เทศนาปาฏิหาริย์!!!
ด้วยเหตุเพราะอ่านหนังสือซะหมดบ้าน!!! อย่างที่เคยบอกๆ เอาไว้แล้ว ก็เลยต้องหันไปคว้าหนังสือเก่า ว่าด้วยเรื่อง จาริกบุญ-จารึกธรรม ของ พระธรรมปิฎก (ป.อ. ปยุตฺโต) กลับมาอ่านอีกเป็นรอบที่เท่าไหร่ก็จำไม่ได้ซะแล้ว แต่ยิ่งอ่านไป-อ่านมา อ่านแล้ว-อ่านเล่า ก็ยิ่งรู้สึก สำนึก ขึ้นมามิได้ว่า นอกเหนือไปจากท่านอาจารย์ พระพุทธทาสภิกขุ แล้ว ก็เห็นจะมีพระธรรมปิฎก ประยุทธ์ ปยุตฺโต รายนี้นี่แหละที่น่าจะจัดอยู่ในประเภท อภิมหาพระ ที่มีพลานุภาพระดับสามารถสำแดง ปาฏิหาริย์ หรือ เทศนาปาฏิหาริย์ ให้เป็นที่ประจักษ์ อย่างมิอาจปฏิเสธได้เลย…
คือหนังสือเรื่อง จาริกบุญ-จารึกธรรม เล่มนี้…มีที่มาจากการเดินทางไปเยือนประเทศอินตะระเดียของท่านอาจารย์ ประยุทธ์ ปยุตฺโต และคณะ อันประกอบไปด้วยพระสงฆ์ประมาณ 4-5 รูป และฆราวาสผู้เลื่อมใส ศรัทธา ในพระพุทธศาสนา อีกเกือบ 40 ราย ใช้เวลาประมาณ 15 วัน ไปเยือนสถานที่สำคัญต่างๆ ไม่ว่าเมืองปัตนะ ราชคฤห์ มหาวิทยาลัยนาลันทา พาราณสี สาวัตถี สังเวชนียสถานทั้ง 4 หรือสถานที่ประสูติ ตรัสรู้ ปฐมเทศนาและปรินิพพาน ของ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไปจนถึงถ้ำอชันตา-เอลโลรา โบราณสถานของชาวพุทธ ฮินดู และศาสนาเชน ฯลฯ โดยระหว่างเยือนสถานที่แต่ละแห่ง แต่ละที่ ท่านอาจารย์ ประยุทธ์ ปยุตฺโต ท่านเลยใช้วาระและโอกาสเหล่านี้ สำแดง ปาฏิหาริย์ หรือ เทศนาปาฏิหาริย์ เรื่องราวที่เกี่ยวพัน เกี่ยวโยง กับสถานที่ต่างๆ อันกลายมาเป็นเนื้อหา-สาระของหนังสือเล่มนี้ ซึ่งได้ถูกนำมาจัดพิมพ์ เผยแพร่ เป็นครั้งที่ 4 ครั้งที่ 5 หรือครั้งที่เท่าไหร่ต่อเท่าไหร่ก็มิอาจสรุปได้…
และโดยเนื้อหา-สาระ หรือคำเทศนา ของท่านอาจารย์ ประยุทธ์ ปยุตฺโต ในแต่ละช่วง แต่ละวาระนั้น ต้องเรียกว่า…ไม่ใช่แค่แสดงออกถึงความรู้ลึก-รู้จริง ต่อสถานที่ต่างๆ ไม่ว่าในแง่ประวัติศาสตร์ เบื้องหลังความเป็นมา ของแต่ละแห่ง แต่ละที่ ระดับพวกไกด์นำเที่ยว หรือพวกนักเขียนสารคดีคงต้อง ซูฮก อย่างมิอาจปฏิเสธได้ แต่นั่นก็เพียงแค่ น้ำจิ้ม เพราะสิ่งที่สำคัญยิ่งกว่า ก็คือ ท่านอาจารย์ ประยุทธ์ ท่านได้อาศัยวาระ จังหวะ และโอกาสเหล่านี้ กระทำการอรรถาธิบายถึงประวัติความเป็นมาของพระพุทธศาสนา ชนิดย้อนกลับไปตั้งแต่ครั้งพระพุทธเจ้ายังไม่ได้ประสูติเอาเลยก็ว่าได้ ก่อนที่จะค่อยๆ ไขกุญแจรหัส ไขกุญแจปริศนา ค่อยๆ พลิกใบไม้ในแต่ละใบ เพื่อให้บรรดาศาสนิกชนทั้งหลาย ได้เห็นถึง แก่นสาระ และ หัวใจ ของพุทธศาสนา จนสามารถมองลึกครอบคลุมไปถึงป่าทั้งป่า ชนิดแม้แต่ผู้ที่รู้เรื่องมั่ง-ไม่รู้เรื่องมั่ง ในเรื่องราวพุทธศาสนา อาจถึงขั้น บรรลุธรรม แบบ ม้วนเดียวจบ เอาเลยก็ว่าได้!!!
นี่…อันนี้นี่แหละ ที่ต้องถือเป็น ปาฏิหาริย์ หรือ เทศนาปาฏิหาริย์ โดยแท้ เพราะใครที่มีโอกาสได้อ่านหนังสือเล่มนี้ไม่ว่าจะกี่เที่ยวต่อกี่เที่ยวก็แล้วแต่ ยิ่งน่าที่จะมีโอกาส เข้าถึง-เข้าใจ ต่อสิ่งที่เรียกว่า พุทธศาสนา ยิ่งขึ้นไปเท่านั้น แถมยังชี้ให้เห็นถึงต้นสาย ปลายเหตุ แห่ง ความเจริญ-ความเสื่อม-ความดับ ของพุทธศาสนาในอินเดีย ที่สามารถนำมาใช้เป็นบทเรียน เป็นอุทาหรณ์สอนใจ ต่อบรรดา ชาวพุทธ ทั้งหลาย ได้อย่างน่าคิด น่าสะกิดใจ เอามากๆ อีกทั้งยังอาจนำเอาคำเทศนาในแต่ละช่วง แต่ละจังหวะ ไปปรับใช้ ประยุกต์ใช้ กับการหา ทางออก-ทางไป ไม่ว่าของปัจเจกบุคคล-สังคมและประเทศชาติได้อีกด้วยต่างหาก…
แต่ก็นั่นแหละ…แม้ว่าคำเทศนาดังกล่าว จะสำแดง ปาฏิหาริย์ เอาไว้ตั้งแต่เมื่อ 30 ปีที่แล้ว หรือถูกนำมาตีพิมพ์เผยแพร่ไม่รู้จะกี่ครั้งต่อกี่ครั้ง ครั้งที่ 4 ก็เมื่อปี พ.ศ.2540 นี่เอง แต่โดยฉากสถานการณ์ของบรรดา ชาวพุทธ ทั้งหลายในบ้านเรา ดูๆ แล้ว…คงไม่ถึงกับ กระเตื้อง ขึ้นมามากมายซักเท่าไหร่ ข่าวคราวเกี่ยวกับพระสงฆ์ องคเจ้า ที่ก่อให้เกิดความปวดเศียร เวียนเกล้า หรือ ความเสื่อม ต่อพระศาสนา ก็ชักจะคล้ายๆ อินตะระเดียก่อนยุคพุทธศาสนาจะถูกขจัดกวาดล้างยิ่งเข้าไปทุกที คือขนาด อภิมหาพระ ในเมืองไทย ปรากฏขึ้นมาแล้วไม่รู้จะกี่รูป กี่องค์ แต่จะด้วยเหตุเพราะการเมือง-เศรษฐกิจ-สังคม-เทคโนโลยี หรืออะไรต่อมิอะไรก็ตามที เลยส่งผลให้แม้แต่พระพุทธศาสนาก็ยังชักจะ เอาไม่อยู่ ต่อการเลื่อนๆ ไหลๆ ไปสู่ ความเสื่อม อย่างชนิดน่าใจหายเอามากๆ…
ด้วยเหตุนี้นี่เอง…ที่คงต้องขออนุญาต นำเอาหนังสือเล่มนี้มาโฆษณา ประชาสัมพันธ์กันอีกเที่ยว ไม่ว่าจะเป็นพระสงฆ์ องคเจ้า คนรุ่นเก่า รุ่นใหม่ อนุรักษนิยม เสรีนิยม หรือวิเศษนิยม ฯลฯ ใดๆ ก็แล้วแต่ น่าจะลองหามาอ่าน ลองหยิบมาใคร่ครวญ ทบทวน พินิจพิจารณา ถึงเนื้อหา-สาระ ที่ อภิมหาพระ รายนี้ท่านได้สำแดง ปาฏิหาริย์ ให้เป็นที่ประจักษ์ต่อสายตาใครต่อใครมานานแล้ว เผลอๆ…อาจพอมองเห็น ทางออก-ทางไป ไม่ใช่แต่เฉพาะปัจเจกบุคคลรายหนึ่ง-รายใดเท่านั้น แต่อาจหมายรวมไปถึงสังคม หรือประเทศชาติ อีกด้วยก็ย่อมได้.