‘มาม่า’ ยอดขายร่วง เหตุเศรษฐกิจไม่แน่นอน กำลังซื้อถดถอย ตลาดแข่งขันกันเดือด
‘มาม่า’ แบรนด์บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปผู้ครองตลาดมายาวนาน เผยผลประกอบการไตรมาส 2/2568 พบรายได้ลดลง 2.97% จากปัจจัยด้านเศรษฐกิจที่ซบเซา กำลังซื้อของผู้บริโภคที่ลดลง ตลอดจนการแข่งขันในตลาดที่มีความดุเดือดมากขึ้น
บริษัท ไทยเพรซิเดนท์ฟู้ดส์ จำกัด (มหาชน) มีรายได้จากการขายในไตรมาส 2/2568 คิดเป็น 6,935.75 ล้านบาท ลดลง 7.26% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันกับปีก่อน และยอดขาย 6 เดือนแรกของปี 2568 บริษัทมียอดขายรวมอยู่ที่ 13,987.72 ล้านบาท ลดลง 3.42% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันกับปีก่อน
ในไตรมาส 2/2568 เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันกับปีก่อน พบว่ารายได้จากการจำหน่ายบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป และผลิตภัณฑ์เบเกอรี่ในประเทศปรับลดลง 2.97% และ 8.37% ตามลำดับ โดยมีสาเหตุหลักจากสภาวะเศรษฐกิจที่ยังคงมีความไม่แน่นอน ส่งผลให้กำลังซื้อของผู้บริโภคชะลอตัว ประกอบกับการแข่งขันที่รุนแรงขึ้นจากการเข้าสู่ตลาดของผู้เล่นหน้าใหม่ ซึ่งกดดันต่อส่วนแบ่งตลาด และอัตราการเติบโตของยอดขายในประเทศ
เช่นเดียวกับตลาดต่างประเทศ ที่ยอดขายบะหมี่และอาหารกึ่งสำเร็จรูปปรับลดลง 9.61% สาเหตุสำคัญมาจากปัญหาภายในของลูกค้ารายใหญ่ที่ส่งผลให้มีการชะลอคำสั่งซื้อ ประกอบกับความไม่แน่นอนจากแนวโน้มการปรับขึ้นภาษีการค้าของสหรัฐฯ และสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ที่ตึงเครียด ทำให้ปริมาณการส่งออกไปยังกัมพูชาลดลงอย่างมีนัยสำคัญ
แม้ภาพรวมของยอดขายทั้งในและต่างประเทศจะปรับลดลง แต่บริษัทยังได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และเตรียมมาตรการเชิงรุกเพื่อรับมือกับความท้าทายดังกล่าว ไม่ว่าจะเป็น การปรับกลยุทธ์ทางการตลาด การขยายช่องทางการจัดจำหน่าย และการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคในสภาวะตลาดที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
เรื่องอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง