‘ทัพไทย’ ปั้นร้านอาหาร 3 ปี สู่ 1,000 ล้าน! ดัน‘ฮาโร่ย’ลุยมาเลย์ 160 สาขา
“หาบ” (HAAB) คือร้านขนมไข่ชื่อดังในย่านบรรทัดทอง ที่เกิดจาก 2 นักธุรกิจรุ่นใหม่ “ทัพไทย ฤทธาพรม” และ “จรรยธร บิลพัฒน์” เข้ามารุกธุรกิจร้านอาหารเพียง 2 ปี แต่สร้างยอดขายระดับ “ร้อยล้านบาท” ได้อย่างรวดเร็ว
จากแบรนด์ “หาบ” ตั้งแต่ ปัจจุบันธุรกิจขยายใหญ่ มีการจัดตั้งบริษัท ไฟเออร์ฟลาย โฮลดิ้ง จำกัด เมื่อเดือนพฤษภาคม 2568 ด้วยทุน 5 ล้านบาท และมี 4 แบรนด์ร้านอาหารหลากประเภทในพอร์ตโฟลิโอ ได้แก่ ขนมไข่ “หาบ” ร้านเบเกอรีและขนาหวาน “เลเยอร์”(Layers) ร้านไก่ทอด “ฮาโร่ย”(Haroy) และร้านโยเกิร์ต “โยเกิร์ตบารา”(YogurBara)
ทัพไทย ฤทธาพรม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไฟเออร์ฟลาย โฮลดิ้ง จำกัด เปิดเผย “กรุงเทพธุรกิจ” ว่า แนวทางการดำเนินธุรกิจร้านอาหารปีนี้ บริษัทให้ความสำคัญกับการขยายแบรนด์ใหม่ รวมถึงตลาดต่างประเทศมากขึ้น เนื่องจากมีโอกาสและศักยภาพในการเติบโตค่อนข้างสูง เมื่อเทียบกับตลาดภายในประเทศที่เผชิญความท้าทายด้านเศรษฐกิจกำลังซื้อ
สถานการณ์ครึ่งปีแรกแบรนด์ “หาบ” มีการเปิดร้านใหม่ 5 สาขา ปัจจุบันมีร้านทั้งสิ้น 16 สาขา จนถึงสิ้นปีจะไม่มีการเปิดร้านใหม่เพิ่ม แต่ให้ความสำคัญกับการออกบูธ หรืออีเวนต์ตามสถานที่ ห้างค้าปลีกต่างๆ 10-16 จุดทุกวัน เพื่อกระตุ้นการเติบโตยอดขายในอัตรา 2 หลัก
“ปีนี้หาบยังเติบโต แต่ไม่ถึง 100% ภาพรวมตอนนี้ยอดขายไม่กระทบมากนัก เนื่องจากสินค้ามุ่งเจาะกลุ่มเป้าหมายพรีเมียมแมส ยังมีกำลังซื้อ แต่การขยายสาขาคงไม่เปิดเพิ่ม รวมถึงยังไม่ไปต่างจังหวัด เพราะราคาเริ่มต้นของเราอยู่หลักร้อยบาท อาจไม่เหมาะ แต่จะมุ่งขยายตลาดต่างประเทศอย่างมาเลเซีย จะเปิดร้านเพิ่มอีก 10 สาขา จากเดิมมี 4 สาขา หลังไปทดลองตลาดเมื่อปีก่อน เพื่อดูว่าหากเราจะมุ่งสู่ธุรกิจโลก ทีมงานทำได้จริงขนาดไหน เป็นการซ้อมมือ พอหนึ่งปีมองว่าเป็นไปได้และมีพันธมิตรติดต่อการลงทุนเข้ามามาก รวมถึงขยายตลาดอินโดนีเซีย หลังไปเปิดบูธสินค้าขายดีมากเป็นอันดับหนึ่ง ซึ่งตอนนี้เจรจากับนักลงทุน คาดว่าจะเปิดร้านที่อินโดฯได้ปีหน้า”
ส่วนแบรนด์ใหม่อย่างไก่ทอดต้นตำรับไทยแท้ “ฮาโร่ย” ได้เจรจากับพันธมิตรเพื่อขยายสู่ตลาดมาเลเซีย ตามแผน 5 ปีอยากมี 160 สาขา
“คนมาเลเซียชอบทานไก่ทอดและเมนูของไทยมาก ส่วนแบรนด์ไทยฮาโร่ยก็เตะตานักลงทุน”
ส่วนเลเยอร์ และ“โยเกิร์ตบารา” ถือว่ายอดขายเติบโตดี โดยเฉพาะแบรนด์ล่าสุด โยเกิร์ตบารา ผลตอบรับดีมาก และต้องใช้ทีมงาน 80 ชีวิต เพื่อปฏิบัติการณ์หรือโอเปอเรชันจากทั้งบริษัทมีทีมงานราว 400 คน โดยจุดแข็งร้านอาหารและเครื่องดื่มของบริษัทคือมุ่งเจาะ “วัยทำงาน” ทานในโอกาสต่างๆ จึงไม่ได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจนัก
“ปีนี้หาบจะมุ่งโตต่างแดน ส่วนในไทยจะเติบโตจากแบรนด์ใหม่ ภาพรวมการมี 4 แบรนด์จะส่งผลให้ยอดขายปี 2568 เติบโตมากกว่า 2 เท่า”
“ทัพไทย” อยู่ในวงการธุรกิจมา 6 ปี สั่งสมประสบการณ์ในธุรกิจอีคอมเมิร์ซกับแพลตฟอร์มยักษ์ใหญ่ของโลก แต่รุกธุรกิจอาหารเพียง 2 ปี สร้างยอดขายเติบโต “เกินฝันมาก” เพราะปี 2569 จะเป็นปีที่บริษัทฉลองยอดขาย “พันล้านบาท”
“กลางปีหน้าบริษัทจะฉลองยอดขายครบพันล้านบาท การเติบโตถือว่าแอบเกินฝัน…จริงๆ ไม่อยากให้ไซส์ใหญ่ขนาดนี้ เราอยากทำธุรกิจโลก แต่ตอนนี้มีพนักงาน 400 ชีวิต ถือว่าเกินคาดไว้ที่ไม่ต้องการให้ใหญ่มาก เพราะหากเศรษฐกิจไม่ดี การขยับตัวจะลำบาก ซึ่งดีตอนนี้ธุรกิจเรายังไม่ได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจ”
“ทัพไทย” และหุ้นส่วนกำลังจะเป็น “เศรษฐีอายุน้อยพันล้าน” ความท้าทายใหญ่ในการทำธุรกิจคือเป็นคนที่มี “ความกล้า 90%” และ “ความกลัว 10%”
“พอทะลุพันล้าน เรามีความกลัวมากกว่า เหมือนเราเป็นซีอีโอที่มีความกล้า 90% และกลัว 10% เรา paranoid ตลอด อย่างการลงทุนสิ่งที่ได้กลับมาอาจไม่ใช่แค่กำไร แต่มีความเสี่ยงเข้ามาด้วย เช่นลงทุน 10 ล้านบาท คนอาจดีใจกับสิ่งที่งอกเงยจาก 10 ล้านบาท แต่ผมคิดฝั่ง 10 ล้านที่อาจหายไปจะทำยังไงด้วย เป็นความท้าทาย เพราะถึงธุรกิจจะโตก็ตาม แต่ผมมีความกลัวอยู่บ้าง”
ตำรา Only the Paranoid Survive หรือผู้ที่ระแวงเท่านั้นจึงจะรอดได้ มุมของ “ทัพไทย” เมื่อพบว่าธุรกิจหัวปักลง จะรวมพลระดมสมองเพื่อหาทางแก้ไขทันที เพื่อทำให้ธุรกิจเชิดหัวเติบโตต่อ
“เราค่อนข้าง humble ไม่มานั่งเฮฮากับการเปิดสาขา หรือการที่แบรนด์โตอย่างเดียว แต่บอกน้องๆทีมงานว่า..เฮ้ย! พี่ยังมีความกลัวอยู่”
ปัจจุบัน ไฟเออร์ฟลาย โฮลดิ้ง ทำธุรกิจร้านอาหารเป็น “ปลายน้ำ” แต่ภาพในระยะเวลาอันใกล้ บริษัทมองให้ครบวงจรมากขึ้น โดยเฉพาะการรุกสู่บทบาท “ซัพพลายเออร์” ป้อนวัตถุดิบ อุปกรณ์ให้กับร้านอาหารและเครื่องดื่มอื่นๆ เนื่องจากปัจจุบันบริษัทใช้ค่อนข้างมาก นำไปต่อยอดเติบโตได้
“เราเริ่มมี know how ด้านนี้ จึงต้องการขยายซัพพลาย หรือเป็นดิสทริบิวเตอร์ เป็นไอเดีย หากโอกาสมาสามารถทำได้เร็วภายใน 6 เดือน”