“โรม” หวั่นทำรั้วรอบปราสาทเข้าทางกัมพูชาไปศาลโลก แนะดึง "ฮุน มาเนต" ร่วมมือปราบแก๊งคอลฯ
“โรม” จี้รัฐเร่งปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ดึง “ฮุน มาเนต” ร่วมมือ หวั่นทำรั้วรอบปราสาทเข้าทางกัมพูชาไปศาลโลก ชี้เขมรไม่สนเรื่องทหารตาย แต่หวังผลทางการทูต ติงรัฐบาลเดินการทูตล่าช้า จนวันนี้ยังไม่รู้ว่าจะเดินหน้าแบบไหน
วันนี้ (17 ก.ค. 2568) นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน และประธานคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติ และการปฏิรูปประเทศ ให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชาว่าขณะนี้ยังต้องติดตามอย่างใกล้ชิด ว่า ปัญหาที่ชายแดนมีความซับซ้อนมากขึ้น ไม่ใช่แค่เรื่องการค้าหรือด่านพรมแดน แต่ยังรวมถึงปัจจัยความไม่ไว้ใจระหว่างประเทศ ขาดช่องทางสื่อสารอย่างเป็นระบบ โดยมองว่าทางออกหนึ่งที่มีศักยภาพคือการสร้างความร่วมมือในการปราบปราม “แก๊งคอลเซ็นเตอร์” ซึ่งถือเป็นภัยร่วมที่ทั้งสองประเทศได้รับผลกระทบ และจะเป็นจุดเริ่มต้นของการเจรจาในบรรยากาศสร้างสรรค์
นายรังสิมันต์กล่าวว่า ขณะนี้ทางการไทยมีข้อมูลพิกัดที่ตั้งของกลุ่มเหล่านี้ในกัมพูชาแล้วมากถึง 50–60 จุด จึงเสนอว่ารัฐบาลควรแสดงความจริงใจ โดยเชื้อเชิญ “ฮุน มาเนต” นายกรัฐมนตรีกัมพูชา มาร่วมภารกิจปราบปรามอย่างเป็นทางการ พร้อมตั้งเป้าผลักดันให้มีการออกหมายจับเพิ่มเติม ส่งผู้ร้ายข้ามแดน และจัดตั้งปฏิบัติการร่วมอย่างจริงจัง
ส่วนการเรียกเอกอัครราชทูตไทยกลับประเทศ ตนมอว่าทำไมรัฐบาลจึงใช้เวลานาน ทั้งที่สถานการณ์ค่อย ๆ รุนแรงขึ้นก่อนหน้านี้แล้ว พร้อมตั้งคำถามถึงแผนรับมือของรัฐบาลหากไม่มีทูตไทยประจำกัมพูชาในช่วงวิกฤต
“รัฐบาลล่าช้ามาก ไม่ว่าจะเป็นการแสดงออกทางการเมือง การประท้วง หรือการวางยุทธศาสตร์ มาถึงวันนี้เรายังไม่รู้ว่ารัฐบาลต้องการอะไร จะเดินหน้าแบบไหน” นายรังสิมันต์ กล่าว พร้อมระบุว่า ภาวะนายกรัฐมนตรีหยุดปฏิบัติหน้าที่เพราะรอคำตัดสินของศาล ยิ่งทำให้เกิดปัญหาความไม่แน่นอนในสายตาประชาชนและต่างชาติ
นายรังสิมันต์ยังกล่าวถึงบทบาทของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ว่า การไม่ออกมาชี้แจงหรือขอโทษในประเด็นคลิปเสียง จะทำให้สถานการณ์ยิ่งบานปลาย ขาดความเชื่อมั่น และทำให้ประชาชนเริ่มสับสนว่าไทยกับกัมพูชากำลังขัดแย้งกันเพราะเหตุใดกันแน่
ส่วนข้อเสนอการสร้างรั้วล้อมรอบ “ปราสาทตาเมือนธม” เพื่อยืนยันอธิปไตย นายรังสิมันต์ไม่เห็นด้วย พร้อมเตือนว่าอาจกลายเป็นข้ออ้างที่กัมพูชาจะนำไปยื่นฟ้องต่อศาลโลก และก่อให้เกิดการปะทะซ้ำรอยกรณีปราสาทพระวิหารในอดีต
“ถ้าเราทำรั้ว กัมพูชาจะเอาไปขยายความทันที และนำพาเราไปศาลโลก ซึ่งจะกลายเป็นชัยชนะของเขา เพราะเป้าหมายคือยั่วยุให้เราตอบโต้ กัมพูชาไม่ได้สนใจว่าทหารจะบาดเจ็บหรือไม่ เขาต้องการแค่ผลทางการทูต” นายรังสิมันต์กล่าว
นายรังสิมันต์ยังแสดงความเสียใจกับเหตุการณ์ทหารไทยเหยียบกับระเบิดบริเวณชายแดนและกำลังติดตามรายละเอียดอย่างใกล้ชิด โดยจะหารือกับกองทัพถึงข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น และขอความร่วมมือประชาชนอย่าปลุกปั่นหรือใช้โซเชียลสร้างความเกลียดชัง จนสถานการณ์ยิ่งแย่ลง
website : mgronline.com
facebook : MGRonlineLive
twitter : @MGROnlineLive
instagram : mgronline
line : MGROnline
youtube : MGR Online VDO