Gen Alpha ชี้เป้าแบรนด์พันล้าน เทรนด์ใหม่ที่นักลงทุนต้องฟัง
Gen Alpha หรือเด็กรุ่นใหม่ที่เกิดในช่วงปี 2010-2024 กำลังจะกลายเป็นกลุ่มผู้บริโภคที่มีอำนาจทางเศรษฐกิจสูงที่สุดในยุคของเรา
แม้ปัจจุบันบางคนจะยังเป็น "เด็ก" แต่มีการประเมินว่าเม็ดเงินกว่า "5.3 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ" ได้ถูกใช้จ่ายไปกับพวกเขาแล้ว และภายในปี 2030 คนกลุ่มนี้ก็จะเริ่มเข้าสู่ตลาดแรงงานและ 'มีรายได้เป็นของตัวเอง'
ทำไม Gen Alpha ถึงมีอิทธิพล?
สิ่งที่ทำให้เด็กรุ่นนี้แตกต่างจาก Gen Z คืออิทธิพลที่พวกเขามีต่อการตัดสินใจของพ่อแม่
ผลสำรวจจากบริษัท DKC พบว่า ผู้ปกครองกว่า '90%' ยอมรับว่าลูกๆ ของพวกเขามีความสามารถในการค้นหาสินค้าใหม่ๆ
และที่น่าสนใจคือ '42%' ของค่าใช้จ่ายทั้งหมดในครัวเรือน ได้รับอิทธิพลมาจากความคิดเห็นของเด็กๆ
ปรากฏการณ์นี้เกิดขึ้นส่วนหนึ่งเพราะพ่อแม่ของพวกเขา ซึ่งส่วนใหญ่คือกลุ่ม Millennials ที่เคยผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากทางเศรษฐกิจ
ไม่ว่าจะเป็นวิกฤตค่าครองชีพ หรือความไม่มั่นคงในหน้าที่การงาน ทำให้พวกเขา 'เปิดใจ' รับฟังข้อมูลจากลูกๆ ที่เติบโตมากับเทคโนโลยีและคลุกคลีอยู่บนโซเชียลมีเดียมากกว่า
พลังของ Gen Alpha ได้เปลี่ยนแบรนด์ที่ดังจากกระแสไวรัลให้กลายเป็นบริษัทที่มีมูลค่ามหาศาล ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือ Labubu ที่ผลิตโดย Pop Mart แม้กระแสการค้นหาบนโซเชียลมีเดียจะเริ่มคงที่ แต่ราคาหุ้นของบริษัทกลับพุ่งทำสถิติสูงสุดอย่างต่อเนื่อง
เพราะฐานลูกค้าได้ขยายจากกลุ่มวัยรุ่นไปสู่กลุ่มคุณแม่วัยทำงานที่มีกำลังซื้อสูง เมื่อของเล่นชิ้นหนึ่งกลายเป็นสินค้ากระแสหลัก นักลงทุนก็มองเห็นโอกาสในการเติบโตของกำไร ทำให้ปัจจุบัน Pop Mart มีมูลค่าตลาดสูงกว่า Sanrio (เจ้าของ Hello Kitty) และ Barbie รวมกัน
อีกหนึ่งตัวอย่างคือ Samyang Foods เจ้าของราเมนเผ็ด Buldak ที่โด่งดังจาก "Buldak Challenge" บนโลกออนไลน์ ส่งผลให้กำไรสุทธิครึ่งปีแรกพุ่งสูงถึง '34%' จากยอดขายในต่างประเทศ และทำให้ราคาหุ้นของบริษัทเพิ่มขึ้นกว่า '82%' ในปีนี้
อย่างไรก็ตาม การจะเอาชนะใจผู้บริโภค Gen Alpha ไม่ใช่เรื่องง่าย พวกเขาเป็นนักช็อปที่ "เลือกเยอะ" และรู้คุณค่าของเงิน
โดยเฉพาะในจีนที่วัยรุ่นสามารถเข้าถึงสินค้าแบรนด์ระดับโลกได้ง่ายผ่านร้านค้าปลีกอย่าง Harmay ที่จำหน่ายเครื่องสำอางขนาดทดลองในราคาที่จับต้องได้ ทำให้พวกเขารู้ว่าสินค้าไหนดีและคุ้มค่าจริง
ด้วยเหตุนี้ บริษัทข้ามชาติจึงยอมทุ่มเงินมหาศาลเพื่อซื้อกิจการแบรนด์ที่ก่อตั้งโดยเซเลบริตี้หรืออินฟลูเอนเซอร์ เช่น กรณีที่ Elf Beauty เข้าซื้อ Rhode แบรนด์ของ Hailey Bieber ด้วยมูลค่า 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
'เพราะหากแบรนด์ไม่สามารถสร้างกระแสได้ด้วยตัวเอง การใช้อินฟลูเอนเซอร์มาช่วยบอกเล่าเรื่องราวคือทางลัดที่ดีที่สุด'
คนรุ่นใหม่กำลังเปลี่ยนนิยามของการบริโภคในทุกมิติ ตั้งแต่การซื้อของมือสอง การใช้ชีวิตแบบไม่ดื่มแอลกอฮอล์ ไปจนถึงการทานมังสวิรัติ
ถึงเวลาแล้วที่แบรนด์ นักการตลาด และนักลงทุนจะต้องหันมา "รับฟัง" และเรียนรู้เคล็ดลับการลงทุนจากพวกเขา
ที่มา : AFR