‘นฤมล’ ลุยปฏิรูปการศึกษา ดันสอบเข้าม.1/ม.4 ต้องมีวิชาประวัติศาสตร์-หน้าที่พลเมือง
"นฤมล" ลงพื้นที่พะเยา ฟังเสียงครู-นักเรียน ผลักดันปฏิรูปการศึกษา ยกวิชาประวัติศาสตร์-หน้าที่พลเมือง เป็นวิชาเอก สอบเข้าเรียนต่อ ม.1/ม.4
วันนี้ (18 ส.ค.) ที่โรงเรียนพะเยาวิทยาคม จ.พะเยา นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) นายสุเทพ แก่งสันเทียะ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ และว่าที่ร้อยตรี ธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
พร้อมด้วย ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา ในฐานะประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม (กธ.) เยี่ยมชมกิจกรรมตามหลักสูตรของโรงเรียนบ้านทุ่งหลวง เช่น การจัดการเรียนรู้เพื่ออาชีพและการมีงานทำในศตวรรษที่ 21 "หลักสูตรเฮือนแก้ว" นวัตกรรมเสริมสร้างศักยภาพด้านเทคโนโลยี และปัญญาประดิษฐ์ "PPK Studio"
ตลอดจนเยี่ยมชม Best Practice โรงเรียนสังกัด สพม.พะเยา จำนวน 18 โรงเรียน ผลงาน Best Practice กลุ่มสาระการเรียนรู้ และกิจกรรมส่งเสริมการอ่าน PPK Art Gallery ผลงานทัศนศิลป์ระดับชาติ และโครงงานวิทยาศาสตร์ระดับชาติ ของโรงเรียนพะเยาพิทยาคม
นางนฤมล กล่าวช่วงหนึ่งว่า ตนอยากพูดคุยปัญหากับครู และนักเรียน เพื่อต้องการให้สะท้อนปัญหาการศึกษาด้านต่าง ๆ เพื่อให้การทำงานของ ศธ.เป็นการสะท้อนปัญหาจากระดับล่างขึ้นบน
เนื่องจากตนไม่เคยเป็นครูสอนในโรงเรียน และไม่เคยเป็นผู้บริหารโรงเรียน อีกทั้งไม่เคยทำงานใน ศธ.มาก่อน จึงไม่ควรจะมาบอกว่านโยบายการศึกษาของ ศธ.จะต้องเป็นอย่างไร ด้วยความต้องการของตนเอง
ดังนั้น จึงต้องมาฟังนโยบายจากครู และผู้บริหารโรงเรียนที่สะท้อนกลับมายังฝ่ายบริหาร จากนั้นถึงจะมากำหนดเป็นนโยบายได้
ในการกำหนดนโยบายการศึกษา ก็มีหลายเรื่องที่ผู้ใหญ่ในบ้านเมืองฝากมาให้ขับเคลื่อน โดยเฉพาะในเรื่องของวิชาประวัติศาสตร์ และหน้าที่พลเมือง ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ได้รับโจทย์ดังกล่าวไปแล้ว และก็ได้มีการดำเนินการขับเคลื่อนอยู่ในขณะนี้
"ดิฉันอยากกำหนดให้วิชาประวัติศาสตร์ และหน้าที่พลเมืองเป็นวิชาเอกที่ต้องใช้สอบเข้าเรียนต่อด้วย โดยวิชาดังกล่าวจะต้องเป็นวิชาสำคัญเหมือนวิชาอื่น ๆ เช่น วิชาวิทยาศาสตร์ และคณิตศาสตร์"
ดังนั้น วิชาประวัติศาสตร์ และหน้าที่พลเมืองจะต้องไม่ใช่เป็นการสอบจบภาคการศึกษาเท่านั้น แต่จะต้องนำวิชาประวัติศาสตร์ และหน้าที่พลเมืองกำหนดเป็นสัดส่วนของการสอบเข้าเรียนต่อในช่วงรอยต่อของระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 และ มัธยมศึกษาปีที่ 4
เพื่อให้เด็กเห็นถึงความสำคัญของประวัติศาสตร์ชาติไทย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เพราะประวัติศาสตร์ไทยไม่เหมือนกับชาติใดในโลก จึงอยากให้เด็กได้รู้จักรากเหง้าของระบอบประชาธิปไตย และประวัติศาศาสตร์เชิงลึกแบบถูกต้อง
"จะเริ่มในปีการศึกษาไหนนั้น ดิฉันขอหารือกับ สพฐ.เพื่อดูระยะเวลา และความพร้อมของแต่ละโรงเรียนก่อน"
ส่วนนโยบายลดภาระครู ก็เป็นอีกนโยบายที่ฝากให้ผู้บริหาร ศธ.ร่วมขับเคลื่อน เพราะครูและบุคลากรทางการศึกษา จะต้องมีคุณภาพชีวิตที่มีความสุขด้วยเช่นกัน
ไม่ว่าจะเป็นการปรับอัตรากำลังครูเกินเกณฑ์ ที่เป็นอัตราเกษียณอายุราชการ ให้ปรับมาเป็นสายสนับสนุน ซึ่งที่ผ่านมามีการดำเนินการจัดสรรตำแหน่งดังกล่าวแล้ว 600 อัตรา โดยจัดสรรไปให้กลุ่มโรงเรียนจุฬาภรณราชวิทยาลัย และภายในสิ้นเดือนสิงหาคมนี้ จะได้อัตรากำลังดังกล่าวเพิ่มมากอีก 1,800 อัตรา
ขณะเดียวกัน สำหรับนโยบายการแก้ปัญหาหนี้ครูนั้น จากข้อมูลพบว่าครูมีหนี้ 1.44 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นหนี้ก้อนใหญ่ของหนี้ครัวเรือนประเทศ ศธ.จึงได้มีแนวทางตั้งสหกรณ์กลางของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการ และสวัสดิภาพครู และบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) ขึ้น
แต่แนวทางดังกล่าวเป็นเพียงแผนแก้หนี้ครูที่ไม่ได้มีความยั่งยืน จึงต้องมีการสร้างรายได้เพิ่มเติมให้แก่ครูด้วย ซึ่งก็จะเกี่ยวข้องไปกับการขอปรับเพิ่มเงินเดือนครู ที่เป็นเรื่องทำได้ยากเพราะเป็นภาระผูกพันด้านงบประมาณ
ดังนั้น ตนจึงเห็นว่าการปรับ และเลื่อนวิทยฐานะครู จะเป็นการแก้ปัญหาในส่วนนี้ได้อย่างยั่งยืน และสามารถทำได้จริง อีกทั้งจะทำให้ครูมีขวัญกำลังใจในการทำงานมากขึ้น
ขณะนี้ สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) กำลังปรับแก้ไขเรื่องนี้อยู่ เช่น การทำวิทยฐานะครูแยกเฉพาะตามกลุ่มสายงาน หรือการนำเอาการทำวิทยฐานะผลงายเชิงประจักษ์กลับมาใช้ใหม่
ภาพ: สนง.ประชาสัมพันธ์จังหวัดพะเยา, พะเยาบ้านฉัน
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- 'นฤมล' ลงพื้นที่น่าน เยี่ยมสถานศึกษาเจอภัยน้ำท่วม เตรียมของบกลางเร่งฟื้นฟู
- ‘รมว.นฤมล’ ถก ก.ค.ศ.-สพฐ.เร่งลดภาระงานครู เผยเตรียมดึงครูเกินเกณฑ์ไปทำธุรการ
- ‘รมว.นฤมล’ เตรียมเยี่ยม รร.ฉวางฯ รับฟังเสียงนักเรียน เดินหน้านโยบายลดภาระครู
ติดตามเราได้ที่