อย่าใช้น้ำยาปรับผ้านุ่มกับเสื้อกีฬา สูตรซักเสื้อให้คงคุณภาพ
เสื้อกีฬา ถือเป็นเสื้อผ้าที่ออกแบบมาเพื่อรองรับกิจกรรมที่ต้องใช้แรงกายและมีเหงื่อออกมาก วัสดุส่วนใหญ่ทำจากผ้าใยสังเคราะห์ เช่น โพลีเอสเตอร์ (Polyester), ไนลอน (Nylon) หรือผ้าผสมที่มีคุณสมบัติช่วยระบายเหงื่อและความชื้นได้ดี แต่หลายคนอาจยังไม่รู้ว่า การใช้น้ำยาปรับผ้านุ่มกับเสื้อกีฬาเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำเด็ดขาด เพราะอาจทำลายประสิทธิภาพของเนื้อผ้าโดยตรง
สาเหตุที่ไม่ควรใช้น้ำยาปรับผ้านุ่มกับเสื้อกีฬา
1.ลดประสิทธิภาพการระบายเหงื่อ
น้ำยาปรับผ้านุ่มจะเคลือบเส้นใยผ้า ทำให้ช่องว่างเล็ก ๆ ระหว่างเส้นใยถูกอุดตัน ส่งผลให้เสื้อกีฬาไม่สามารถดึงเหงื่อออกจากร่างกายได้เต็มที่ ทำให้เสื้อรู้สึกชื้นและหนักกว่าปกติ
2.กักเก็บกลิ่นอับและเชื้อแบคทีเรีย
เมื่อเสื้อไม่สามารถระบายเหงื่อได้ดี เหงื่อและความชื้นจะสะสมอยู่ในผ้า เกิดเป็นแหล่งสะสมของแบคทีเรีย ส่งผลให้เสื้อกีฬามีกลิ่นอับแม้ซักแล้วก็ยังหายยาก
3.ทำลายความยืดหยุ่นของเสื้อกีฬา
สารเคมีในน้ำยาปรับผ้านุ่มอาจทำให้เส้นใยผ้าเสื่อมสภาพเร็วขึ้น ส่งผลให้เสื้อเสียทรง ยืดหรือหดตัวง่าย อายุการใช้งานสั้นลง
วิธีดูแลและซักเสื้อกีฬาที่ถูกต้อง
เพื่อให้ เสื้อกีฬา คงทน ใช้งานได้นาน และยังคงคุณสมบัติการระบายเหงื่อ ควรปฏิบัติตามวิธีซักดังนี้
- เลือกใช้ผงซักฟอกสำหรับเสื้อกีฬาโดยเฉพาะ ช่วยทำความสะอาดล้ำลึกและไม่ทำลายเส้นใย
- ซักด้วยน้ำเย็นหรือน้ำอุณหภูมิปกติ หลีกเลี่ยงน้ำร้อนเพราะอาจทำให้เส้นใยหดตัว
- ไม่ควรแช่ผ้านานเกินไป เพราะอาจทำให้กลิ่นอับฝังแน่น
- ตากในที่ร่มและมีลมโกรก เพื่อป้องกันสีซีดจากแสงแดดจัด
-เลี่ยงการอบผ้า เพราะความร้อนสูงทำลายเส้นใยและทำให้เสื้อหดตัวได้
ทางเลือกแทนน้ำยาปรับผ้านุ่มสำหรับเสื้อกีฬา
หากต้องการให้ เสื้อกีฬามีกลิ่นหอมและนุ่มขึ้น โดยไม่ทำลายคุณสมบัติของผ้า ควรเลือกใช้น้ำยาซักผ้าสูตรขจัดกลิ่นสำหรับเสื้อผ้ากีฬาโดยเฉพาะ หรือเลือกน้ำยาซักผ้าที่ไม่มีส่วนผสมของน้ำยาปรับผ้านุ่ม ซึ่งจะช่วยให้เสื้อสะอาด ไร้กลิ่นอับ และยังคงคุณสมบัติการระบายเหงื่อได้อย่างดี
ไม่ควรใช้น้ำยาปรับผ้านุ่มกับเสื้อกีฬา เพราะจะทำให้เสื้อเสียคุณสมบัติในการระบายเหงื่อ มีกลิ่นอับ และอายุการใช้งานสั้นลง ทางที่ดีควรเลือกวิธีซักที่ถูกต้องและใช้น้ำยาซักผ้าสำหรับเสื้อกีฬาโดยเฉพาะ เพื่อยืดอายุเสื้อและคงประสิทธิภาพไว้ให้นานที่สุด