ทูตกลับตัดสัมพันธ์ ปิด4ด่าน3ปราสาทโต้เขมรวางระเบิดทหารไทยเจ็บอีก5
“ภูมิธรรม” สั่งลดระดับความสัมพันธ์ เรียกทูตไทยประจำกัมพูชากลับ ส่งทูตเขมรคืนประเทศ ไฟเขียวทัพภาค 2 ปิด 4 ด่านชายแดนอีสานใต้ พ่วง 3 ปราสาท ตั้งแต่ 24 ก.ค. หลังทหารไทยเหยียบกับระเบิดขาขาดอีกราย ผบ.ทบ.ลงพื้นที่พร้อมงัดแผนจักรพงษ์ภูวนาถ “บิ๊กเล็ก” เหลือทน “ฮุน มาเนต” เสี้ยมคนในชาติ ยอมรับเจอสงครามยั่วยุของจริง ขณะที่ “ทบ.” คุยสื่อปรับทิศทางข่าวสู้สงครามไอโอเขมร ด้าน "ผบ.ตร." ส่งชุดควบคุมฝูงชนสแตนด์บายชายแดน พร้อมรับมือม็อบรวมพล
เมื่อวันพุธ ที่กระทรวงกลาโหม องค์การนักศึกษารามคำแหงเข้ายื่นหนังสือกับ พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ถึงประเด็นสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา เพื่อเรียกร้องให้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหมทำงานให้รวดเร็ว ไม่ล่าช้า และไม่ต้องเกรงใจรัฐบาล
โดย พล.อ.ณัฐพลมารับหนังสือพร้อมยืนยันว่า ทางรัฐบาลและกระทรวงกลาโหมพร้อมกองทัพทำงานเป็นไปในแนวทางเดียวกัน เราได้ประสานงานทั้งผู้บัญชาการเหล่าทัพ แม่ทัพภาคที่ 2 ผู้บัญชาการกองกำลัง ทุกอย่างคุยกันได้เข้าใจกันหมด อย่างกรณีที่นายฮุน มาเนต นายกฯ กัมพูชา ได้โพสต์ข้อความให้กำลังใจคนพวกนี้
“ผมถือว่าเป็นการให้การสนับสนุน ผมก็เริ่มห่วงแล้ว ท่านจะมาบอกว่าท่านไม่รู้เรื่องไม่ได้ ถ้าไม่รู้เรื่องต้องอยู่เฉยๆ หรือห้ามปราม ลดการกระทบกระทั่ง แต่การมาโพสต์ว่าขอขอบคุณประชาชน ในครั้งนี้เป็นการรวมพลเป็นครั้งที่สอง ผมจึงได้พูดคุยกับแม่ทัพภาคที่ 2 ซึ่งปัจจุบันกระบวนการที่ทำอยู่นั้นคือให้เจ้าหน้าที่ทหารชุดประสานงานชายแดนอยู่บนปราสาทตาเมือนธมฝั่งละ 7 คน ไร้อาวุธ แล้วตกลงกันว่าการที่มีประชาชนมากันมาก จะให้ขึ้นทีละกลุ่ม แต่ที่กังวลคือการมายั่วยุ และทหารเราจะเกินความอดกลั้น และหากมีการใช้อาวุธนั้นคือความสูญเสียของพลเรือน ซึ่งหากมองไปยังสถานการณ์ที่แย่ที่สุด หากเขาสร้างสถานการณ์ขึ้นมา เราจะเป็นรองทันทีจากที่เราเป็นต่อ” พล.อ.ณัฐพลระบุ
จากนั้นนักศึกษารามคำแหงได้ถามว่า เป็นไปได้หรือไม่ที่จะปิดปราสาทตาเมือนธมเพื่อลดความตึงเครียด พล.อ.ณัฐพลกล่าวว่า การดำเนินการตามกติกาสากลโลก การดำเนินการทุกอย่างจะอยู่ในความสมเหตุสมผล เราเตรียมแล้วที่จะทำตามขั้นตอน คือหากเขาเข้ามาก่อกวน เราจะให้ทหารฝ่ายกัมพูชาเชิญตัวไปออกไป แต่ถ้าไม่ไปแสดงการยั่วยุ ทำท่าจะเกิดการใช้กำลัง ถ้ายังไม่หยุดก็จะนำกองร้อยปราบจลาจลของทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไประงับเหตุ แล้วถ้าหากถึงขั้นการใช้เจ้าหน้าที่ปราบจลาจลเมื่อไหร่ เราจะขอทำการปิด ซึ่งถือว่าเป็นการดำเนินการตามเหตุผล ยอมรับว่าเป็นสงครามจิตวิทยาในการยั่วยุ สงครามไอโอ (IO) เราเจอของจริงแล้ว
พล.อ.ณัฐพลกล่าวอีกว่า กัมพูชาเขาทำ IO กับเราเยอะ ตนจึงเตือนสื่อว่าเวลาได้ข่าว Exclusive มาควรที่จะหันไปโจมตีกัมพูชา ไม่ใช่มาโจมตีกันเอง ยืนยันว่าตนไม่ได้เกรงใจใครในรัฐบาล ยืนยันได้เลย หลายคนมองว่าเราทำงานภายใต้การชักใย ตนมีความเชื่ออยู่อย่างหนึ่งว่า อยู่กับความจริงอยู่ได้ ตนก็ทำงานของตนด้วยความที่เป็นทหาร ได้เปรียบคือการพูดให้น้อย เขาจะไม่รู้ว่าเราคิดอะไร แต่สังคมในปัจจุบันพอพูดน้อยก็หาว่าเราไม่ทำงาน ตนจึงใช้วิธีพูดให้ประชาชนรู้ ซึ่งก็ต้องใช้ฝีมือให้มากขึ้น เพราะบางครั้งเมื่อบอกประชาชนแล้วฝ่ายตรงข้ามก็รู้ด้วย
“นายกรัฐมนตรีแพทองธารช่วงที่หยุดปฏิบัติหน้าที่ไม่เคยมาพูดกับผมเรื่องนี้เลย หลังจากที่พยายามช่วยจนตนเองถูกหยุดปฏิบัติหน้าที่ ยืนยันผมมีอิสระ ขอให้ไปสืบค้นใน ศบ.ทก.ได้เลยว่า มีหน่วยงานไหนบ้าง ถ้าทุกคนบอกว่ามีใบสั่ง ผมยินดีขอปรับพ้นตัวเอง เอาคนอื่นมาทำงานแทน การที่ผมทำงานตรงนี้ ไม่ได้หวังก้าวหน้าต่อไป เพราะไม่ใช่นักการเมืองอาชีพ ผมมาเฉพาะกิจ หากปรับผมออกก็ไปพักผ่อนทำสวน อยู่ตำแหน่งไหนก็ทำงานได้เหมือนกันหมด ตราบใดที่ยังอยู่ก็ทำต่อไป และไม่ได้คาดหวังว่าจะได้อยู่นานเท่าไหร่ แต่ผมจะทำจนถึงวันสุดท้าย เหมือนวิ่ง 400 เมตรรอบสนาม ผมจะวิ่งเข้าเส้นชัย ไม่มีวันเดินเข้าเส้นชัย อยู่ถึงวันไหนก็ทำให้เต็มที่ คนไทย 70 ล้านคน ถ้าพูดความจริงกับประชาชนนั้นจะไปได้ แต่ถ้าผัวเมียสองคนทะเลาะกันอย่างนั้นไปไม่ได้” พล.อ.ณัฐพลกล่าว
ปรับกลยุทธ์สู้ไอโอเขมร
ที่กองบัญชาการกองทัพบก พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ได้มอบหมายให้ พล.ท.อานุภาพ ศิริมณฑล รองเสนาธิการทหารบก, พล.ต.วันชนะ สวัสดี ผอ.สำนักงานประสานภารกิจด้านความมั่นคงกับกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน, พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก และทีมโฆษก ร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับสื่อมวลชนในการนำเสนอข่าวชายแดนไทย-กัมพูชา
โดย พล.ท.อานุภาพกล่าวว่า ผบ.ทบ.ได้ฝากข้อความโดยระบุว่า ภัยคุกคามที่เกิดขึ้นปัจจุบันเป็นรูปแบบหลายมิติ ซึ่งบางครั้งก็ยังไม่เคยเจอแบบนี้มาก่อน ส่งผลความมั่นคงของประเทศ ดังนั้นความรับผิดชอบทหารโดยตรงอยู่แล้วอย่างปฏิเสธไม่ได้ แต่อยากให้สื่อมวลชนให้ความร่วมมือ เพราะปัจจุบันมีการต่อสู้ในโซเชียลมีเดีย มีอิทธิพลต่อการปฏิบัติงานของทหาร คงไม่ตำหนิ ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาล กระทรวงการต่างประเทศ เพราะมีขีดความสามารถและข้อจำกัด
“ฉะนั้นเราต้องทำงานร่วมกัน นอกจากนี้กองทัพบกยังประสานไปยังกองทัพไทยในเรื่องการให้ข้อมูลข่าว ที่จะต้องเป็นไปในทิศทางเดียวกัน และเป็นทีมเดียวกัน โดยในส่วนของกองทัพไทย ก็จะมี พล.ต.วันชนะเป็นผู้รับผิดชอบ ดังนั้นขอให้มั่นใจ” พล.ท.อานุภาพระบุ
ด้าน พล.ต.วันชนะ ได้เดินทางมาร่วมวงแลกเปลี่ยนในครั้งนี้ด้วย เมื่อเห็นสื่อมวลชนก็ได้แซวว่า ให้ไปนั่งคู่กันเลย จะได้เป็นองค์ดำองค์ขาว จากนั้น พล.ต.วันชนะหรือเสธ.เบิร์ดที่เคยรับบทเป็นสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ได้เริ่มต้นด้วยการท่องบทในภาพยนตร์ช่วงพระยาละแวกให้ฟังว่า ถอยทัพกลับไปก็ดีแล้ว ละแวกก็หอกข้างแคร่ ดีร้ายจะลอบตลบหลัง เราทีเผลอเข้าพลาด
วันเดียวกัน พล.ต.วันชนะโพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊กส่วนตัว เปิดชื่อนายทหารกัมพูชาที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์วางทุ่นระเบิด ช่วงหนึ่งว่า ใครจะรับผิดชอบล่ะ หน่วยในพื้นที่ที่เผชิญหน้ากันอยู่ หรือหน่วยวางระเบิด ชื่อหน่วยและผู้นำในพื้นที่ก็รู้กันอยู่แล้ว เพราะไปมาหาสู่กันมานาน พูดได้ว่ารู้จักกัน หน่วยที่วางกำลังเผชิญหน้าอยู่คือ พัน สสน.392 สน. มี พ.ต.ชุน โซะพอล เป็น ผบ.พัน
ส่วนหน่วยที่มาวางกับระเบิด คือ หน่วย ช. พล.สสน.3 มี พ.ท.ลำ โซะเคน ผบ.พัน 2 หน่วยนี้มาเดินเก็บกู้พร้อมกันไหม? แต่ถามหาความรับผิดชอบคงไม่มี เพราะฮุน เซน คงให้ปฏิเสธไปตามนิสัยจับไม่ได้ไล่ไม่ทัน อย่ารับผิด แต่ที่แน่นอนคือ อยู่ในดินแดนไทย เพราะเขมรยอมถอย เนื่องจากรู้ดีว่าล้ำแดนจริง จำนนต่อหลักฐานแผนที่ 1:200,000 ที่ทำมาเป็นเพียงการนำเสนอให้รู้ว่า แม้แผนที่หยาบมาก ก็ยังอยู่ในแผ่นดินไทย
ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.ร.ต.สุรสันต์ คงสิริ รองโฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย ในฐานะโฆษกศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) แถลงว่า กรณีการเปิดให้เยี่ยมชมปราสาทตาเมืองธม ฝ่ายไทยยังยืนยันที่จะเปิดบริการให้กับประชาชนนักท่องเที่ยวสามารถเยี่ยมชมปราสาทตาเมือนธมได้ตามปกติ โดยทั้งสองฝ่ายได้กำหนดมาตรการร่วมกัน โดยมีแนวทางดังนี้ 1.หากมีปัญหาจากนักท่องเที่ยวเกิดขึ้น กรณีเป็นนักท่องเที่ยวชาติใดให้ชุดประสานงานของปราสาทชาตินั้นเป็นผู้นำตัวนักท่องเที่ยวออกจากพื้นที่
2.หากมีปัญหาในพื้นที่ ให้ชุดประสานงานในพื้นที่ของแต่ละฝ่ายจำนวน 7 คน เป็นผู้ดำเนินแก้ไขปัญหา โดยไม่ต้องส่งกำลังชุดอื่นที่ไม่จำเป็นและไม่เกี่ยวข้องเข้ามาเพิ่มเติม ทั้งนี้ เพื่อป้องกันการเผชิญหน้าของทั้งสองฝ่าย และ 3.ขอให้ทั้งสองฝ่ายดำเนินการคัดกรองนักท่องเที่ยวของแต่ละฝ่ายอย่างเข้มงวดก่อนขึ้นมาท่องเที่ยวบนปราสาทตาเมือนธม
ด้านนางมาระตี นะลิตา อันดาโม รองอธิบดีกรมสารนิเทศ และรองโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า สำหรับเหตุการณ์ทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิดเมื่อวันที่ 16 ก.ค.นั้น วันนี้ (23 ก.ค.) เวลา 16.00 น. กระทรวงการต่างประเทศจะจัดการบรรยายสรุปแก่คณะทูตและผู้ช่วยทูตทหารต่างประเทศ ซึ่งจะเป็นโอกาสสำคัญของไทยที่จะชี้แจงข้อมูลและข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยวันนี้ทางกระทรวงการต่างประเทศจะทำการชี้แจงกับชาวโลกได้อย่างมั่นใจเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น รวมถึงเนื้อหาที่กระทรวงการต่างประเทศจะเดินหน้าประท้วงต่อไป โดยฉบับที่ 2 จะเป็นหนังสือถึงญี่ปุ่น ในฐานะประธานที่ประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาออตตาวา เพื่อเรียกร้องให้ฝ่ายกัมพูชาแสดงความรับผิดชอบต่อไทย ต่อประชาคมโลก ต่อประเทศและองค์กรที่สนับสนุนกัมพูชาในอดีตที่ผ่านมาในเรื่องของการเก็บกู้ทุ่นระเบิดให้พิจารณาในเรื่องนี้ด้วย ทั้งนี้ ในเวทีระหว่างประเทศ ชื่อเสียงและความน่าเชื่อถือของแต่ละประเทศ รวมถึงคำมั่นที่ประเทศนั้นให้ไว้กับประชาคมระหว่างประเทศมีความสำคัญยิ่ง เพราะเป็นสิ่งที่จะทำให้ประเทศนั้นน่าคบหาและเป็นที่เคารพของประชาคมโลก
ปิด 4 ด่านพ่วง 3 ปราสาท
จากนั้นในช่วงเย็น พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า วันนี้ (23 ก.ค.) กำลังพลออกลาดตระเวนได้เหยียบกับระเบิดบริเวณช่องอานม้า จ.อุบลราชธานี ได้รับบาดเจ็บ พร้อมนำตัวส่งรักษาที่โรงพยาบาลเรียบร้อยแล้ว และคาดว่าเป็นการวางทุ่นระเบิดใหม่
"ผมขอประกาศ กองทัพภาคที่ 2 ยกระดับการตอบโต้กัมพูชา ในวันพรุ่งนี้ (24 ก.ค.) ปิด 4 ด่าน ช่องอานม้า ช่องสะงำ ช่องจอม ช่องสายตะกู พร้อมปิดปราสาทตาเมือนธมและปราสาทตาควาย" แม่ทัพภาคที่ 2 ระบุ
แหล่งข่าวจาก ศบ.ทก.ยอมรับว่า ทหารไทยเหยียบกับระเบิดขาขาดบริเวณแนวชายแดนไทย-กัมพูชาเมื่อเวลา 16.55 น. โดยกองทัพภาคที่ 2 ได้ปรึกษามาที่ ศบ.ทก. เพื่อขออนุญาตปิดด่านในพื้นที่รับผิดชอบของกองทัพภาคที่ 2 ได้แก่ อุบลราชธานี ศรีสะเกษ สุรินทร์ และบุรีรัมย์ รวมทั้งสถานที่ท่องเที่ยวตามแนวชายแดน เพื่อเป็นการประท้วงกัมพูชาจากการลักลอบวางทุ่นระเบิดที่เกิดขึ้น ซึ่ง ศบ.ทก.เห็นชอบ ขณะเดียวกันจะส่งหนังสือประท้วงโดยใช้กลไก RBC และรายงานกระทรวงการต่างประเทศเพื่อประท้วงต่อไป ดังนั้นตั้งแต่วันที่ 24 ก.ค. จะปิดด่านชายแดนทั้งหมดในพื้นที่ 4 จังหวัดอีสานใต้ของไทย หลังจากที่ฝั่งไทยมีการกำหนดเวลาเปิด-ปิด และในส่วนสถานที่ท่องเที่ยวอย่าง 3 ปราสาท คือ ตาเมือนธม ตาเมือนโต๊ด และตาควาย จะปิดให้บริการเช่นกัน
พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า เมื่อเวลาประมาณ 16.55 น. เกิดเหตุการณ์กำลังพลของกองทัพบกไทยจากชุดลาดตระเวน พัน.ร.14 ประสบเหตุเหยียบกับระเบิดบริเวณห้วยบอน ช่องอานม้า อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี พิกัด VA 950911 ซึ่งเป็นพื้นที่ปฏิบัติการตามแนวชายแดน ทำให้ทหารบาดเจ็บ 4 นาย ส่งผลให้จ่าสิบเอกพิชิตชัย บุญโคราช ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการสูญเสียขาขวา และอีก 4 นาย มีอาการแน่นหน้าอก หูอื้อ จากแรงสั่นสะเทือนของแรงระเบิด ปัจจุบันอยู่ระหว่างการรับการรักษาอย่างเร่งด่วน ณ โรงพยาบาลน้ำยืน
กองทัพบกขอประณามอย่างรุนแรงต่อการกระทำอันไร้มนุษยธรรม ซึ่งละเมิดต่อหลักมนุษยธรรมสากลและข้อตกลงระหว่างประเทศ อันเกิดขึ้นภายในเขตราชอาณาจักรไทย โดยเป็นการกระทำของฝ่ายกัมพูชา และขอเรียกร้องให้ฝ่ายกัมพูชาแสดงความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยถือเป็นการกระทำที่เป็นภัยคุกคามอย่างร้ายแรงต่อสันติภาพและเสถียรภาพบริเวณชายแดนระหว่างสองประเทศ ทั้งนี้ กองทัพบกขอยืนยันว่า จะใช้ทุกกลไกที่มีอยู่ในการดำเนินการตามกรอบที่เหมาะสม เพื่อปกป้องความปลอดภัยของกำลังพลและประชาชนชาวไทย มิให้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ในลักษณะเช่นนี้อีกต่อไป
โดยในวันที่ 24 ก.ค. พล.ท.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก, พล.ท.ชัยพฤกษ์ ด้วงประพัฒน์ รองเสธ.ทบ., พล.ท.บุญสิน พาดกลาง มทภ.2 และ พล.ต.ธีรนันท์ นันทขว้าง ผู้บัญชาการหน่วยข่าวกรองทางทหาร จะลงพื้นช่องอานม้า เพื่อติดตามสถานการณ์และดูแลให้กำลังใจผู้บาดเจ็บ พร้อมได้สั่งการให้กำลังกองทัพภาคที่ 1 กองทัพภาคที่ 2 และกำลังส่วนต่าง ๆ เตรียมพร้อมปฏิบัติตามแผน “จักรพงษ์ภูวนาถ” เมื่อสั่ง
ลดระดับความสัมพันธ์
ต่อมา นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้รับทราบข่าวจาก พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม โดยกองทัพได้รายงานเหตุการณ์ดังกล่าวให้ทราบแล้ว โดยกองทัพภาคที่ 2 และกองทัพบกได้ทำเรื่องขอเสนอให้ปิดด่านชายแดนของกองทัพภาคที่ 2 ทั้งหมด โดยนักท่องเที่ยวห้ามเข้าเด็ดขาด ซึ่งรัฐบาลสั่งการให้ปิดด่านชายแดนตามที่กองทัพเสนอ และได้พิจารณาแล้วว่าเราจะลดระดับทางการทูต โดยเรียกเอกอัครราชทูตไทยประจำกัมพูชากลับประเทศไทย และส่งเอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำประเทศไทยคืนกลับเขาไปเช่นกัน แล้วจะพิจารณาระดับความสัมพันธ์เพิ่มเติม
ทั้งนี้ ได้มีการสั่งการให้กระทรวงการต่างประเทศยื่นหนังสือประท้วงไปแล้ว ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นระเบิดใหม่ พิสูจน์ทราบได้ว่าเมื่อก่อนเดินลาดตระเวนเราไม่เคยมี แต่ตอนนี้เป็นระเบิดที่เกิดใหม่ทั้งหมดในเวลาใกล้เคียงกัน ดังนั้นเรายกระดับการตอบโต้ที่เหมาะสมที่สุดแล้ว
ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เปิดเผยถึงกรณีการเตรียมกำลังตำรวจชุดควบฝูงชนว่า ขณะนี้ยังไม่มีเหตุการณ์ผิดปกติเกิดขึ้น เป็นเพียงการเตรียมความพร้อมล่วงหน้าเท่านั้น ตามการร้องขอจากทางกองทัพภาคที่ 2 เพื่อรองรับสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้น ขอให้ช่วยดูแลความเรียบร้อย โดยเฉพาะในช่วงที่อาจมีประชาชนบางกลุ่มเดินทางไปชมบริเวณประสาทตาเมือนธม ซึ่งเป็นพื้นที่อ่อนไหว เสี่ยงต่อการเกิดการกระทบกระทั่งระหว่างประชาชนของทั้งสองประเทศ
ผบ.ตร.ยังกล่าวถึงกรณีหากมีการนัดรวมพลในพื้นที่ชายแดนในช่วงวันที่ 26-27 ก.ค.นี้ โดยยืนยันว่าตำรวจได้เตรียมกำลังควบคุมฝูงชนไว้แล้ว หากการชุมนุมเป็นไปด้วยความสงบเรียบร้อย ก็จะไม่มีปัญหาใดๆ แต่หากมีแนวโน้มว่าจะเกิดความวุ่นวาย ก็พร้อมเข้าระงับเหตุเพื่อไม่ให้บานปลาย.