IMF ปรับเพิ่มคาดการณ์ “เศรษฐกิจโลก” ปี 2568 เป็น 3.0% ส่วนเศรษฐกิจไทยคาดโต 2.0%
IMF ปรับเพิ่มคาดการณ์ "เศรษฐกิจโลก" ปี 2568 เป็น 3.0% ส่วนเศรษฐกิจไทยคาดโต 2.0% เตือนเศรษฐกิจโลกยังคงเผชิญความเสี่ยงใหญ่ การปรับขึ้นอัตราภาษี ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ ปัญหาขาดดุลงบประมาณที่สูงขึ้นในหลายประเทศ
วันที่ 30 กรกฎาคม 2568 เวลา 00.04 น. สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ประกาศเมื่อวันอังคารว่าได้ปรับเพิ่มประมาณการการเติบโตของเศรษฐกิจโลกสำหรับปี 2568 และ 2569 เล็กน้อย โดยให้เหตุผลว่ามีการสั่งซื้อสินค้าล่วงหน้ามากกว่าที่คาดการณ์ไว้ ก่อนที่อัตราภาษีของสหรัฐจะเพิ่มขึ้นในวันที่ 1 สิงหาคม ประกอบกับอัตราภาษีที่แท้จริงของสหรัฐที่ลดลงจาก 24.4% เหลือ 17.3%
อย่างไรก็ตาม IMF เตือนว่าเศรษฐกิจโลกยังคงเผชิญความเสี่ยงใหญ่ ได้แก่ การปรับขึ้นอัตราภาษีอีกครั้ง ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ และปัญหาขาดดุลงบประมาณที่สูงขึ้นในหลายประเทศ ซึ่งอาจส่งผลให้ดอกเบี้ยสูงขึ้นและเงื่อนไขการเงินทั่วโลกตึงตัวขึ้น
ปิแอร์-โอลิวิเยร์ กูรินชาส หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของ IMF กล่าวว่า“เศรษฐกิจโลกยังเจ็บปวด และจะยังเจ็บต่อไปตราบใดที่อัตราภาษียังอยู่ในระดับนี้ แม้จะไม่เลวร้ายเท่าที่เคยคาดไว้”
ในการอัปเดตแนวโน้มเศรษฐกิจโลก (World Economic Outlook) จากเดือนเมษายน IMF ปรับเพิ่มคาดการณ์การเติบโตของ GDP โลกในปี 2568 ขึ้น 0.2% เป็น 3.0% และปี 2569 ขึ้น 0.1% เป็น 3.1% อย่างไรก็ตามตัวเลขใหม่นี้ยังคงต่ำกว่าคาดการณ์เดือนมกราคมที่ 3.3% และต่ำกว่าค่าเฉลี่ยก่อนเกิดโควิดซึ่งอยู่ที่ 3.7%
IMF คาดว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปของโลกจะลดลงมาอยู่ที่ 4.2% ในปี 2568 และ 3.6% ในปี 2569 แต่เตือนว่าเงินเฟ้อในสหรัฐอาจยังอยู่เหนือเป้าหมาย เนื่องจากผลกระทบจากภาษีที่จะส่งผ่านต้นทุนมายังผู้บริโภคในช่วงครึ่งหลังของปี
อัตราภาษีที่แท้จริงของสหรัฐ (คำนวณจากรายได้ภาษีนำเข้าเทียบกับมูลค่านำเข้าสินค้า) ลดลงตั้งแต่เดือนเมษายน แต่ยังสูงกว่าระดับ 2.5% เมื่อเดือนมกราคมอย่างมาก ส่วนอัตราภาษีของประเทศอื่น ๆ อยู่ที่ 3.5% ลดลงจาก 4.1% ในเดือนเมษายน
นับตั้งแต่เดือนเมษายนประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้สั่นคลอนระบบการค้าโลกด้วยการเก็บภาษี 10% ครอบคลุมเกือบทุกประเทศ พร้อมเตรียมขึ้นภาษีอีกในวันที่ 1 สิงหาคม
ภาษีแบบตอบโต้ที่สหรัฐและจีนเคยประกาศไว้อย่างรุนแรงนั้นถูกพักไว้จนถึงวันที่ 12 สิงหาคม โดยการเจรจาที่สตอกโฮล์มในสัปดาห์นี้อาจนำไปสู่การขยายเวลาการพักภาษีออกไปอีก
ขณะเดียวกันสหรัฐได้ประกาศภาษีสูงถึง 25–50% สำหรับรถยนต์ เหล็ก และโลหะ และเตรียมประกาศเพิ่มอีกสำหรับ ยา ไม้แปรรูป และชิปเซมิคอนดักเตอร์
IMF ระบุว่าการขึ้นภาษีเพิ่มเติมเหล่านี้ยังไม่ได้รวมอยู่ในประมาณการล่าสุด และหากดำเนินการจริงจะ ดันอัตราภาษีให้สูงขึ้นอีก ซึ่งอาจก่อให้เกิดปัญหาในห่วงโซ่อุปทานและซ้ำเติมผลกระทบจากภาษี
กูรินชาสกล่าวว่า IMF กำลังประเมินข้อตกลงภาษีใหม่ที่สหรัฐเพิ่งบรรลุร่วมกับสหภาพยุโรปและญี่ปุ่น ซึ่งมีอัตราภาษีเฉลี่ยราว 15% ใกล้เคียงกับอัตรา 17.3% ที่ IMF ใช้ในประมาณการปัจจุบัน
“ตอนนี้เรายังไม่เห็นความเปลี่ยนแปลงใหญ่จากอัตราภาษีที่แท้จริงของสหรัฐ แต่ก็ยังเร็วเกินไปที่จะบอกว่าข้อตกลงเหล่านี้จะยั่งยืนหรือไม่”
การจำลองโดย IMF ระบุว่าหากมีการใช้อัตราภาษีสูงสุดตามที่ประกาศในเดือนเมษายนและกรกฎาคมจริง การเติบโตของเศรษฐกิจโลกในปี 2568 อาจต่ำลงราว 0.2% แม้เศรษฐกิจโลกยังคงแสดงความยืดหยุ่น แต่กิจกรรมทางเศรษฐกิจในปัจจุบันสะท้อนถึงความบิดเบือนจากนโยบายการค้ามากกว่าพื้นฐานเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง
“แนวโน้มปี 2568 ได้แรงหนุนจากการสั่งซื้อสินค้าล่วงหน้าอย่างมากในช่วงก่อนขึ้นภาษี แต่นั่นจะหายไปเร็ว ๆ นี้ และจะกลายเป็นแรงฉุดต่อเศรษฐกิจในช่วงครึ่งหลังของปี และลากยาวถึงปี 2569 …เรากำลังเผชิญกับผลสะท้อนของการเร่งสต็อกสินค้าในช่วงก่อนหน้า ซึ่งถือเป็นความเสี่ยงสำคัญ”
เขายังเตือนว่าอัตราภาษีทั่วโลกยังอยู่ในระดับสูง และสัญญาณล่าสุดชี้ว่าราคาสินค้าในสหรัฐเริ่มขยับขึ้นแล้ว
อีกหนึ่งปัจจัยที่ผิดจากอดีตคือ ค่าเงินดอลลาร์อ่อนลง ซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในช่วงที่มีความตึงเครียดทางการค้า โดยกูรินชาสระบุว่า “เงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าช่วยผ่อนคลายภาวะการเงินในสหรัฐ แต่ในขณะเดียวกัน ก็เพิ่มแรงกระแทกจากภาษีให้กับประเทศอื่น ๆ”
นอกจากนี้ IMF ปรับเพิ่มประมาณการการเติบโตของเศรษฐกิจในกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่และประเทศกำลังพัฒนาในปีนี้เป็น 4.1% จากเดิม 3.7% โดยให้เหตุผลว่าเป็นผลจากการเร่งนำเข้าสินค้าล่วงหน้า (frontloading) และมุมมองที่สดใสขึ้นต่อเศรษฐกิจจีน
ในรายงานอัปเดตแนวโน้มเศรษฐกิจโลก (World Economic Outlook) ที่เผยแพร่เมื่อวันอังคาร IMF ยังปรับประมาณการการเติบโตของกลุ่มประเทศเกิดใหม่ในปี 2569 ขึ้นเล็กน้อยเป็น 4.0% จาก 3.9% จีน เป็นประเทศที่ได้รับการปรับประมาณการเพิ่มขึ้นมากที่สุด โดย IMF คาดว่าเศรษฐกิจจีนจะเติบโต 4.8% ในปี 2568 เทียบกับการคาดการณ์เดิมที่ 4.0%
“การปรับเพิ่มนี้สะท้อนกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งกว่าคาดในช่วงครึ่งปีแรก และการลดภาษีศุลกากรระหว่างสหรัฐ–จีนอย่างมีนัยสำคัญ”
นอกจากนี้ IMF ยังระบุว่า สำหรับทุกประเทศที่เกี่ยวข้อง ได้มีการสมมติให้การพักการเก็บภาษี (pause on higher tariffs) ยังคงมีผลต่อเนื่องแม้จะพ้นกำหนดเดิม และยังไม่มีการนำอัตราภาษีที่สูงขึ้นมาใช้จริง
แม้ว่าจีนจะรายงานตัวเลขการเติบโต 5.2% ในไตรมาส 2 แต่ IMF เตือนว่าเศรษฐกิจจีนที่ขับเคลื่อนด้วยการส่งออกยังเผชิญความเปราะบางท่ามกลางสงครามการค้า โดยจีนยังคงต้องเผชิญกับเส้นตายวันที่ 12 สิงหาคม เพื่อให้บรรลุข้อตกลงภาษีที่ยั่งยืนกับสหรัฐ หลังจากบรรลุข้อตกลงเบื้องต้นไปในเดือนพฤษภาคมและมิถุนายน ขณะที่หลายประเทศมีกำหนดเริ่มเรียกเก็บภาษีใหม่ในช่วงปลายสัปดาห์นี้ การเจรจาระหว่างสหรัฐ–จีนยังคงดำเนินอยู่ในกรุงสตอกโฮล์ม
IMF เตือนว่าแนวโน้มเศรษฐกิจยังมีความเสี่ยงด้านลบ เนื่องจากสมมติฐานพื้นฐานยังขึ้นอยู่กับดุลยภาพที่เปราะบางของนโยบายการค้า ซึ่งอาจเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา
สำหรับเศรษฐกิจไทย IMF ปรับขึ้นคาดการณ์ GDP ปีนี้เป็นขยายตัว 2% หรือดีขึ้น 0.2% เมื่อเทียบคาดการณ์เดือน เม.ย.ที่ 1.8% นอกจากนี้ยังปรับขึ้นคาดการณ์ของปี 2569 เป็นขยายตัว 1.7% จากเดิมให้ไว้ที่ 1.6%
อ้างอิง : reuters.com