เปิดภารกิจรอ “พชร อนันตศิลป์”ว่าที่ “ปลัดดีอี”คนใหม่สางงานต่อพาไทยสู่ยุคดิจิทัล
หลังจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ (19 ส.ค.) ได้มีมติเห็นชอบแต่งตั้ง “นายพชร อนันตศิลป์” ผู้อำนวยการสำนักบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) กระทรวงการคลัง ข้ามห้วยไปนั่งตำแหน่ง ปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม หรือ กระทรวงดีอี คนต่อไปแทนนายวิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ ที่จะเกษียณอายุราชการในวันที่ 30 ก.ย. นี้ โดยจะมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 68
ซึ่ง นายพชร อนันตศิลป์ ว่าที่ปลัดดีอีคนใหม่ ต้องเข้ามารับช่วงสานงานต่อ เพื่อขับเคลื่อนนโยบายด้านดิจิทัลของรัฐบาลให้เดินหน้าต่อโดยไม่สะดุด ร่วมถึงแก้ปัญหากับโจทย์ต่างๆ เพื่อพาไทยสู่ยุคดิจิทัล อาทิ
1.เดินหน้าแก้ปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ต่อเนื่อง เพราะเป็นนโยบายที่รัฐบาลให้ความสำคัญที่ต้องแก้เร่งด่วน ตามนโยบายปราบปรามภัยออนไลน์ของรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โดยปลัดกระทรวงดีอี มีตำแหน่งเป็นรองประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี
ซึ่งหลังจาก พระราชกำหนดมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2568 และพระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2568 มีผลบังคับใช้แล้วเมื่อวันที่ 13 เมษายน 2568 ที่ผ่านมา ก็ต้องเร่งประสานให้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการกำหนดมาตรการเพื่อให้เป็นไปตาม พ.ร.ก. ทั้ง 2 ฉบับ
2.การเร่งผลักดัน (ร่าง) พระราชบัญญัติการประกอบกิจการไปรษณีย์ พ.ศ. … ให้นำเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี (ครม.) หลังจากผ่านการยกร่างในระดับกระทรวงเรียบร้อยแล้ว ซึ่งยังไม่แน่นอนว่า จะนำเข้า ครม. ทันก่อน นายวิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ จะเกษียณอายุราชการ หรือไม่ ห่างไม่ทัน ก็ต้องเข้ามาสานงานต่อ โดยมีเป้าหมายชัดเจนในการยกระดับมาตรฐานการให้บริการไปรษณีย์และพัสดุภัณฑ์ให้ทันต่อยุคดิจิทัล รองรับการแข่งขันที่เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว สอดรับกับบริบทธุรกิจที่มีผู้ให้บริการหลากหลายทั้งรายเล็กและรายใหญ่
3.การผลักดันให้ บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือ เอ็นที รัฐวิสาหกิจ ในกำกับดูแล มีผลการดำเนินการที่ดีขึ้น หลังจากมีแนวโย้มผลประกอบการจะขาดทุนหลังจากที่หมดใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่ 850 เมกะเฮิรตซ์ 2100 เมกะเฮิรตซ์ และ 2300 เมกะเฮิรตซ์ ไปแล้วเมื่อต้นเดือน ส.ค. นี้ที่ผ่านมา เพื่อให้เอ็นทีสามารถยังทำธุรกิจอยู่ได้ โดยให้โฟกัสในธุรกิจที่สามารถทำกำไรได้
4.หาทางออกคุมบริการ OTT โดยปัจจุบันไทยยังไม่มักฎหมายกำกับดูแลบริการ OTT โดยตรง ซึ่งที่ผ่านมา มีการหารือกันว่าใครจะเป็นผู้กำกับดูแลเรื่องนี้ หลังจากที่ผ่านมาทาง กระทรวงดีอี โดย สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ หรือ เอ็ตต้า ได้มีการผลักดัน ก.ม.ควบคุมแพลคฟอร์มดิจิทัล หรือ ก.ม.ดีพีเอส ซึ่งจะให้แพลตฟอร์มออนไลน์ที่ให้บริการกับคนไทยต้องมาจดแจ้ง เพื่อให้ภาครัฐทราบข้อมูลไปแล้ว แม้ที่ผ่านมาสำนักงาน กสทช. จะพยายามออกประกาศเพื่อมาดูแลบริการ OTT แต่ก็ยังไม่ผ่านมติบอร์ดออกมา จึงทำให้ยังไม่มีความชัดเจนในส่วนนี้ว่าใครจะเป็นผู้กับดูแล
5.พัฒนาทักษะดิจิทัลให้คนไทย โดยเฉพาะปัจจุบันเทคโนโลยีเอไอ ได้เข้ามามีบทบาทเพิ่มมากขึ้น บริษัทเทคระดับโลกเข้ามาตั้งดาต้า เซ็นเตอร์ในไทย แต่ปัจจุบันไทยยังขาดแคลนแรงงานด้านไอทีจำนวนมาก โดยตลาดแรงงานมีความต้องการถึงปีละ 1 แสนคน แต่ไทยสามารถผลิตแรงงานด้านไอทีได้ปีละ 3 หมื่นคนเท่านั้น
6.พัฒนารัฐบาลดิจิทัล โดยการส่งเสริมให้หน่วยงานกระทรวง กรมต่างๆ ของไทย ใช้เทคโนโลยีมาบริการประชาชน เพื่อความสะดวกรวดเร็ว ลดขั้นตอนต่างๆ ลง
ทั้งหมดถือเป็นเรื่องหลักๆ ที่ปลัดดีอีคนใหม่ต้องเข้ามารับงานสานต่อให้เดินหน้าอย่างต่อเนื่อง