เปิดเวทีสัมมนาผู้บริหารระดับสูง 6 สถาบัน "Ai: THE NEXT GROWTH ENGINE FOR SUSTAINABILITY"
สถาบันวิทยาการการค้า มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย จัดงานสัมมนาวิชาการหลักสูตรผู้บริหารระดับสูง 6 สถาบัน ครั้งที่ 14 ภายใต้หัวข้อ "Ai: THE NEXT GROWTH ENGINE FOR SUSTAINABILITY" ในวันจันทร์ที่ 14 กรกฎาคม 2568 ณ หอประชุม มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย โดยมีผู้แทนจากแต่ละหลักสูตรร่วมนำเสนอมุมมองเกี่ยวกับบทบาทของปัญญาประดิษฐ์ (Ai) ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ สังคม และความยั่งยืนของประเทศ พร้อมเน้นย้ำถึงความสำคัญของการพัฒนา Ai อย่างมีจริยธรรมและความรับผิดชอบต่อสังคม
ดร.พจน์ อร่ามวัฒนานนท์ ประธานหอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวปาฐกถาพิเศษภายในงานว่า “วันนี้ประเทศไทยเผชิญความท้าทายพร้อมกันถึง 3 ด้านหลัก หนึ่งคือแรงกดดันจากมาตรการภาษีและกีดกันทางการค้าจากประเทศคู่ค้า สองคือการแข่งขันรุนแรงจากสินค้าจีน ทั้งเรื่องราคาและการลงทุนแบบสวมสิทธิ์ และสามคือความเปราะบางภายในประเทศ ทั้งจากหนี้ครัวเรือนที่สูงและกำลังซื้อที่หดตัว เพื่อฝ่าฟันความท้าทายเหล่านี้ หอการค้าไทยขอเสนอแนวทาง Unlocking New Growth” ปลดล็อกการเติบโตใหม่ของประเทศไทย ผ่าน 4 มิติสำคัญ ได้แก่ มิติที่ 1 คือ Build Business Confidence & Strengthen Trade & Global Supply Chains มิติที่ 2 คือ Business Transformation: Innovation, Digital, Ai, Robot, IoT & ESG Integration เร่งการเปลี่ยนผ่านทางธุรกิจ และเศรษฐกิจยั่งยืน มิติที่ 3 Talent Development ยกระดับศักยภาพคนไทย และใช้เครือข่ายให้มีประสิทธิภาพ และมิติที่ 4 คือ Empowering SMEs & Strengthening Public-Private Partnerships ส่งเสริมสมาชิกเครือข่าย, SMEs และเสริมสร้างความร่วมมือภาครัฐ-เอกชนโดยเฉพาะเครือข่ายนานาชาติ การปลดล็อกศักยภาพใหม่ของประเทศ จะเกิดขึ้นได้จริง ก็ต่อเมื่อภาครัฐ เอกชน และภาคการศึกษา “ร่วมมือกันอย่างแท้จริง” และผู้นำจาก 6 สถาบันที่รวมตัวกันในวันนี้ก็คือ “พลังขับเคลื่อนสำคัญ” ที่จะร่วมกันกำหนดทิศทางการเติบโตใหม่ของประเทศไทย”
รองศาสตราจารย์ ดร.ธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า ในฐานะหลักสูตร TEPCoT มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เป็นเจ้าภาพในการจัดงานสัมมนาวิชาการระดับสูง 6 สถาบันครั้งนี้ เราได้ร่วมกันกำหนดธีมงาน เพื่อหาทางออกให้กับประเทศในเวลานี้ เรามองที่อนาคตของประเทศไทยที่ต้องนำด้วยเทคโนโลยี Ai โดย 6 สถาบันได้นำเสนอหัวข้อที่น่าสนใจดังนี้ หัวข้อ “Shift the Mindset, Shape the Future with Ai” โดย หลักสูตร วตท. หัวข้อ“Thailand Ai Readiness” โดยหลักสูตร วปอ. หัวข้อ “Ai : นวัตกรรมเพื่อการพัฒนาพลเมืองและประชาธิปไตยอย่างยั่งยืน” โดยหลักสูตร ปปร. หัวข้อ “Ai and Election” โดยหลักสูตร พตส. หัวข้อ “Risk and Governance in Ai Era” โดย บยส. และปิดท้ายด้วยหลักสูตร TEPCoT กับหัวข้อ The “NEXT” Possibilities” เนื้อหาสำคัญมีดังนี้
คุณอรนุช เลิศสุวรรณกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท เทคซอส มีเดีย จำกัด ผู้แทนนักศึกษาจากหลักสูตร วตท. รุ่นที่ 36 กล่าวว่า “เรากำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านครั้งสำคัญของมนุษยชาติ เมื่อ Ai ไม่ได้เป็นเพียงเทคโนโลยี แต่เป็นแรงขับเคลื่อนที่จะหลอมรวมกับทุกมิติของชีวิต ทั้งเศรษฐกิจ สังคม และจริยธรรม ในโลกที่เปลี่ยนเร็วเช่นนี้ สิ่งสำคัญไม่ไช่แค่ ‘รู้ทัน’ เทคโนโลยี แต่คือการพัฒนา Mindset ที่กล้าคิด กล้าสร้าง และกล้ารับผิดชอบต่อผลกระทบที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะการนำ Ai ไปใช้เพื่อแก้ปัญหาสังคม ตั้งแต่การเข้าถึงการศึกษา สุขภาพ ไปจนถึงความเป็นธรรมและความยั่งยืน เราจึงต้องเรียนรู้ใหม่ ไม่ใช่เพื่อแข่งขันกับ Ai แต่เพื่อร่วมออกแบบอนาคตที่ดีกว่าร่วมกัน ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง”
ดร.เสรี นนทสูติ กรรมการสหประชาชาติด้านว่าด้วยสิทธิทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม ผู้แทนนักศึกษาจากหลักสูตร วปอ. รุ่นที่ 67 กล่าวว่า “Ai ไม่ใช่แค่เทคโนโลยีเพื่อความสะดวกสบาย แต่เป็นโครงสร้างพื้นฐานทางยุทธศาสตร์ที่จะกำหนดทิศทางของเศรษฐกิจและความมั่นคงของชาติ และเราจะพร้อมด้านยุทธศาสตร์ Ai ต่อเมื่อเราเป็นคนสร้าง คนขับ และคนบำรุงรักษาเครื่องยนต์ Ai เองโดยไม่ต้องขออนุญาตใช้จากประเทศอื่น”
ดร.ปริญญา หอมอเนก ประธานกรรมการบริหารบริษัท เอซิส โปรเฟสชั่นนัล เซ็นเตอร์ จำกัด ผู้แทนนักศึกษาจากหลักสูตร ปปร. รุ่นที่ 28 กล่าวว่า “ในปัจจุบัน Generative Ai เป็นเครื่องมือสำคัญที่จะช่วย เปิดโอกาสให้ประชาชนเข้าถึงข้อมูล มีส่วนร่วม ตรวจสอบได้ และเรียนรู้ได้ตลอดเวลา ซึ่งเป็นรากฐานของสังคมประชาธิปไตยที่โปร่งใสและยั่งยืนอื่น แต่การใช้งาน Generative Ai ต้องอยู่ภายใต้หลักจริยธรรมความโปร่งใส ความเท่าเทียม และการคุ้มครองสิทธิส่วนบุคคล เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อการพัฒนาเมืองที่มีคุณภาพ มีวิจารณญาณและมีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนสังคมอย่างสร้างสรรค์”
รศ.ดร.ธนศักดิ์ สายจำปา รักษาการแทนรองอธิการบดีฝ่ายยุทธศาสตร์ฯ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช ผู้แทนนักศึกษาจากหลักสูตร พตส. รุ่นที่ 14 กล่าวว่า “เราสามารถสร้าง Ai ที่มีความรู้เกี่ยวกับระเบียบกฎหมายและรายละเอียดทุกด้านเกี่ยวกับการเลือกตั้ง ด้วยการป้อนข้อมูลที่ถูกต้องและเชื่อถือได้ จนกลายเป็น Ai ที่สามารถใช้เป็นกลไกสำคัญให้กับประชาชน ทั้งในด้านการเผยแพร่ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการเลือกตั้ง รวมถึงการให้รายละเอียดสำคัญเพื่อการตัดสินใจทางการเมืองกับประชาชน นี่จะเป็นพลังขับเคลื่อนใหม่ที่ส่งผลให้การเลือกตั้งในประเทศไทยมีความเสรีและยุติธรรมมากขึ้น”
คุณพิพิธ อเนกนิธิ ผู้จัดการใหญ่บริษัท ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ผู้แทนนักศึกษาจากหลักสูตร บ.ย.ส. รุ่นที่ 29 กล่าวว่า “โลกกำลังเข้าสู่การปฏิวัติทางเทคโนโลยีอีกครั้ง ความสามารถของ Ai ช่วยสร้างประโยชน์ในหลายมิติแต่ก็เป็นภัยอย่างใหญ่หลวง”
คุณปฐมา จันทรักษ์ กรรมการผู้จัดการบริษัท Accenture (Thailand) ผู้แทนนักศึกษาจากหลักสูตร TEPCoT รุ่นที่ 17 กล่าวว่า “การปลดล็อกความเป็นไปได้ของ Ai ต้องทำให้ไปได้ไกลมากกว่าแค่การเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน แต่ต้องยกระดับศักยภาพของมนุษย์ให้ให้ดีขึ้นด้วย ผู้นำยุคใหม่ไม่ใช่แค่เข้าใจเทคโนโลยี แต่ต้องกล้านำด้วยหัวใจ ขับเคลื่อนด้วยจริยธรรม และยืนหยัดบนเป้าหมายที่ชัดเจน เพราะอนาคตที่ยั่งยืน คือวันที่มนุษย์และ Ai เดินไปด้วยกัน ขับเคลื่อนธุรกิจด้วยความรับผิดชอบ และสร้างกรอบสังคมที่ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง”
คุณรัตนพล วงศ์นภาจันทร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท สยาม เอไอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด ผู้แทนนักศึกษาจากหลักสูตร วปอ. วบ. รุ่นที่ 2 ได้กล่าวถึง “การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและระบนิเวศทางด้านปัญญาประดิษฐ์ รวมถึง 4 หัวใจหลักที่ขับเคลื่อนการสร้างอธิปไตยเอไอระดับชาติให้เกิดขึ้นได้จริง และประเด็นสำคัญที่คนไทยส่วนใหญ่มักมองข้าม”
พล.ต.ธีรวุฒิ วิทยากรณ์ รองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ ผู้แทนนักศึกษาจากหลักสูตร ปปร. รุ่นที่ 28 กล่าวว่า “ปัญญาประดิษฐ์ (Ai) กำลังกลายเป็นปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงในหลายมิติ ทั้งในด้านวิถีชีวิตของประชาชน รูปแบบการดำเนินงานขององค์กร และการเปลี่ยนแปลงทางสังคมผ่านแอปพลิเคชันหลากหลายรูปแบบ โดย Ai จะมีบทบาทสำคัญในการเสริมสร้างความสามารถทางการแข่งขันและความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศอย่างยั่งยืน ทั้งนี้ การพัฒนา Ai จำเป็นต้องเริ่มจากการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานอย่างรอบด้าน โดยเฉพาะในด้านทรัพยากรมนุษย์ การวิจัยและพัฒนา และการสร้างนวัตกรรม Ai Application ซึ่งเป็นจุดที่ประเทศไทยยังมีคะแนนต่ำในหลายตัวชี้วัดระหว่างประเทศ และควรได้รับการเร่งพัฒนาอย่างเร่งด่วน”
พ.ต.ต.กฤติ ม่วงศิริ อาจารย์ (สบ2) คณะสังคมศาสตร์ โรงเรียนนายร้อยตำรวจ ผู้แทนนักศึกษาจากหลักสูตร พตส. (พนต. รุ่นที่ 1) กล่าวว่า “โลกแห่งอนาคตควรสร้างพื้นที่เปิดกว้างและยอมรับความแตกต่างของทุกคน สร้างการมีส่วนร่วมและสะท้อนความต้องการจากทุกภาคส่วน (Inclusive Society) ซึ่งมีเทคโนโลยีเป็นบันไดก้าวข้ามข้อจำกัดและความท้าทาย โดย สำนักงาน กกต. กำลังริเริ่มการต่อยอด Application (Smart Vote) ให้เป็น Single Window Platform นำนวัตกรรมเพื่ออำนวยความสะดวกสำหรับการเลือกตั้งในอนาคต การลงทะเบียนเลือกตั้งด้วยระบบ Facial Registration การตรวจสอบสิทธิและหน่วยเลือกตั้ง การนับคะแนนและประมวลผลแบบต่อเนื่อง เพื่อลดข้อผิดพลาดจาก Human Error การสะท้อนปัญหาและข้อร้องเรียน และการเปิดพื้นที่ ‘Pitching Ideas’ เชื่อมโยงแนวคิดเพื่อขับเคลื่อนการเมืองสร้างสรรค์และการเลือกตั้งที่สะท้อนเสียงจากทุกภาคส่วนของสังคม”
ศ.ดร.คณพล จันทน์หอม รองอธิการบดี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ผู้แทนนักศึกษาจากหลักสูตร บ.ย.ส. รุ่นที่ 29 กล่าวว่า “การนำ Ai เข้ามาใช้ในการเรียนการสอนกฎหมาย การใช้และการตีความกฎหมาย จะช่วยให้กฎหมายและกระบวนการยุติธรรมมีประสิทธิภาพมากขึ้น”