จับตา 29 ส.ค.นี้! "วัส ติงสมิตร" ฟันธง 'แพทองธาร' ไม่รอด เซ่นปมคลิปเสียง 'ฮุน เซน'
จับตา 29 ส.ค.นี้! "วัส ติงสมิตร" ฟันธง 'แพทองธาร' ไม่รอด เซ่นปมคลิปเสียง 'ฮุน เซน' ชี้เข้าข่ายขาดจริยธรรม-กระทบความมั่นคง
วันที่ 28 ส.ค. 2568 นายวัส ติงสมิตร นักวิชาการอิสระ อดีตผู้พิพากษาอาวุโสในศาลฎีกา ได้ออกมาโพสต์ข้อความ ระบุว่า " นายกฯ แพทองธาร จะรอดหรือร่วงในวันที่ 29 สิงหาคม 2568
มีข้อเท็จจริง 2 ฉากทัศน์ และข้อกฎหมายอย่างน้อย 4 ข้อหลักที่ต้องพิจารณา ดังนี้
1)ข้อเท็จจริงในฉากทัศน์ที่หนึ่ง
คือคลิปเสียงสนทนาทางโทรศัพท์ระหว่างแพทองธาร กับ ฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2568 ความยาว 17 นาทีเศษ มีข้อความสำคัญที่กล่าวถึงแม่ทัพภาคที่ 2 ของไทยว่า เป็นบุคคลฝ่ายตรงข้าม และขอให้นายฮุน เซน อย่าไปฟังการพูดของคนที่เป็นของ “พวกฝ่ายตรงข้าม” โดยมีข้อความว่า “ ไม่อยากให้ Uncle ไปฟังคนที่เป็นฝั่งตรงข้ามกับเรา เพราะว่าพอไปฟังฝั่งตรงข้ามอย่างพวกแม่ทัพภาค 2 อย่างเนี้ยค่ะ เป็นคนของฝั่งตรงข้ามหมดเลย…” และข้อความที่ว่า “จริง ๆ แล้วท่านอยากได้อะไรก็ให้ท่านบอกมาได้เลยค่ะ เดี๋ยวจะจัดการให้”
ข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
(1)ขาดความซื่อสัตย์สุจริต
เหตุแห่งการที่รัฐธรรมนญไทยให้ความเป็นรัฐมนตรีสิ้นสุดลงเฉพาะตัวเพราะขาดความซื่อสัตย์สุจริตและฝ่าฝืนจริยธรรม มาจากหลักการทำลายความไว้วางใจที่รัฐมนตรีได้รับจากมหาชน (the abuse or violation of some public trust)
“ซื่อสัตย์สุจริต” หมายถึง การคิด พูด และกระทำด้วยความบริสุทธิ์ใจ ไม่โกง ไม่เอาเปรียบใคร และยึดมั่นในความถูกต้องเสมอ
บทสนทนาทางโทรศัพท์ระหว่างแพทองธาร ชินวัตร กับ ฮุน เซน ดังกล่าวขางต้น แสดงให้เห็นอย่างชัดแจ้งว่า แพทองธารไม่ได้คิดและพูดด้วยความบริสุทธิ์ใจ และไม่ได้ยึดมั่นในความถูกต้อง จึงถือได้ว่าแพทองธารขาดความซื่อสัตย์เป็นที่ประจักษ์
(2) มีพฤติกรรมเป็นการฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรม มีข้อกฎหมายที่ต้องพิจารณาอย่างน้อย 3 ข้อ ดังนี้
ก)ต้องพิทักษ์รักษาไว้ซึ่งเกียรติภูมิและผลประโยชน์ของชาติ
เกียรติภูมิ (prestige) และผลประโยขน์ (interests) ของชาติที่นายกรัฐมนตรีต้องพิทักษ์รักษา หมายถึง ศักดิ์ศรี ความน่าเชื่อถือ และภาพลักษณ์ของประเทศในสายตาของประชาชนและนานาประเทศ ซึ่งนายกรัฐมนตรีในฐานะผู้นำรัฐบาลมีหน้าที่สำคัญในการธำรงรักษา ส่งเสริม และไม่ทำให้เสื่อมเสีย ไม่ว่าจะในด้านการบริหาร การต่างประเทศ หรือพฤติกรรมส่วนตัว
บทสนทนาทางโทรศัพท์ระหว่างแพทองธาร ชินวัตร กับ ฮุน เซน ดังกล่าวขางต้น แสดงให้เห็นอย่างชัดแจ้งว่า แพทองธารทำให้ชาติไทยเป็นที่ดูแคลนในสังคมโลก กระทบต่อศักดิ์ศรี ความน่าเชื่อถือ และภาพลักษณ์ของประเทศในสายตาของประชาชนและนานาประเทศ เข้าข่ายฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรมอันเป็นอุดมการณ์ ถือได้ว่ามีลักษณะร้ายแรง
ข) ต้องไม่กระทำการที่ก่อให้ความเสื่อมเสียต่อเกียรติศักดิ์ของผู้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
“เกียรติศักดิ์ (honor and dignity) ของผู้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี” หมายถึง ความมีเกียรติ ความน่าเชื่อถือ และความเคารพที่สังคมให้ต่อบุคคลผู้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ทั้งในด้านพฤติกรรมส่วนตัว การปฏิบัติหน้าที่ และภาพลักษณ์ในสายตาของประชาชนและนานาชาติ
บทสนทนาทางโทรศัพท์ระหว่างแพทองธาร ชินวัตร กับ ฮุน เซน ดังกล่าวขางต้น แสดงให้เห็นอย่างชัดแจ้งว่า แพทองธารได้ทำลายความมีเกียรติ ความน่าเชื่อถือ และความเคารพที่สังคมให้ต่อบุคคลผู้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เข้าข่ายกระทำการที่ก่อให้ความเสื่อมเสียต่อเกียรติศักดิ์ของผู้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นมาตรฐานทางจริยธรรมอันเป็นค่านิยมหลัก เมื่อพิจารณาประกอบกับต่อมาทหารกัมพูชาใช้อาวุธหนักโจมตีไทยจนก่อให้เกิดความเสียหายแก่โรงพยาบาล ร้านสะดวกซื้อ ปั๊มน้ำมัน และบ้านเรือนของพลเรือนไทย และทำให้พลเรือนไทยตายและบาดเจ็บหลายสิบราย ถือได้ว่ามีลักษณะร้ายแรง
ค) รักษาความลับของทางราชการ
บทสนทนาทางโทรศัพท์ระหว่างแพทองธาร ชินวัตร กับ ฮุน เซน มีการเปิดเผยมาตรการยกระดับการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี และการค้ามนุษย์ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา จึงเป็นการไม่รักษาความลับของทางราชการตามกฎหมายและระเบียบแบบแผนของราชการ ซึ่งเป็นจริยธรรมทั่วไป เมื่อพิจารณาประกอบกับต่อมาทหารกัมพูชาใช้อาวุธหนักโจมตีไทยจนก่อให้เกิดความเสียหายแก่โรงพยาบาล ร้านสะดวกซื้อ ปั๊มน้ำมัน และบ้านเรือนของพลเรือนไทย และทำให้พลเรือนไทยตายและบาดเจ็บหลายสิบราย ถือได้ว่ามีลักษณะร้ายแรง
2) ข้อเท็จจริงในฉากทัศน์ที่สอง
การสนทนาระหว่างแพทองธาร กับ ฮุน เซน เมื่อวันที่15 มิถุนายน 2568 เกิดขึ้นภายหลังจากกองบัญชาการกองทัพไทยได้เสนอเรื่อง มาตรการยกระดับฯ เพื่อให้เข้าที่ประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติโดยเร่งด่วนแล้ว แต่ต่อมาปรากฏว่า ไม่มีการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติในวันที่ 16 มิถุนายน 2568 แต่อย่างใด กลับมีการตั้งศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) แทน จนกระทั่งปัจจุบันมาตรการยกระดับฯ ตามหนังสือของกองบัญชาการกองทัพไทย ยังไม่มีการดำเนินการแต่อย่างใด ก่อให้เกิดผลประโยชน์ต่อกัมพูชา
นับเป็นการไม่พิทักษ์รักษาไว้ซึ่งผลประโยชน์ของชาติ ความมั่นคงของรัฐ และความสงบเรียบร้อยของประชาชน เข้าข่ายฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรมอันเป็นอุดมการณ์ ถือได้ว่ามีลักษณะร้ายแรง
3) ที่แพทองธารอ้างในคำชี้แจงว่า คำพูด "อยากได้อะไรก็ให้ท่านบอกมาได้เลยค่ะ เดี๋ยวจะจัดการให้" มีเจตนาเพียงต้องการให้คู่เจรจาได้เสนอเงื่อนไขหรือความต้องการออกมาก่อน ซึ่งเป็นหลักการสำคัญของการเจรจาเชิงผลประโยชน์ (Principled Negotiation) โดยการใช้เทคนิคสำคัญคือการตั้งคำถามเพื่อค้นหาความต้องการที่แท้จริง (Interest-Based) ในลักษณะไม่โจมตีจุดยืนของคู่เจรจา แต่มุ่งทำความเข้าใจความต้องการที่อยู่เบื้องหลังมากขึ้น เพื่อจะได้นำมาพิจารณาเจรจาต่อรองเงื่อนไขที่จะนำไปสู่การยุติความตึงเครียดที่เกิดขึ้น ตนไม่ได้มีเจตนาที่จะดำเนินการตามเงื่อนไขที่เสนอมาทุกกรณีแต่อย่างใด เพราะจะต้องนำเงื่อนไขดังกล่าวไปพูดคุยกับฝ่ายความมั่นคงของไทยก่อนเพื่อร่วมกันพิจารณาและตัดสินใจ นั้น
ผู้เขียนเห็นว่า ถ้อยคำที่ว่า "อยากได้อะไรก็ให้ท่านบอกมาได้เลยค่ะ เดี๋ยวจะจัดการให้" เป็นถ้อยคำที่ส่อแสดงให้เห็นเป็นนัยว่า ขอเพียงให้คุณอาบอกความต้องการมา ตนจะดำเนินการให้ในเวลาไม่ช้า แสดงให้เห็นอยู่ในตัวว่าตนมีอำนาจที่จะสนองความต้องการฝ่ายเดียวให้ได้ หาใช่การเจรจาบนหลักการ Principled Negotiation และ Interest-Based Negotiation อันเป็น 1 ใน 4 หลักการสำคัญเกี่ยวกับการเจรจาที่เน้นความร่วมมือและผลลัพธ์ที่เป็นประโยชน์ร่วมกัน (win-win outcome) ซึ่งเป็นแนวคิดนี้พัฒนาขึ้นโดย Roger Fisher และ William Ury จากโครงการ Harvard Negotiation Project (หนังสือ Getting to Yes, 1981) ดังที่แพทองธารกล่าวอ้างในคำชี้แจงไม่
4) กล่าวโดยสรุป ผู้เขียนเห็นว่า นายกฯ แพทองธาร ร่วง ครับ"