บีโอไอนำทัพธุรกิจไทยบุกสิงคโปร์ ดึงลงทุนอุตสาหกรรมไฮเทค-พลังงานสีเขียว
นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือบีโอไอ (BOI) เปิดเผยว่า บีโอไอได้ดำเนินการยกระดับความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์ในการขยายการค้าและการลงทุนระหว่างกับประเทศสิงคโปร์ ผ่านการจัดกิจกรรม Singapore Regional Business Forum ครั้งที่ 9 ซึ่งเป็นความร่วมมือกับสภาธุรกิจสิงคโปร์ (SBF) โดยมีนักธุรกิจชั้นนำและผู้บริหารภาครัฐจากสิงคโปร์ เดินทางมาเข้าร่วมงานกว่า 200 คน
นอกจากนี้ ยังมีผู้นําภาครัฐและเอกชนจากไทยและประเทศอื่น ๆ เข้าร่วมงานด้วย รวมมากกว่า 450 คน จาก 25 ประเทศทั่วโลก
ความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์ดังกล่าวมีเป้าหมายร่วมกันในการพัฒนาภูมิภาคสู่ความเจริญรุ่งเรือง โดยที่ผ่านมาไทยและสิงคโปร์มีพัฒนาการความร่วมมือกันในหลายมิติ ทั้งเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน และยังครอบคลุมถึงอุตสาหกรรมในอนาคตโดยเฉพาะด้านดิจิทัลและพลังงานสะอาด
"ปีที่ผ่านมาสิงคโปร์เป็นนักลงทุนอันดับหนึ่งในประเทศไทย และครึ่งแรกของปีนี้ มูลค่าการลงทุนจากสิงคโปร์ยังคงนำเป็นอันดับหนึ่ง ครอบคลุมหลากหลายอุตสาหกรรม ซึ่งที่ผ่านมามีการลงทุนในโครงการสำคัญ ไม่ว่าจะเป็น SATS Food ผู้ผลิตอาหารสำหรับบริโภคบนเครื่องบิน และยังจัดตั้งศูนย์ R&D ในไทย บริษัท Oatside ผู้ผลิตนมข้าวโอ๊ตและ CapitaLand ที่ร่วมกับบริษัทไทยพัฒนาศูนย์กระจายสินค้ามาตรฐานสูง“
นอกจากนี้ ยังมีความร่วมมือระดับภูมิภาค เช่น AFTA และ RCEP ที่ช่วยขยายโอกาสทางการค้าและความร่วมมือทางเศรษฐกิจ และเข้มแข็งมากขึ้น ท่ามกลางความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก ความร่วมมือระหว่างประเทศเป็นสิ่งจำเป็น
ประเทศไทยกำลังก้าวสู่การเป็นฐานการผลิตสำคัญของอุตสาหกรรมใหม่ในภูมิภาค เช่น อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า แบตเตอรี่ เซมิคอนดักเตอร์และอิเล็กทรอนิกส์ขั้นสูง รวมถึงธุรกิจดิจิทัลที่มีการเติบโตอย่างรวดเร็ว ด้วยจุดแข็งและความพร้อมของไทย ทั้งด้านโครงสร้างพื้นฐานและระบบโลจิสติกส์ ไฟฟ้าที่มีความเสถียรและมีศักยภาพด้านพลังงานสะอาด ซัพพลายเชนที่แข็งแกร่ง บุคลากรที่มีคุณภาพ
นอกจากนี้ยังมีนโยบายสนับสนุนจากภาครัฐและมาตรการส่งเสริมการลงทุนจากบีโอไอ รวมถึงตลาดที่มีศักยภาพ ทั้งตลาดภายในประเทศและเป็นประตูสำคัญสู่ตลาดใหญ่ทั่วโลกผ่านข้อตกลงการค้า FTA รวมถึง RCEP ที่ครอบคลุมประชากรถึง 30% ของโลก
ทางบีโอไอและ SBF ได้ทำข้อตกลงร่วมมือเพื่อเสริมสร้างความร่วมมือด้านการลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมาย เช่น อุตสาหกรรมอาหาร อิเล็กทรอนิกส์ขั้นสูง การแพทย์ เทคโนโลยีชีวภาพ และการท่องเที่ยว พร้อมมุ่งขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลและเศรษฐกิจสีเขียวร่วมกัน
“การสร้างความร่วมมือระหว่างไทยกับสิงคโปร์ครั้งนี้ จะเชื่อมโยงโอกาสการลงทุนระหว่างสองประเทศ โดยผสานจุดแข็งของสิงคโปร์ที่มีความแข็งแกร่งด้านเทคโนโลยี เงินทุน และเครือข่ายธุรกิจทั่วโลก ขณะที่ไทยมีความพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐาน ซัพพลายเชน พื้นที่รองรับอุตสาหกรรม พลังงานไฟฟ้า รวมทั้งศักยภาพด้านพลังงานสะอาด ที่สามารถรองรับการสร้าง Green Supply Chain ร่วมกัน เพื่อให้นักลงทุนทั้งไทยและสิงคโปร์ เดินหน้าสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน”
สำหรับสถิติการลงทุนจากสิงคโปร์ ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา (2563 –มิถุนายน 2568) มีโครงการยื่นขอรับการส่งเสริมการลงทุนรวม 1,099 โครงการ มูลค่าเงินลงทุน 8.1 แสนล้านบาท นำโดยอุตสาหกรรมดิจิทัลประมาณ 4 แสนล้านบาท อิเล็กทรอนิกส์ 1.9 แสนล้านบาท ยานยนต์และชิ้นส่วน 6.5 หมื่นล้านบาท ซึ่งมีทั้งบริษัทสิงคโปร์ และบริษัทจากประเทศอื่นๆ ที่ลงทุนผ่านสำนักงานภูมิภาคที่ตั้งอยู่ในสิงคโปร์
การลงทุนจากบริษัทสิงคโปร์ส่วนใหญ่อยู่ในกิจการดาต้าเซ็นเตอร์และบริการคลาวด์ กิจการพัฒนาซอฟต์แวร์และดิจิทัลแพลตฟอร์ม กิจการผลิตผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์ กิจการผลิตอาหารที่ใช้เทคโนโลยีสูง กิจการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ กิจการโรงแรม และกิจการด้านโลจิสติกส์
นายตัน ซี เหล่ง กล่าวว่า ไทยและสิงคโปร์มีเป้าหมายเดียวกันในการสร้างความร่วมมือทางธุรกิจและพัฒนาโอกาสใหม่ร่วมกัน ที่ผ่านมาสิงคโปร์มีการลงทุนในไทยอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันเป็นนักลงทุนต่างชาติรายใหญ่ที่สุดในไทย แต่สิ่งที่มากกว่านั้น คือความร่วมมือในการพัฒนานวัตกรรมและความยั่งยืนทางธุรกิจร่วมกันเพื่อประชาชนของทั้งสองประเทศ เช่น โครงการพัฒนาพลังงานอย่างยั่งยืน และนวัตกรรมในการดูแลสุขภาพของคนไทย อีกทั้งยังมีความร่วมมือในอีกหลายด้าน เช่น อีคอมเมิร์ซ ฟินเทค การค้าสินค้าเกษตร และการลดก๊าซเรือนกระจก
“โลกปัจจุบันกำลังเปลี่ยนแปลงและมีความซับซ้อนมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นความตึงเครียดด้านภูมิรัฐศาสตร์ ห่วงโซ่อุปทานที่กำลังเปลี่ยนแปลง และความมั่นคงด้านพลังงาน ตลอดจนเทคโนโลยี AI ที่เข้ามาเปลี่ยนวิถีชีวิตของผู้คน ในสภาวะดังกล่าวความร่วมมือทวิภาคีในระดับภูมิภาคจึงจำเป็น เพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะในด้านดิจิทัลและเศรษฐกิจสีเขียวที่มีมูลค่ามหาศาล และสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ ซึ่งสิงคโปร์และไทยมีแผนทำงานร่วมกัน เพื่อเปลี่ยนความท้าทายให้เป็นโอกาส ร่วมสร้างเศรษฐกิจในภูมิภาคที่แข็งแกร่งและยั่งยืน”