CBG กำไร Q2/68 ที่ 800 ลบ. โต 16% ยอดขายในประเทศแกร่ง ชดเชยผลกระทบชายแดนกัมพูชา ปันผล 0.70 บาท
CBG กำไร Q2/68 ที่ 800 ลบ. โต 16% ยอดขายในประเทศแกร่ง ชดเชยผลกระทบชายแดนกัมพูชา ปันผล 0.70 บาท
#ทันหุ้น #CBG สรุปประเด็นหลัก (Key Takeaways):
กำไรสุทธิเติบโตแข็งแกร่ง: กำไรสุทธิสำหรับผู้ถือหุ้นบริษัทฯ ในไตรมาส 2 ปี 2568 อยู่ที่ 800 ล้านบาท เพิ่มขึ้นอย่างน่าประทับใจ +16% YoY จากยอดขายที่เพิ่มขึ้น การควบคุมต้นทุนและค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ และต้นทุนทางการเงินที่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ
รายได้รวมทะยานต่อเนื่อง: รายได้จากการขายรวมอยู่ที่ 5,577 ล้านบาท เพิ่มขึ้น +13% YoY โดยได้แรงหนุนหลักจากการเติบโตของยอดขายเครื่องดื่มบำรุงกำลังในประเทศ และรายได้จากการรับจ้างจัดจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
ตลาดในประเทศคือพระเอก: ยอดขายในประเทศภายใต้แบรนด์ของตนเองพุ่งสูงถึง +25% YoY จากการยืนหยัดกลยุทธ์ราคา 10 บาท และการขยายเครือข่ายการจัดจำหน่ายที่เจาะลึกถึงระดับตำบล ส่งผลให้ส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มขึ้น +1.6% YoY
ธุรกิจจัดจำหน่ายโตแรง: รายได้จากการรับจ้างจัดจำหน่ายให้บุคคลภายนอก (ส่วนใหญ่คือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์) เติบโตถึง +22% YoY สะท้อนความสำเร็จของกลยุทธ์การตลาด "เบียร์" และเครือข่ายกระจายสินค้าที่แข็งแกร่ง
ตลาดต่างประเทศเผชิญความท้าทาย แต่มีสัญญาณบวก: รายได้ส่งออกรวมลดลงเล็กน้อย -3% YoY โดยเฉพาะกลุ่มประเทศ CLMV ที่ลดลง -4% YoY จากปัญหาการขนส่งข้ามแดนไปกัมพูชา อย่างไรก็ตาม ตลาดเวียดนามเติบโตอย่างก้าวกระโดด +38% YoY และบริษัทกำลังเร่งสร้างโรงงานในเมียนมาและกัมพูชาเพื่อแก้ปัญหาในระยะยาว
ประกาศจ่ายปันผล: คณะกรรมการบริษัทมีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจากผลการดำเนินงานครึ่งปีแรกในอัตราหุ้นละ 0.70 บาท
เจาะลึกผลประกอบการไตรมาส 2/2568
บริษัท คาราบาวกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ CBG ได้แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของผลการดำเนินงานในไตรมาสที่ 2 ของปี 2568 โดยมีกำไรสุทธิเติบโตอย่างโดดเด่นสวนทางกับความท้าทายทางเศรษฐกิจบางประการ ซึ่งเป็นผลมาจากกลยุทธ์ทางธุรกิจที่ชัดเจนและการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพในหลายมิติ
รายได้: พลังขับเคลื่อนจากตลาดในประเทศและธุรกิจจัดจำหน่าย รายได้จากการขายรวมในไตรมาสนี้อยู่ที่ 5,577 ล้านบาท เพิ่มขึ้น +13% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY)
การเติบโตนี้มีปัจจัยสำคัญมาจากสองส่วนหลัก: ผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ของตนเอง (Own Brands): สร้างรายได้ 3,216 ล้านบาท เพิ่มขึ้น +11% YoY โดยมีพระเอกคือ ตลาดในประเทศ ที่เติบโตอย่างร้อนแรงถึง +25% YoY มาอยู่ที่ 1,812 ล้านบาท
ความสำเร็จนี้เป็นผลโดยตรงจากการที่บริษัทฯ ยืนหยัด คงราคาขายปลีกเครื่องดื่มคาราบาวแดงไว้ที่ 10 บาท ซึ่งไม่เพียงช่วยลดภาระค่าครองชีพให้ผู้บริโภค แต่ยังสร้างความภักดีต่อแบรนด์ได้อย่างมหาศาล ประกอบกับการปรับกลยุทธ์การกระจายสินค้าที่ "ละเอียดยิ่งขึ้น" ผ่านคู่ค้ารายย่อยในระดับอำเภอและตำบล ทำให้สินค้าเข้าถึงผู้บริโภคในวงกว้างยิ่งกว่าเดิม
ธุรกิจรับจ้างจัดจำหน่าย (Distribution Business): ภาคส่วนนี้กลายเป็นเครื่องยนต์การเติบโตที่สำคัญ สร้างรายได้ถึง 2,104 ล้านบาท เติบโตอย่างก้าวกระโดดถึง +22% YoY โดยรายได้หลักมาจากการจัดจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ความสำเร็จนี้เกิดจากยุทธศาสตร์ "เบียร์" ที่ใช้เป็นเครื่องมือการตลาดเพื่อต่อยอดความแข็งแกร่งของช่องทางการจัดจำหน่ายเดิม
ในทางกลับกัน รายได้จากการส่งออกไปยังตลาดต่างประเทศ กลับลดลงเล็กน้อยที่ -3% YoY มาอยู่ที่ 1,404 ล้านบาท สาเหตุหลักมาจากการหดตัวของตลาด CLMV (-4% YoY) จากผลกระทบการจำกัดการผ่านแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งบริษัทกำลังแก้ปัญหาโดยการเร่งสร้างโรงงานผลิตในกัมพูชาให้เสร็จสิ้นภายในสิ้นปี 2568 นี้ อย่างไรก็ดี ยังมีสัญญาณบวกจากตลาดเวียดนามที่เติบโตถึง +38% YoY หลังได้พันธมิตรจัดจำหน่ายรายใหม่ที่มีศักยภาพ
การวิเคราะห์กำไร: ประสิทธิภาพการผลิตชดเชยมาร์จิ้นที่เปลี่ยนไป CBG มีกำไรขั้นต้นจำนวน 1,504 ล้านบาท เพิ่มขึ้น +10% YoY อย่างไรก็ตาม อัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin) ปรับตัวลดลงเล็กน้อยจาก 28% ในปีก่อนหน้า มาอยู่ที่ 27% ในไตรมาสนี้
สาเหตุหลัก: การเปลี่ยนแปลงของส่วนผสมผลิตภัณฑ์ (Product Mix) โดยสัดส่วนรายได้จากธุรกิจรับจ้างจัดจำหน่าย ซึ่งมีอัตรากำไรขั้นต้นต่ำกว่า ได้เพิ่มขึ้นจาก 35% เป็น 38% ของรายได้รวม
ปัจจัยหนุน: หากพิจารณาเฉพาะกลุ่มสินค้าที่บริษัทผลิตเอง อัตรากำไรขั้นต้นกลับ ปรับตัวดีขึ้นจาก 39% เป็น 40% สะท้อนถึงประสิทธิภาพในการบริหารจัดการต้นทุนได้อย่างยอดเยี่ยม แม้ว่าต้นทุนบรรจุภัณฑ์อย่างอะลูมิเนียมจะสูงขึ้น แต่บริษัทสามารถบริหารต้นทุนวัตถุดิบอื่น เช่น น้ำตาลและเศษแก้ว ได้เป็นอย่างดี รวมถึงได้ประโยชน์จากต้นทุนพลังงานที่ลดลงและ การประหยัดต่อขนาด (Economies of Scale) จากปริมาณการผลิตที่สูงขึ้น
ในส่วนของ กำไรสุทธิส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นบริษัทฯ อยู่ที่ 800 ล้านบาท เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญถึง +16% YoY คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิที่ 14.4% ปัจจัยสำคัญที่ผลักดันกำไรสุทธิ ได้แก่:
ยอดขายที่เติบโต: ดังที่กล่าวไปข้างต้น
การควบคุมค่าใช้จ่าย: ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร (SG&A) เพิ่มขึ้นเพียง +4% YoY ซึ่งต่ำกว่าอัตราการเติบโตของรายได้ ทำให้สัดส่วนค่าใช้จ่ายต่อยอดขายลดลงจาก 11% เหลือเพียง 10% นอกจากนี้ ค่าธรรมเนียมสนับสนุนสโมสรฟุตบอลลดลงถึง -35% YoY
ต้นทุนทางการเงินลดลง: ค่าใช้จ่ายทางการเงินลดลงอย่างมากถึง -53% YoY เหลือเพียง 17 ล้านบาท จากการทยอยชำระคืนหนี้เงินกู้และการบริหารสภาพคล่องที่ดีขึ้น
คาราบาวกรุ๊ปปิดไตรมาสที่ 2 ปี 2568 ด้วยผลงานที่น่าประทับใจ โดยมีกำไรสุทธิเติบโต 16% YoY เป็น 800 ล้านบาท และรายได้รวมเพิ่มขึ้น 13% YoY เป็น 5,577 ล้านบาท ความสำเร็จนี้ขับเคลื่อนโดยกลยุทธ์การตลาดในประเทศที่แข็งแกร่ง โดยเฉพาะการคงราคาขายปลีก 10 บาท และการขยายเครือข่ายจัดจำหน่ายที่เจาะลึก ซึ่งหนุนให้ยอดขายในประเทศโตถึง 25% ควบคู่ไปกับการเติบโตอย่างก้าวกระโดดของธุรกิจรับจ้างจัดจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่โตถึง 22%
แม้จะต้องเผชิญกับความท้าทายในตลาดส่งออก CLMV แต่บริษัทได้วางแนวทางแก้ไขระยะยาวด้วยการจัดตั้งโรงงานในพื้นที่ ประกอบกับการบริหารจัดการต้นทุนและค่าใช้จ่ายที่มีประสิทธิภาพ ส่งผลให้บริษัทสามารถสร้างผลกำไรที่แข็งแกร่งและประกาศจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลที่ 0.70 บาทต่อหุ้น ตอกย้ำสถานะความเป็นผู้นำในตลาดและความสามารถในการสร้างผลตอบแทนให้แก่นักลงทุนได้อย่างต่อเนื่อง