปรับมาใช้ในส่วนของความคุ้มครองสุขภาพด้วย หมดกังวลแม้ในวันที่รายได้ของเราไม่ได้มีเหมือนในช่วงวัยทำงาน เราก็ยังสามารถเข้าถึงการรักษาพยาบาลที่ดีได้
นายปาณัท กล่าวอีกว่า เมืองไทยประกันชีวิต เหมือน สตาร์ทอัพ (Startup) ที่พร้อมทดลอง และลงทุนในสิ่งใหม่ๆที่มีโอกาส และสร้างประโยชน์ให้กับองค์กรได้ในอนาคต บริษัทลองเปิด คลินิกของตัวเอง ในชื่อ แคร์คัฟเวอร์ สหคลินิก (CareCover Clinic) เกิดขึ้นจากความร่วมมือระหว่างบริษัท ฟูเชีย เวนเจอร์ แคปิทัล จำกัด และโรงพยาบาลจักษุรัตนิน ทำให้ Ecosystem ของเมืองไทยประกันชีวิตครบเครื่องมากยิ่งขึ้น สำหรับการดูแลสุขภาพผู้ป่วยในเบื้องต้น
“ฟูเชีย เวนเจอร์ แคปิทัล จะเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือของเมืองไทยประกันชีวิต ที่เข้าไปลงทุนใน Startup หรือธุรกิจที่มีอนาคต ซึ่งจะช่วยเติมเต็ม Ecosystem ให้กับประกันชีวิตได้ เพราะการพัฒนาผลิตภัณฑ์จะไม่ได้มีแค่เรื่องของความคุ้มครอง การจ่ายสินไหม แต่จะต้องมาพร้อมโซลูชันที่สามารถสร้างสิทธิประโยชน์ได้มากขึ้นให้กับผู้เอาประกัน” นายปาณัท กล่าวทิ้งท้าย
“ปาณัท สุทธินันท์” ประกัน…คือศาสตร์ และศิลป์
“ปาณัท สุทธินันท์” ผู้บริหารรุ่นใหม่ของ เมืองไทยประกันชีวิต ที่จบคณิตศาสตร์ประกันภัย ด้วยคุณวุฒิวิชาชีพระดับสูง อย่าง Fellow of The Society of Actuaries (FSA) ก้าวเข้าสู่บ้านชมพูบานเย็นตั้งแต่เรียนจบ จนถึงปัจจุบันนั่งในตำแหน่ง รองกรรมการผู้จัดการ (Chief Product Officer) บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) หรือ MTL
“คณิตศาสตร์ประกันภัย เป็นเรื่องที่อยู่กับตัวเลข ดังนั้นเวลาทำงานเราจะต้องปรับในเรื่องของการสื่อสาร เพราะตำแหน่งที่เข้ามาบริหารดูแลเกี่ยวกับการพัฒนาโปรดักต์ ต้องมีการติดต่องานกับหลายฝ่าย ทำให้การสื่อสารเป็นเรื่องสำคัญ”
ปาณัท กล่าวว่า คณิตศาสตร์ประกันภัย ไม่ได้หายากในไทย แต่คณิตศาสตร์ประกันภัย ที่สื่อสารได้เข้าใจนั้นหายาก เพราะเราอยู่กับตัวเลข สถิติ ไม่ได้สื่อสารกับผู้คนมากมาย ดังนั้นพอต้องมารับบทบาทที่ได้ทำงานกับหลายฝ่ายทั้งการตลาด ทั้งฝ่ายบริหาร การสื่อสารจึงต้องออกมาแบบฟังแล้วเข้าใจ ไม่ว่าจะในเรื่องของความเสี่ยง ของความคุ้มครอง แผนการตลาด ถือเป็นอีกเรื่องที่ท้าทาย แต่เพราะ เมืองไทยประกันชีวิต ให้โอกาส จึงได้มายืนอยู่ ณ จุดนี้
พอได้รับโอกาสมาทำในตำแหน่ง รองกรรมการผู้จัดการ (Chief Product Officer) ทำให้ได้เรียนรู้หลักหลักการตลาดที่ไปคู่กับคณิตศาสตร์ประกันภัย ปาณัท กล่าวอีกว่า การออกแบบผลิตภัณฑ์ จะดูแค่เรื่องคุมความเสี่ยงไม่ได้ เพราะอาจทำให้สินค้าขายไม่ออก หรือจะเน้นแต่สินค้าขายดี อย่างประกันสะสมทรัพย์มากก็ไม่ได้ เพราะเป็นแบบประกันที่อ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ยและอาจกระทบต่อฐานะการเงินบริษัทหากขายมากเกินไป ดังนั้นจะต้องสร้างสมดุลให้กับเรื่องความเสี่ยง ขณะเดียวกันก็สามารถขายสินค้าได้ เพื่อให้เป็นโปรดักต์ที่มีความยั่งยืน
แบบประกันทุกวันนี้เปลี่ยนไปเร็วมาก ตามนวัตกรรมและเทคโนโลยีการรักษา รวมถึงอายุที่ยืนขึ้น ดังนั้นเงื่อนไขความคุ้มครองต่างๆ จะต้องปรับให้เหมาะสม เช่น การรักษามะเร็ง เดิมคุ้มครองการรักษาแบบคีโม แผนใหม่ๆ ก็ต้องเพิ่มความคุ้มครองแบบ มุ่งเป้า Targeted Therapy, ภูมิคุ้มกันบำบัด Immunotherapy หรือการปลูกถ่าย Stem Cell เป็นต้น
“ประกันเป็นเรื่องของศาสตร์ และศิลป์ เหมือนกับที่ คุณสาระ ล่ำซำ กล่าวไว้ นี่คือเสน่ห์ของประกันชีวิต ไม่ใช่แค่เรื่องของตัวเลข แต่ยังมีเรื่องของการตลาด การขาย เข้ามาเกี่ยวข้อง จะบาลานซ์ 2 เรื่องนี้เข้ากันอย่างไร ให้สามารถพัฒนาออกมาเป็นโปรดักต์ที่ยั่งยืน ผู้ซื้อได้ประโยชน์ ผู้ขายก็ยั่งยืน”