‘สศค.’ ชี้เศรษฐกิจไทย เดือนพ.ค. รับแรงหนุนส่งออกโตเด่น
นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยภาวะเศรษฐกิจการคลังประจำเดือนพฤษภาคม 2568 โดยระบุว่าเศรษฐกิจไทยยังคงได้รับแรงหนุนสำคัญจากการส่งออกสินค้าที่ขยายตัวในระดับสูงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 11 ซึ่งถือเป็นปัจจัยบวกที่แข็งแกร่ง อย่างไรก็ตาม จำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศมีสัญญาณชะลอตัวลง แม้ว่าการท่องเที่ยวภายในประเทศจากผู้เยี่ยมเยือนชาวไทยจะยังคงขยายตัวได้ต่อเนื่องก็ตาม
โดย สศค. ยังคงย้ำถึงความจำเป็นในการติดตามสถานการณ์เศรษฐกิจทั้งภายในและภายนอกประเทศอย่างใกล้ชิด เนื่องจากยังมีปัจจัยเสี่ยงที่อาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยในด้านต่าง ๆ
ทั้งนี้ เสถียรภาพเศรษฐกิจไทยยังอยู่ในเกณฑ์ดี อัตราเงินเฟ้อทั่วไปในเดือนพฤษภาคม 2568 อยู่ที่ -0.57% และหนี้สาธารณะ ณ สิ้นเดือนเมษายน 2568 อยู่ที่ 64.8% ต่อ GDP ซึ่งยังอยู่ภายใต้กรอบวินัยทางการเงินการคลัง ทุนสำรองระหว่างประเทศยังคงสูงที่ 257.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ สะท้อนความมั่นคง
ภาพรวมตลาดการเงินไทยเริ่มมีสัญญาณฟื้นตัวในบางส่วน โดยเฉพาะในตลาดทุนที่ได้รับแรงสนับสนุนจาก นักลงทุนบุคคลทั่วไปในประเทศที่กลับเข้ามาซื้อสุทธิต่อเนื่อง ในเดือนมิถุนายน (ถึงวันที่ 23 มิ.ย. 68) กว่า 24,924.38 ล้านบาท สะท้อนความเชื่อมั่นต่อตลาดหุ้นไทย
ขณะที่นักลงทุนต่างชาติแม้ยังขายสุทธิ แต่แรงขายเริ่มชะลอลงในตลาดหุ้น ส่วนในตลาดตราสารหนี้ นักลงทุนต่างชาติยังคงเป็นผู้ซื้อสุทธิสะสมตั้งแต่ต้นปี แสดงถึงความเชื่อมั่นต่อเสถียรภาพการคลังและความมั่นคงของพันธบัตรรัฐบาลไทย
สำหรับเครื่องชี้เศรษฐกิจด้านการบริโภคภาคเอกชนในเดือนพฤษภาคม 2568 มีสัญญาณชะลอตัวเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยปริมาณรถจักรยานยนต์จดทะเบียนใหม่ลดลง 1.2% และรายได้เกษตรกรที่แท้จริงลดลง 4.7% ที่น่าสังเกตคือ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค ปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ระดับ 54.2 จาก 55.4 ในเดือนก่อนหน้า ซึ่งเป็นผลมาจากความกังวลต่อการฟื้นตัวที่ช้าของเศรษฐกิจโดยรวม และสถานการณ์ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ อย่างไรก็ตาม ปริมาณรถยนต์นั่งจดทะเบียนใหม่ยังคงเพิ่มขึ้น 8.7%
ด้านการลงทุนภาคเอกชนแสดงสัญญาณทรงตัว การลงทุนในหมวดเครื่องมือเครื่องจักรสะท้อนจากปริมาณการนำเข้าสินค้าทุน (เบื้องต้น) ในเดือนพฤษภาคม 2568 เพิ่มขึ้นสูงถึง 36.2% เมื่อเทียบกับปีก่อน และเพิ่มขึ้น 6.5% เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาล อย่างไรก็ตาม ปริมาณรถยนต์เชิงพาณิชย์จดทะเบียนใหม่ยังคงลดลง 10.9%
ขณะที่มูลค่าการส่งออกสินค้าในรูปเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐในเดือนพฤษภาคม 2568 อยู่ที่ 31,044.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 18.4% จากช่วงเดียวกันปีก่อน ซึ่งนับเป็นการขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 11 และเป็นอัตราการขยายตัวสูงสุดในรอบ 38 เดือนนับตั้งแต่เดือนมีนาคม 2565 การส่งออกสินค้าที่ไม่รวมน้ำมัน ทองคำ และยุทธปัจจัย ขยายตัวถึง 20.3% โดยได้รับแรงหนุนจากสินค้ากลุ่มเครื่องคอมพิวเตอร์และส่วนประกอบ (+104.0%) แผงวงจรไฟฟ้า (+41.4%) เครื่องจักรกล (+34.8%) และรถยนต์และส่วนประกอบ (+15.0%) ตลาดคู่ค้าหลักอย่างสหรัฐฯ (+35.1%) จีน (+28.0%) และอินเดีย (+27.5%) ยังคงเติบโตได้ดี
ทั้งนี้ เครื่องชี้เศรษฐกิจด้านอุปทานเผยว่า ภาคบริการด้านการท่องเที่ยวจากนักท่องเที่ยวต่างชาติในเดือนพฤษภาคม 2568 มีจำนวนรวม 2.27 ล้านคน ลดลง 13.9% จากปีก่อน และลดลง 2.5% เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาล ในทางกลับกัน การท่องเที่ยวภายในประเทศยังคงขยายตัว โดยมีผู้เยี่ยมเยือนชาวไทย 22.9 ล้านคน เพิ่มขึ้น 1.9% จากปีก่อน
ด้านภาคอุตสาหกรรม ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม ลดลงมาอยู่ที่ 88.1 จุด จากความกังวลเรื่องความขัดแย้งชายแดน ราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ และมาตรการขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ แต่ ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อของไทย (PMI) กลับเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 51.2 จุด ได้รับแรงสนับสนุนจากคำสั่งซื้อสินค้าส่งออกที่เพิ่มขึ้น