ทรัมป์ขู่ปูติน เจอผลลัพธ์ร้ายแรง” หากขวางสันติภาพยูเครน
ทรัมป์ขู่ปูติน เจอผลลัพธ์ร้ายแรง” หากขวางสันติภาพยูเครน
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ขู่ว่าจะเกิดผลลัพธ์ร้ายแรงตามมา หากประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซีย ไม่เห็นด้วยกับสันติภาพในยูเครน พร้อมระบุเมื่อวันที่ 13 สิงหาคมว่า การประชุมระหว่างทั้งคู่ในวันศุกร์ที่ 15 สิงหาคมนี้ อาจตามมาด้วยการประชุมรอบสองที่มีผู้นำยูเครนเข้าร่วมด้วยโดยเร็ว
ทรัมป์ไม่ได้ระบุชัดว่าผลกระทบร้ายแรงที่เขาอ้างถึงคืออะไร แต่เตือนก่อนหน้านี้ว่าจะมีการใช้มาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจ หากการประชุมกับปูตินที่อะแลสกาไม่ประสบความสำเร็จ
ความเห็นของทรัมป์และผลการประชุมทางไกลร่วมกับผู้นำยุโรปและประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ของยูเครน ซึ่งจัดขึ้นในวันพุธ อาจช่วยสร้างขวัญกำลังใจให้กับยูเครน หลังมีความกังวลว่าการประชุมสุดยอดอะแลสกา อาจกลายจบลงด้วยการขายชาติ ด้ายการแบ่งดินแดนยูเครนให้รัสเซีย
อย่างไรก็ดี รัสเซียมีแนวโน้มจะคัดค้านข้อเรียกร้องของยูเครนและยุโรปอย่างแข็งขัน และย้ำมาก่อนหน้านี้ว่าจุดยืนของรัสเซียนั้นไม่เคยเปลี่ยนแปลง นับตั้งแต่ปูตินประกาศไว้ในเดือนมิถุนายน 2024
เมื่อถูกถามว่ารัสเซียจะต้องเผชิญผลกระทบอะไร หากปูตินไม่ยอมยุติสงครามหลังการประชุมวันศุกร์ ทรัมป์ตอบว่า “ใช่ พวกเขาจะเจอ”
ผู้สื่อข่าวถามว่าผลลัพธ์นั้นคือการคว่ำบาตรหรือการเก็บภาษีศุลกากรหรือไม่ ทรัมป์บอกนักข่าวว่า “ผมไม่ต้องบอก แต่จะมีผลลัพธ์ร้ายแรงมาก”
ประธานาธิบดีทรัมป์อธิบายว่าจุดมุ่งหมายของการพบกันครั้งแรกของผู้นำทั้งสองคือ การเตรียมพร้อมสำหรับการประชุมต่อเนื่องอย่างรวดเร็วที่มีเซเลนสกีเข้าร่วม ถ้าครั้งแรกไปได้สวย เราก็จะจัดครั้งที่สองเร็วๆ นี้
“ผมอยากทำแทบจะทันที และเราจะมีการประชุมครั้งที่สองระหว่างปูติน เซเลนสกี และผม ถ้าพวกเขาอยากให้ผมอยู่ด้วย” ทรัมป์ระบุ แต่เขาไม่ได้ชี้ชัดถึงกรอบเวลาสำหรับการประชุมครั้งที่ต่อไปแต่อย่างใด
ก่อนหน้านี้ ผู้นำยุโรปและเซเลนสกีได้พูดคุยกับทรัมป์ผ่านวิดีโอที่เยอรมนีเป็นเจ้าภาพจัดขึ้น เพื่อกำหนดเงื่อนไขที่ไม่อาจยอมรับได้ในการเจรจาระหว่างทรัมป์กับปูติน
“เรามีการหารือที่ดีมาก ประธานาธิบดีเซเลนสกีก็ร่วมอยู่ด้วย ผมให้คะแนนเต็ม 10 มันเป็นการสนทนาที่เป็นมิตรมาก” ทรัมป์กล่าว
ประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง ของฝรั่งเศส กล่าวว่า ทรัมป์เห็นพ้องว่ายูเครนต้องมีส่วนร่วมในทุกการเจรจาใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับดินแดน ขณะที่เซเลนสกีกล่าวว่าทรัมป์สนับสนุนแนวคิดการมีหลักประกันด้านความมั่นคงในข้อตกลงหลังสงคราม
“ประธานาธิบดีทรัมป์พูดชัดเจนว่า สหรัฐต้องการบรรลุการหยุดยิงในการประชุมครั้งนี้ที่อแลสกา อีกประเด็นที่ชัดเจนคือ ดินแดนของยูเครนจะไม่สามารถเจรจาต่อรองได้ และจะมีเพียงประธานาธิบดียูเครนเท่านั้นที่จะเจรจาได้” มาครงกล่าว
ฟรีดริช เมิร์ซ นายกรัฐมนตรีเยอรมนี ผู้เป็นเจ้าภาพการประชุมครั้งนี้ กล่าวว่า หลักการที่ว่าพรมแดนไม่สามารถเปลี่ยนแปลงด้วยกำลังนั้น จะต้องมีผลบังคับใช้อยู่ต่อไป
“หากไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ จากฝั่งรัสเซียที่อะแลสกา สหรัฐและเราชาวยุโรปควรเพิ่มแรงกดดัน ประธานาธิบดีทรัมป์ทราบจุดยืนนี้ดี และเห็นพ้องอย่างกว้างขวาง ดังนั้นผมบอกได้ว่าการสนทนานี้เป็นไปอย่างสร้างสรรค์และดีเยี่ยม” เมิร์ซกล่าว
ทรัมป์และปูตินมีกำหนดหารือเพื่อยุติสงครามในยูเครนซึ่งยืดเยื้อมากว่า 3 ปีครึ่ง ที่ถือเป็นความขัดแย้งครั้งใหญ่ที่สุดในยุโรปนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 ทรัมป์เคยกล่าวก่อนหน้านี้ว่าทั้งสองฝ่ายจะต้องมีการแลกเปลี่ยนดินแดนเพื่อยุติการสู้รบ ซึ่งคร่าชีวิตผู้คนไปหลายหมื่นและทำให้ผู้คนนับล้านต้องอพยพ
เซเลนสกีกล่าวว่า เขาได้บอกทรัมป์และผู้นำยุโรปทุกคนว่าปูตินหลอกลวงเกี่ยวกับความต้องการยุติสงคราม โดยรัสเซียกำลังพยายามกดดันก่อนการประชุมที่อะแลสกาด้วยการโจมตีตลอดแนวรบ และพยายามแสดงว่ารัสเซียสามารถยึดยูเครนทั้งประเทศได้
แหล่งข่าวเผยว่า ในการสนทนาระหว่างผู้นำยุโรปกับทรัมป์ มีการหารือถึงเมืองต่างๆ ที่อาจใช้เป็นสถานที่จัดการประชุมสามฝ่าย แต่ทั้งหมดขึ้นอยู่กับผลการพูดคุยที่อะแลสกา
แม้ผู้นำยุโรปจะกังวล แต่ก็หลีกเลี่ยงการทำให้ทรัมป์ไม่พอใจ โดยย้ำว่าพวกเขายินดีต่อความพยายามของทรัมป์ แต่ยืนยันว่าต้องไม่มีข้อตกลงใดเกิดขึ้นโดยปราศจากการมีส่วนร่วมของยูเครน
ทั้งนี้ การที่ทรัมป์ตกลงเมื่อสัปดาห์ก่อนที่จะเข้าร่วมการประชุมสุดยอดกับปูติน ถือเป็นการเปลี่ยนจุดยืนอย่างฉับพลัน หลังจากที่ตลอดหลายสัปดาห์ก่อนหน้านี้เขาแสดงความหงุดหงิดต่อปูตินที่ปฏิเสธความพยายามสันติภาพของสหรัฐ ทรัมป์กล่าวว่าสตีฟ วิทคอฟฟ์ ผู้แทนของสหรัฐ สร้างความคืบหน้าอย่างมากในการเจรจาที่กรุงมอสโก
อย่างไรก็ดี ผลสำรวจของ Gallup ที่เผยแพร่เมื่อสัปดาห์ที่แล้วพบว่า 69% ของชาวยูเครนสนับสนุนการยุติสงครามผ่านการเจรจาโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่ผลสำรวจยังชี้ด้วยว่าชาวยูเครนไม่ต้องการสันติภาพในทุกเงื่อนไข หากต้องแลกด้วยการยอมอ่อนข้อครั้งใหญ่
ด้านอเล็กเซย์ ฟาเดเยฟ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย กล่าวก่อนหน้านี้ว่า จุดยืนของมอสโกไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปจากที่ประกาศไว้ตั้งแต่ปีที่ผ่านมา เงื่อนไขสำหรับการหยุดยิงและการเริ่มการเจรจาคือ ปูตินได้เรียกร้องให้ยูเครนถอนกำลังออกจาก 4 แคว้นที่รัสเซียอ้างกรรมสิทธิ์ แม้จะยังควบคุมได้ไม่เต็มพื้นที่ และให้ยูเครนประกาศอย่างเป็นทางการว่าจะไม่เข้าร่วมองค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ (นาโต)
ขณะที่ยูเครนได้ปฏิเสธเงื่อนไขเหล่านี้ทันที โดยมองว่าการดำเนินการตามเงื่อนไขของรัสเซียดังกล่าวเท่ากับเป็นการยอมแพ้
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : ทรัมป์ขู่ปูติน เจอผลลัพธ์ร้ายแรง” หากขวางสันติภาพยูเครน
ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.matichon.co.th