นักวิชาการ วิเคราะห์ ภาษีทรัมป์-จีน สินค้าจีนทะลักเข้าไทย เสนอ 4 แนวทางรับมือ ก่อนเสียหายหนัก
นักวิชาการ วิเคราะห์ ภาษีทรัมป์-จีน: สินค้าจีนทะลักเข้าไทย เสนอ 4 แนวทางรับมือก่อนเสียหายหนัก
วันที่ 20 สิงหาคม รศ.ดร.อัทธ์ พิศาลวานิช นักวิชาการอิสระและผู้เชี่ยวชาญเศรษฐกิจระหว่างประเทศและอาเซียน ได้ทำการวิเคราะห์ ภาษีทรัมป์-จีน: สินค้าจีนทะลักเข้าไทย ผลกระทบและทางออก พบว่า 1.ภาษีทรัมป์ทำการค้าเบี่ยงเบน (Trade Diversion) หลังจากที่ภาษีทรัมป์ หรือ ภาษีตอบโต้ (Reciprocal Tariff) มีผลบังคับในวันที่ 7 สิงหาคม 2568 (ตามเวลาในสหรัฐฯ) อัตราภาษีที่สหรัฐฯ เก็บ 90 ประเทศทั่วโลก อยู่ในช่วง 15% ถึง 50% ประเทศส่วนใหญ่เจอภาษีทรัมป์ที่ 15% ประเทศที่เจอภาษีทรัมป์สูงสุดคือ อินเดียและบราซิล ที่ 50%
ในขณะที่จีน ล่าสุดถูกเก็บภาษีที่ 30 % และ จากข้อมูล USITC ( US International Trade Commission) พบว่าก่อนภาษีทรัมป์สินค้าจีนที่ส่งไปสหรัฐฯ เสียภาษีอยู่ระหว่าง 0% ถึง 25% (ภาษี 25% ที่สหรัฐฯ เก็บสินค้าจีนเป็นผลมาจากการใช้ มาตรา 301 ตาม กม. Trade Act 1974 ส่วนใหญ่เป็นสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเลกทรอนิกส์ เครื่องจักร และเฟอร์นิเจอร์) ผลภาษีทรัมป์ทำให้สินค้าจีนส่งออกไปสหรัฐฯ “ยากขึ้น” สินค้าจีน จะถูกกระจายไปยังประเทศอื่นๆ ทั้งอาเซียน ตะวันออกกลาง และอัฟริกาแทน ประเทศไทยเป็นอีกหนึ่งเป้าหมายที่สินค้าจีนจะส่งออกไปขายแทนที่สินค้าจีนที่เจอภาษีทรัมป์ เรียกว่า “เบี่ยงเบนทางการค้า (Trade Diversion)” ผลกระทบจากสินค้าจีนที่ทะลักเข้ามาไทยจะมีมากน้อยแค่ไหน บทวิเคราะห์นี้จะมีคำตอบ
รศ.ดร.อัทธ์ กล่าวว่า 2.เจรจาภาษีสหรัฐฯ กับ จีน “ไร้ทางออก” ตั้งแต่ทรัมป์เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสมัยที่ 2 (20 มกราคม 2568) สหรัฐฯ ประกาศเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจีน 10% แล้วขึ้นไปสูงสุดที่ 145% ในขณะที่จีนก็เก็บภาษีนำเข้าจากสหรัฐฯ 10-15% แล้วขึ้นไปที่ 125% เช่นกัน ต่อมาสหรัฐฯ ได้ปรับลดภาษีนำเข้าสินค้าจีนล่าสุดที่ 30% และจีนได้ปรับลดเก็บภาษีสินค้าสหรัฐฯ เหลือ 10% (ทั้งสองประเทศตกลงลดลง 115% สหรัฐฯ ลดจาก 145% เหลือ 30% ส่วนจีนลดลงจาก 125% เหลือ 10%) การปรับลดดังกล่าวเป็นผลมาจากการประชุมที่กรุงเจนีวา สวิตเซอร์แลนด์ เมื่อวันที่ 12 พ.ค. 2568
โดยฝ่ายจีนมีนาย He Lifeng รองนายกฯ ฝ่ายสหรัฐฯ มีรัฐมนตรีพาณิชย์ Scott Bessent และ USTR นาย Jamieson Greer ผลการประชุมที่กรุงเจนีวาทั้งสองประเทศยังตกลงให้มีการเจรจาทางการค้าเพิ่มเติมอีก 90 วัน (นับจากวันที่ 12 พ.ค. 2568 ถึงวันที่ 12 ส.ค. 2568) หลังจากนั้นมีการเจรจาครั้งที่ 2 ที่กรุงสต็อกโฮล์ม ประเทศสวีเดน เมื่อวันที่ 29 ก.ค. 2568 แต่ประชุมครั้งนี้ไม่มีข้อสรุปใด และเมื่อ 11 สิงหาคม 2025 ประธานาธิบดีทรัมป์ ได้ลงนามใน Executive Order เพื่อขยายการระงับการขึ้นภาษีเพิ่มเติมต่อสินค้านำเข้าจากจีนอีก 90 วันไปสิ้นสุดที่ 10 พฤศจิกายน 2568 ทำให้สถานะล่าสุดที่สหรัฐฯ เก็บจากสินค้าจีนอยู่ที่ 30% และจีนก็เก็บภาษีสินค้าสหรัฐฯ ที่ 10%
3.สินค้าจีน “ปัญหาหนักเศรษฐกิจสหรัฐฯ” ปี 2024 สหรัฐฯ นำเข้าสินค้าจากทั่วโลก มูลค่า 3.3 ล้านล้านเหรียญ ส่งออก 2.1 ล้านล้านเหรียญ ทำให้ขาดดุล 1.2 ล้านล้านเหรียญ โดยนำเข้าจากเม็กซิโกมากสุด สัดส่วน 15.5% (ถูกเก็บภาษี 25%) ตามด้วยนำเข้าจากจีนเป็นอันดับสองสัดส่วน 13.4% (ถูกเก็บภาษี 30%) นำเข้าจากเวียดนาม 4.2% (ถูกเก็บภาษี 20%) นำเข้าจากไทยสัดส่วน 1.9% (ถูกเก็บภาษี 19%) ในขณะที่จีนส่งออกไปสหรัฐฯ ช่วง 19 ปีที่ผ่านมา (2006-2024) เพิ่มจาก 2 แสนล้านเหรียญ เป็น 5 แสนล้านเหรียญ (ปี 2018) และได้ดุลการค้ากับสหรัฐฯ จากระดับ 2 แสนล้านเหรียญ สูงสุดที่ 4 แสนล้านเหรียญ (ปี 2018) แม้ว่าในปี 2024 จีนได้ดุลการค้าลดลงเหลือ 2.9 แสนล้านเหรียญก็ตาม ก็ถือว่ายังเป็นตัวเลขที่สูงมาก และยังเป็นปัญหาหนักของสหรัฐฯ ที่ต้องพึ่งพิงสินค้าจีนที่หลายรัฐบาลสหรัฐฯ ยังไม่สามารถแก้ไขได้ สินค้าจีน 70% ในห้าง Walmart มาจากประเทศจีน (Axios,Trump tariffs would hit Walmart hard, 2023)
4. ประเมินสินค้าจีน “ทะลักเข้าไทย” หลังภาษีทรัมป์บังคับใช้ ภายใต้ภาษีทรัมป์ ทำให้สินค้าจีนส่งออกไปสหรัฐฯ ลดลง ขณะที่จีนยังคงรักษาระดับการผลิตเท่าเดิม สินค้าจีนที่ลดลงเหล่านั้น หันไปส่งออกไปประเทศอื่นแทน บทวิเคราะห์นี้ศึกษาว่าปัจจุบันสหรัฐฯ เก็บภาษีสินค้าจีน 30% จะส่งผลกระทบต่อการส่งออกสินค้าจีนเข้ามาในไทยมากแค่ไหน (Trade Diversion) โดยบางส่วนประยุกต์ใช้ผลการศึกษาของ The Observatory of Economic Complexity (OEC) โดยบริษัท Datawheel ซึ่งตั้งอยู่ที่ รัฐแมสซาชูเซตส์ (Massachusetts) เมื่อ วันที่ 28 กรกฎาคม 2025 โดย NBCLosAngeles มีการวิเคราะห์ผลกระทบของภาษีทรัมป์ต่อสินค้าจีนโดยแบบจำลอง “tariff simulator” พบว่า การส่งออกจากจีนไปยังสหรัฐฯ ลดลงถึง $485?พันล้านภายในปี 2027 โดยบทวิเคราะห์นี้พบว่า ถ้าเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจีน 30% จีนส่งออกไปสหรัฐฯ ลดลงหายไป 300 พันล้านเหรียญ ใน 3 ปีข้างหน้า
จากการลดการนำเข้าสินค้าจีนของสหรัฐฯ มูลค่า 301.7 พันล้านเหรียญ ทำให้เกิดการเบี่ยงเบนทางการค้า (Trade Diversion) จากตลาดสหรัฐฯ ไปสู่ตลาดอื่นๆ ประเทศไทยเป็น ประเทศที่สามในอาเซียนที่สินค้าจีนจะทะลึกเข้ามาขาย รองจากเวียดนาม และมาเลเซีย โดยเข้ามาในประเทศไทยคิดเป็นสัดส่วน 2.4% ของสินค้าจีนที่ขายไปสหรัฐฯ ไม่ได้ ซึ่งจากการวิเคราะห์ช่วงปี 2025-2028 พบว่า กรณีที่สหรัฐฯ ไม่เก็บภาษีนำเข้าสินค้าจีน 30%ไทยนำเข้าสินค้าจีนเพิ่มจาก 83,467 ล้านเหรียญ เป็น 105,632 ล้านเหรียญ และกรณีที่สหรัฐฯ เก็บภาษีนำเข้าสินค้าจีน 30% ไทยนำเข้าสินค้าจีนเพิ่มจาก 2,052 ล้านเหรียญ เป็น 2,597 ล้านเหรียญ ทำให้ไทยนำเข้าสินค้าจีนรวมทั้ง 2 กรณีเพิ่มจาก 85,520 ล้านเหรียญ เป็น 108,230 ล้านเหรียญ และไทยขาดดุลการค้ากับจีนเพิ่มจาก 46,660 ล้านเหรียญ เป็น 63,630 ล้านเหรียญ นั้นหมายความว่า ผลภาษีทรัมป์ ที่เก็บกับสินค้าจีน 30% ทำให้สินค้าจีนทะลักเข้ามาในไทยมูลค่า 69,781 ล้านบาท ถึง 88,298 ล้านบาท
สำหรับสินค้าจีนที่คาดว่าจะส่งออกมาประเทศไทย หลังจากที่ส่งไปขายในสหรัฐฯ ลดลง ส่วนใหญ่เป็นสินค้าอุตสาหกรรม ได้แก่ เครื่องใช้สำหรับโทรคมนาคมและอุปกรณ์เครือข่าย รถยนต์ (สำเร็จรูป/ชิ้นส่วน) และคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ เป็นต้น
5.สรุปผลการศึกษา
1.ช่วง 3 ปีข้างหน้า สินค้าจีนจะเข้ามาในประเทศไทยสูงสุดในรอบ 10 ปี ทั้งจากนโยบายรัฐบาลจีนและภาษีทรัมป์ ส่งผลทำให้ไทยขาดดุลการค้ากับจีนมากเป็นประวัติการณ์
2.สินค้าจีนที่เข้ามาตามนโยบายรัฐบาลจีนมีทั้งสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรม แต่ผลของภาษีทรัมป์จะทำให้สินค้าอุตสาหกรรมจีนส่วนใหญ่เข้ามาในไทย
3.สินค้าจีนที่ทะลักเข้าไทยมากน้อยแค่ไหนตามภาษีทรัมป์ ขึ้นกับผลการเจรจาการค้าสหรัฐฯ กับ จีนที่จะสิ้นสุด ในวันที่ 10 พฤศจิกายน 2568 หากมากกว่า 30% จะส่งผลต่อสินค้าจีนที่จะทะลักเข้ามาในไทยมากกว่าที่ประเมินไว้ข้างต้น
6.ข้อเสนอแนะ
1.สร้างระบบการเตือนภัยและติดตามล่วงหน้า (Early-Warning) สินค้าจีนที่ทะลักเข้ามาไทย
2.คุมกฎถิ่นกำเนิดอย่างโปร่งใส และทำระบบการตรวจสอบย้อนกลับกับหน่วยงานสหรัฐฯ สำหรับสินค้าที่มีความเสี่ยงถูกตีความเป็น transshipment ไปสหรัฐ เพื่อหลีกเลี่ยงภาษี 40%
3.สร้างมาตรการนำเข้าเข้มข้นสินค้าจีนทั้งคุณภาพและมาตรฐานเพื่อให้ SMEs ไทยสามารถแข่งขันกับสินค้าจีนได้
4.ตั้งกองทุนปรับตัวอุตสาหกรรมเพื่อ SMEs ช่วยในการปรับตัวแข่งขันกับสินค้าจีน
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : นักวิชาการ วิเคราะห์ ภาษีทรัมป์-จีน สินค้าจีนทะลักเข้าไทย เสนอ 4 แนวทางรับมือ ก่อนเสียหายหนัก
ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.matichon.co.th