‘ประภัตร’ ผลักดัน แนวทางระดมทุนต่างชาติ ติดตั้งโซลาร์รูฟให้กับเกษตรกร 6 ล้านหลังคาเรือน พร้อมใช้ไฟฟ้าราคาถูก
นายประภัตร โพธสุธน อดีตรมว.เกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยถึง “โครงการพันธบัตรดิจิทัล – การลงทุนในภาคเกษตรกรรมของประเทศไทย” ว่า ปัจจุบันประเทศไทยประสบกับความยากลำบาก เงินในกระเป๋าไม่มี โดยเฉพาะเกษตรกรกว่า 6 ล้านหลังคาเรือน และประชาชนอีกจำนวนมาก ที่ยังมีความต้องการใช้ไฟฟ้าราคาถูก เพื่อลดต้นทุนในการทำการเกษตร และอุปโภค บริโภค และไม่ต้องประสบกับปัญหาไฟฟ้าตก นอกจากนี้ยังเป็นการส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาด ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และสร้างความมั่นคงทางพลังงานให้กับประเทศ
“จึงได้มีความพยามหาแหล่งทุนจากต่างประเทศ เพื่อติดตั้งโซลาร์รูฟให้กับเกษตรกรทั่วประเทศกว่า 6 ล้านหลังคาเรือน ได้ใช้ไฟฟ้าราคาถูก จึงเป็นที่มาของโครงการนี้ ซึ่งจะเป็นมิติใหม่ของการลงทุน” นายประภัตร กล่าว
นายประภัตร กล่าวอีกว่าโครงการนี้จะเป็น จุดเปลี่ยนครั้งสำคัญสำหรับเกษตรกร ที่จะได้เข้าถึงพลังงานไฟฟ้าที่มีราคาถูกลง และมีความมั่นคงสูงขึ้น สร้างรอยยิ้มให้กับเกษตรกรและประชาชนในประเทศ โครงการนี้จะสร้างโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานใหม่ที่ทันสมัยและครอบคลุมทั่วประเทศ จะมีการระดมทุนผ่านการออกดิจิตอลบอนด์ในระบบ BlockChain เสนอขายนักลงทุนในต่างประเทศ เพื่อมาช่วยเกษตรกรจริงๆ อีกทั้งจะเป็นการขยายโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานสะอาด เช่น Solar Roof, รถบรรทุก EV และ สถานีชาร์จรถ EV
รายงานข่างแจ้งว่า สำหรับโครงการนี้ ระดมทุนโดยบริษัทจัดการการลงทุนในต่างประเทศ โดยไม่มีภาระทางการคลังต่อรัฐบาลไทย พร้อมได้รับการสนับสนุนจากสถาบันการเงินชั้นนำในฮ่องกง ซึ่งได้รับใบอนุญาตเต็มรูปแบบจากคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (SFC) สถาบันแห่งนี้เป็นหน่วยงานทางการเงินนอกประเทศเพียงแห่งเดียวของกลุ่มบริหารสินทรัพย์ Big Four ของจีน ซึ่งมีสินทรัพย์ภายใต้การบริหารรวมกันเกิน 2 ล้านล้านหยวน (ประมาณ 2.75 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ) และถือหุ้นใหญ่โดยรัฐบาลสาธารณรัฐประชาชนจีน
โดยนายประภัตรได้เข้าร่วมเป็นสักขีพยานระหว่างบริษัท ซีแอลเอ็มวี โฮลดิ้ง จำกัด และ Mr.Tony Wong ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วมของ Capital Trust Group Ltd. ซึ่งเป็นอดีตผู้บริหารของ WI HARPER GROUP, JP Morgan และ Deutsche Bank ในการให้การรับรองโครงการที่นำโดย CTG ซึ่งเป็นที่ยอมรับว่าเป็นหนึ่งในโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานที่ขับเคลื่อนโดยภาคเอกชนที่มีความชำนาญมากที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
รายงานแจ้งอีกว่า การหาแหล่งทุนครั้งนี้จะดำเนินการโดย Mr.Tony Wong บริษัท แคปิตอล ทรัสต์ กรุ๊ป จำกัด Capital Trust Group(CTG) บริษัทจัดการการลงทุนจากนิวซีแลนด์ เป็นบริษัทมีความน่าเชื่อถือ จะเป็นฝ่ายระดมทุนหาพันธมิตร ซึ่งได้ประกาศเปิดตัว "โครงการพันธบัตรดิจิทัลมูลค่า 1.05 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ พร้อมจัดทำข้อเสนอโครงการพันธบัตรดิจิทัล จำนวนสี่ (4) โครงการ มูลค่ารวม 21 พันล้านดอลล่าร์สหรัฐฯ เพื่อใช้ในการลงทุนโดยตรงในภาคการเกษตร เพื่อการส่งออกของประเทศไทย โดยร่วมมือกับบริษัท ซีแอลเอ็มวี โฮลดิ้ง จำกัด เป็นแหล่งเงินทุนหลักของโครงการ โดยไม่มีภาระทางการคลังต่อรัฐบาลไทย
อย่างไรก็ตามรายงานข่าวยังแจ้งอีกด้วยว่า โครงการนี้จะเป็นโครงการใหญ่ไม่เพียงแต่จะเปลี่ยนโฉมภูมิทัศน์พลังงานของประเทศไทย แต่ยังสร้างปรากฏการณ์ครั้งสำคัญระดับโลก ซึ่ง Mr.Tony Wong เล็งที่จะนำเงินจากการระดมทุน ไปซื้อสินค้าจากเทสลา (Tesla Inc.) 5.25 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และซื้อสินค้าจากจีน 5.25 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งอาจถือเป็นคำสั่งซื้อที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของบริษัท หากดีลนี้สำเร็จ นั่นหมายถึงคำสั่งซื้อเทคโนโลยีพลังงานสะอาดที่ใหญ่ที่สุดในโลกและจะเป็นการขยายอาณาจักรของ เทสลาในเอเชีย