ฝ่ายค้าน ซัด 'ไชยา' ชิ่งปิด หนีถกMOU ทำลายความเชื่อถือประชาชน
ที่รัฐสภา พรรคร่วมฝ่ายค้าน นำโดย นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคประชาชน ฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) นายไชยชนก ชิดชอบ สส.บุรีรัมย์และเลขาธิการพรรคภูมิใจไทย น.ส.แนน บุณย์ธิดา สมชัย สส.อุบลราชธานีและโฆษกพรรคภูมิใจไทย พร้อมด้วยสส.ของทั้ง 2 พรรค แถลงกรณีถึงกรณีที่นายไชยา พรหมา รองประธานสภาฯ คนที่หนึ่ง ซึ่งทำหน้าที่ประธานในที่ประชุมสภา สั่งปิดประชุมกะทันหัน ก่อนเข้าสู่วาระพิจารณาญัตติด่วนเพื่อขอให้สภาฯ พิจารณาบันทึกความเข้าใจเอ็มโอยู 43 และเอ็มโอยู 44 ที่นายสฤษฏ์พงษ์ เกี่ยวข้อง สส.กระบี่ พรรคภูมิใจไทย เป็นผู้เสนอ
โดยนายณัฐพงษ์ กล่าวว่า เป็นสิ่งที่ไม่ตรงกับข้อตกลงที่วิปรัฐบาลและวิปฝ่ายค้านได้พูดคุย และหวังให้สภาฯเป็นทางออกของข้อเรียกร้องของประชาชน แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือการปิดกั้นการใช้เวทีสภาเป็นพื้นที่หาทางออก และจะทำให้สภาเป็นง่อย ทำอะไรไม่ได้
ด้านนายปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า ญัตติดังกล่าวประธานสภาได้บรรจุเป็นเรื่องเร่งด่วน ตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว และได้ประสานให้พิจารณาวันนี้ (21 ส.ค.) โดยจะขอเลื่อนขึ้นมาช่วงหลังประชุมรับทราบรายงานของหน่วยงาน และเมื่อวันที่ 20 ส.ค.ที่ผ่านมา เราได้รับการประสานมาว่าจะมีการตั้งคณะกรรมาธิการ (กมธ.)วิสามัญขึ้นมาศึกษาเอ็มโอยูทั้ง 2 ฉบับ โดยเราเตรียมรายชื่อ กมธ.วิสามัญไว้แล้ว และในช่วงเที่ยงก็มีการเดินประสานงานพูดคุยกันตลอดว่าจะประชุมลับหรือไม่ เพราะเนื้อหาการอภิปรายบางส่วนมีความอ่อนไหวต่อเหตุการณ์สถานการณ์ปัจจุบัน ตนเข้าใจและยินยอมให้ความร่วมมือ เพื่อให้เป็นประโยชน์และมีการตั้งกรรมาธิการขึ้นมาศึกษาเรื่องนี้
"ต่อมากลับเดินมาบอกยกเลิกตั้งกมธ.วิสามัญ และจะส่งไปยังกมธ.สามัญที่เกี่ยวข้องแทน ผมประสานให้ยินยอมตามนั้น แม้ที่ผ่านมา รัฐบาลมีเสียงปริ่มน้ำหลายครั้ง ฝ่ายค้านก็ยินยอมร่วมประชุมเพื่อให้งานสภาเดินไปต่อได้ เพื่อให้เป็นความหวังของประชาชน วันนี้ถือเป็นเหตุการณ์ที่สำคัญเพราะมีประชาชนมาชุมนุมอยู่หน้าสภา เพื่อเรียกร้อง แต่ชิงปิดสภาโดยพวกเราไม่รู้ล่วงหน้าเป็นสิ่งที่อันตรายต่อระบอบประชาธิปไตย และอันตรายต่อความหวังของประชาชนที่มีต่อสภา และการเมือง" นายปกรณ์วุฒิ กล่าว
ขณะที่ น.ส. แนน บุณย์ธิดา กล่าวว่า เรื่องราวที่เกิดขึ้นนั้น ทางวิปฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านได้มีการคุยกัน มากกว่า 5 ครั้ง และเป็นญัตติที่ด่วนซึ่งยื่นไว้แล้ว ตนเองที่กำลังจะยกมือขึ้นเพื่อเลื่อนวาระ แต่ประธานกลับพูดปิด เหตุการณ์นี้ ไม่ใช่แค่เฉพาะฝ่ายค้านที่ตกใจ แต่ฝ่ายรัฐบาลลตกใจเหมือนกัน กับการกระทำที่เกิดขึ้น เพราะน้อยที่สุดที่มีการเตรียมไว้ คือสองญัตติด่วนด้วยวาจา เพื่อเสนอประกบ
"ในการเจรจา ตอนแรกขอลับ ลับตอนเรื่องเนื้อหา ไม่ลับตอนญัตติ มาอีกหนึ่งรอบบอกลับตั้งแต่เสนอญัตติรวมถึงเนื้อหา มาอีกรอบหนึ่งบอกขอไม่ตั้งวิสามัญ พอมารอบสุดท้าย แบบที่เห็น ไม่ต้องคุยกันแล้ว ปิดประชุมใส่กันเลย ซึ่งต้องตั้งคำถามกลับไปว่า ทั้งวิปรัฐบาล และประธานสภาฯ ที่ทำหน้าที่ในขณะนั้น ท่านก็คือหนึ่งในรองประธานสภาฯ ที่ไปรับหนังสือจากประชาชน ที่เขามายื่นเรื่องเอ็มโอยู 43 และ เอ็นโอยู44 ทำไมท่านไม่ฟังเสียงพี่น้องประชาชนในการพูดคุย ต้องใช้เวทีไหนในการพูดคุย เรื่องที่เป็นปัญหาประเทศ" น.ส.แนน บุณย์ธิดา กล่าว
ด้านนายไชยชนก กล่าวว่า สถานการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนี้ ทุกพรรคที่มายืนอยู่ตรงนี้ และไม่มายืนอยู่ตรงนี้ ได้ยอมทุกข้อเสนอจากทางฝั่งรัฐบาล เพื่อให้เรื่องนี้ ได้มีการดำเนินการต่อ หาข้อเท็จจริง หาทางออกเพื่อประเทศ แต่ผลลัพธ์เป็นอย่างที่เห็น วันนี้ตนอยากจะฝากเป็นข้อความไปสู่รัฐบาล และประชาชนว่า ความจริง เริ่มออกมาแล้ว วันนี้เขื่อนแตกแล้ว ไม่ว่าจะพยายามใช้อำนาจในทางใด ไม่สามารถปกปิดสิ่งที่กำลังออกมาในเวลานี้ได้
"ฝากบอกรัฐบาลว่าอย่าฝืน สำหรับประชาชน อยากจะบอกว่าอยากให้พวกเราสามัคคีกันไว้ และอดทน อย่าเพิ่งยอมแพ้ พวกเราทุกคนไม่มีใครต้องการที่จะเห็นการรัฐประหารหากเป็นไปได้ วันนี้เรายังเชื่อว่ายังสู้ไหว และพยายามที่จะสู้ต่อไปในกระบวนการตามระบบที่มี เชื่อว่าสุดท้าย ความจริงชนะทุกอย่าง" นายไชยชนก กล่าว