ไทยย้ายถก GBC ไปมาเลย์ หวั่นสถานการณ์เขมรไม่ปลอดภัย - ขยายประชุมเป็น 4 วัน
เมื่อเวลา 09.40 น. วันที่ 1 สิงหาคม 2568 ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ชี้แจงกรณีการย้ายสถานที่ประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) จากกัมพูชาไปยังประเทศมาเลเซียว่า ฝ่ายไทยได้ประสานขอใช้สถานที่จัดประชุมที่ประเทศที่สาม เนื่องจากกังวลเรื่องความปลอดภัย หลังรัฐบาลกัมพูชาเผยแพร่ข้อมูลบิดเบือน สร้างความรู้สึกเกลียดชังไทยในหมู่ประชาชน ซึ่งอาจกระทบต่อความเรียบร้อยของการประชุมหากจัดขึ้นในกัมพูชา
ทั้งนี้ ทางการมาเลเซียตอบรับคำร้องของไทย และทางกัมพูชาก็ยินยอมให้ย้ายเวทีการหารือไปยังมาเลเซียเช่นกัน
พล.อ.ณัฐพล ยังระบุว่า จากเดิมที่กำหนดการประชุม GBC ไว้ในวันที่ 4 ส.ค. ขณะนี้ได้ขยายเป็นวันที่ 4-7 ส.ค. เพราะประเมินจากวาระที่มีแล้ว เชื่อว่าใช้เวลาเพียงวันเดียวไม่เพียงพอ หากเจรจาไม่แล้วเสร็จภายใน 4 วัน ก็อาจต้องขยายเวลาหรือเลื่อนการหารือไปในรอบถัดไป โดยย้ำว่า ไทยคำนึงถึงผลประโยชน์ของชาติเป็นสำคัญ
ส่วนคำถามว่า ประเทศผู้สังเกตการณ์ยังคงเป็นจีนและสหรัฐฯ เหมือนเดิมหรือไม่ พล.อ.ณัฐพล ระบุว่า ยังไม่สามารถยืนยันได้ เพราะยังต้องหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และมองว่านี่เป็นการหารือในกลไกปกติระหว่างสองประเทศ ไม่ใช่ลักษณะการเจรจาหยุดยิงแบบที่ผ่านมา จึงไม่จำเป็นต้องมีผู้สังเกตการณ์จากประเทศที่สาม เว้นแต่มีการตกลงเพิ่มเติมในภายหลัง
เมื่อถูกถามถึงแนวทางหรือเงื่อนไขการเจรจาที่ไทยตั้งเป้าไว้ พล.อ.ณัฐพล ปฏิเสธที่จะให้รายละเอียด โดยให้เหตุผลว่า อาจทำให้ฝ่ายกัมพูชารับรู้กลยุทธ์ของไทยและเกิดความเสียเปรียบในการเจรจา
ในส่วนของกรณี ปราสาทตาควาย ซึ่งเป็นหนึ่งในจุดขัดแย้งสำคัญ พล.อ.ณัฐพล ปฏิเสธที่จะให้ความเห็น โดยย้ำว่า บางประเด็นยังไม่ควรเปิดเผยในเวลานี้เพื่อรักษาผลประโยชน์ของชาติ
สำหรับการที่เปลี่ยนสถานที่ประชุมจากกัมพูชามาเป็นมาเลเซีย พล.อ.ณัฐพล ยืนยันว่า ไม่ใช่เพราะไม่ไว้วางใจรัฐบาลกัมพูชาโดยตรง แต่เป็นความกังวลต่อสถานการณ์ภายในประเทศกัมพูชาในขณะนี้ ที่มีการปลุกกระแสต่อต้านไทยในหมู่ประชาชน จึงไม่เหมาะสมที่ฝ่ายไทยจะเดินทางไปหารือในสภาพแวดล้อมเช่นนั้น
ตนจะเข้าร่วมประชุมในวันที่ 7 ส.ค. ขณะที่ช่วงวันที่ 4-6 ส.ค. จะเป็นคณะฝ่ายเลขาฯ เดินทางไปก่อน ซึ่งยอมรับว่าห่วงความปลอดภัยของทีมงาน จึงเห็นสมควรปรับเปลี่ยนสถานที่เพื่อความเรียบร้อย
รมช.กลาโหมยังกล่าวทิ้งท้ายว่า ฝ่ายไทยยังคงยึดหลักแยกแยะรัฐบาลออกจากประชาชน โดยได้เน้นย้ำมาตลอดว่า คนไทยควรปฏิบัติต่อชาวกัมพูชาในไทยอย่างปกติ เพราะพวกเขาไม่เกี่ยวข้องกับนโยบายของรัฐบาลกัมพูชา พร้อมยืนยันว่าตนจะพยายามอย่างสุดความสามารถให้ผลการเจรจาออกมาเป็นที่พอใจของประชาชนไทยมากที่สุด