โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

การเมือง

๓๖% มายาอเมริกัน

ไทยโพสต์

อัพเดต 17 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 1 วันที่แล้ว

“ประเทศไทย”

ตื่นขึ้นมาเช้าวาน ก็เห็นจดหมายจาก “มหามิตร” ที่คบกันมากว่า ๒๐๐ ปี วางอยู่ปลายตีนเตียง

นึกดีใจ ว่าไอ้เกลอยังคิดถึงเพื่อนเก่า

รีบฉีกซองดึงจดหมายออกมาคลี่อ่าน ด้วยอยากรู้ มหามิตรคนนี้ มีเรื่องทุกข์ร้อนอันใดจึงจดหมายมา ถ้าไม่เหลือบ่ากว่าแรง ละก็

“ไทย-มิตรแท้” คนนี้ ยินดีเสมอ!

และนี่คือใจความในจดหมายจากมหามิตร

“…….เราใช้เวลาหลายปีในการหารือเกี่ยวกับความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างเรากับประเทศไทย

และได้ข้อสรุปว่า เราต้องเลิกขาดดุลการค้าในระยะยาวและต่อเนื่องนี้ ซึ่งเกิดจากภาษีศุลกากร นโยบายที่ไม่ใช่ภาษีศุลกากร และอุปสรรคทางการค้าของประเทศไทย

ความสัมพันธ์ของเรานั้น น่าเสียดายที่ห่างไกลจากความสัมพันธ์แบบตอบแทนกัน”

“ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2025 เป็นต้นไป เราจะเรียกเก็บภาษีศุลกากรจากประเทศไทยเพียง 36%

สำหรับผลิตภัณฑ์ไทยทั้งหมดที่ส่งไปยังสหรัฐอเมริกา โดยแยกจากภาษีศุลกากรตามหมวดหมู่สินค้าทั้งหมด

สินค้าที่ขนส่งเพื่อหลีกเลี่ยงภาษีศุลกากรที่สูงขึ้น จะต้องเสียภาษีศุลกากรที่สูงขึ้น

“โปรดเข้าใจว่า ตัวเลข 36% นั้น น้อยกว่าที่จำเป็นในการขจัดความไม่สมดุลของการขาดดุลการค้าที่เรามีกับประเทศของท่านมาก

ดังที่ท่านทราบ จะไม่มีภาษีศุลกากรหากประเทศไทยหรือบริษัทต่างๆ ในประเทศของท่าน ตัดสินใจสร้างหรือผลิตสินค้าภายในสหรัฐอเมริกา

และในความเป็นจริง เราจะทำทุกวิถีทาง เพื่อให้ได้รับการอนุมัติอย่างรวดเร็ว เป็นมืออาชีพ และเป็นปกติ กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ จะอนุมัติภายในเวลาไม่กี่สัปดาห์”

ไม่ว่าคุณจะตัดสินใจขึ้นภาษีศุลกากรด้วยเหตุผลใดก็ตาม ตัวเลขที่ท่านเลือกจะถูกเพิ่มเข้าไปใน 36% ที่เราเรียกเก็บ

โปรดเข้าใจว่า ภาษีศุลกากรเหล่านี้ มีความจำเป็นในการแก้ไขนโยบายภาษีศุลกากร นโยบายที่ไม่ใช่ภาษีศุลกากร และนโยบายการค้าของไทยที่ดำเนินมายาวนานหลายปี

ซึ่งส่งผลให้เกิดการขาดดุลการค้าที่ไม่ยั่งยืนต่อสหรัฐอเมริกา นับเป็นภัยคุกคามสำคัญต่อเศรษฐกิจของเรา และแน่นอนว่ารวมถึงความมั่นคงของชาติด้วย!”

“เราหวังว่าจะได้ร่วมงานกับท่านในฐานะหุ้นส่วนทางการค้าไปอีกหลายปีข้างหน้า หากท่านต้องการเปิดตลาดการค้าที่ปิดไปแล้วให้กับสหรัฐอเมริกา

และยกเลิกนโยบายด้านภาษีศุลกากร และไม่ใช่ภาษีศุลกากร รวมถึงอุปสรรคทางการค้า

เราอาจพิจารณาปรับเปลี่ยนจดหมายฉบับนี้ ภาษีศุลกากรเหล่านี้ อาจมีการปรับเปลี่ยนขึ้นหรือลง

ขึ้นอยู่กับความสัมพันธ์ของเรากับประเทศของท่าน ท่านจะไม่มีวันผิดหวังกับสหรัฐอเมริกา”

ด้วยความปรารถนาดีอย่างจริงใจ

โดนัลด์ เจ. ทรัมป์

ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา

……………………………………………

จดหมายจากสหรัฐฯ "มหามิตร" ของไทยฉบับนี้ ทำให้ภาพแห่งความสัมพันธ์ที่เคยมีต่อกันตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่ ๑ และร่วมรบในสงครามโลกครั้งที่ ๒

กับอีกหลายสมรภูมิ…..

เช่นในสงครามเกาหลี สงครามเวียดนาม ที่ไทยส่งทหารไปร่วมรบ เมื่อมหามิตรร้องขอ ผุดขึ้นในความทรงจำ

อดีตที่เพื่อนเรียกเราว่า "ไทย-มหามิตร" วันนี้ มันไม่มีเยื่อยางอะไรเหลือแล้วหรือ?

เพื่อนจึงแสดงความปรารถนาดีมาถึงมหามิตร ด้วยการแจ้งเก็บภาษี ๓๖%!?

๓๖% นี้ เพื่อนให้ต่อรองเงื่อนไขแลกเปลี่ยนได้จนถึงวันที่ ๑ สิงหา. ถ้าเราเสนอผลประโยชน์ที่เพื่อนจะได้จากประเทศของเราจนเป็นที่หนำใจ ก็อาจจะลดเปอร์เซ็นต์ให้บ้าง

ก็ขอบใจนะ ไอ้เพื่อนปอกลอก!

ก็เข้าใจ พวกตะวันตก ไม่รู้จักคำว่าบุญคุณและน้ำใจ รู้แต่ Take กับ Give หรือผลประโยชน์ต่างตอบแทน

ต่างกับเรา คนตะวันออก มีคำว่าน้ำใจและการรู้บุญ-รู้คุณคน การกระทำต่อกัน จึงยึดถือเรื่องน้ำใจแห่งมิตรสหายเป็นที่ตั้ง

โบราณว่า รู้คน-รู้หน้า แต่หารู้ใจไม่!

ก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ ถ้าเพื่อนเก็บภาษีจากเรา ๓๖% แล้ว จะทำให้ประเทศของเพื่อนหายยากจน หมดหนี้สิน ไม่มีคนเร่ร่อน นอนริมถนน เมายาซกมกเหมือนหมาขี้เรื้อน

และได้เป็นทุนไปทำสงครามรุกรานบ้านเล็ก-เมืองน้อยอย่างที่ทำมาตลอดละก็

ถ้าเพื่อนพอใจอย่างนั้น และมั่นใจว่า ประเทศเล็กๆ อย่างเรา ไม่มีประโยชน์ที่พญาอินทรีจะต้องหยั่งเท้าในกาลข้างหน้าอีกแล้ว

ก็เข่นเลยเพื่อน…

เข่นให้มันหนำใจ เอาซัก ๕๐-๖๐% ไปเลยเป็นไง เห็นขู่ฟ่อๆ บอกตรงๆ หมั่นไส้ (ว่ะ)

คนไทยน่ะ ใครไม่คบ ก็อย่าคบ แต่อย่ามาหยาม และไม่ใช่คนคิดแค้น เพียงแต่ “จำแม่น” เป็นพิเศษเท่านั้น

แถมจิตใจใฝ่ธรรมอีกตะหาก กระทั่งภาษิตยังอิงธรรม เช่น "วันพระไม่มีหนเดียว"

“สหรัฐฯ-มหามิตร” จำไว้บ้างก็ดี ว่าคนไทยถือภาษิต "วันพระไม่มีหนเดียว"!

ใหญ่-ก็ต้องใหญ่ให้มันตลอด หยิ่ง-ก็ต้องหยิ่งให้มันรอดฝั่ง กลัวแต่ว่า “เศรษฐกิจ-สังคม” ของเพื่อน จะพังซะก่อนมากกว่า

ฉะนั้น ทรัมป์ อย่าทำยโส เป็นนักเลงโต ไล่เตะเขาไปทั่วทั้งโลก

กาลเวลาแห่งโลก มันมี Sunrise - Sunset

ถ้าเพื่อน Sunset เมื่อไหร่ พญาอินทรี มันจะกลายเป็นอีแร้งหัวเน่า ฉะนั้น อย่าผยอง ด้วยมั่นว่า สหรัฐฯ จะใหญ่นิรันดร์!

มึงเลิกบ้าสงครามด้วยคิดจะเป็น "เจ้าโลก" เลิกยุแยงตะแคงรั่วให้ประเทศโน้น-นี้เขารบกันซะทีเถิด

แล้วเอาเงินที่ “พิมพ์เอง” แทนที่จะเอาไปหนุนทำสงคราม ก็เอามาพัฒนาเศรษฐกิจสังคมและทรัพยากรมนุษย์ในประเทศตัวเอง

แค่นี้มันก็ได้มากกว่าใช้มาตรการ "ภาษีอันธพาล" เที่ยวไล่เก็บเขาทั้งโลก

มันสะใจคนบ้าอำนาจอย่างทรัมป์ใช่มั้ย?

หรือซาดิสม์ มีความสุขกับการได้เห็นความเจ็บปวด ความทุกข์ทรมานที่ตัวเองทำกับประเทศอื่น?

แต่อย่าลืมนะ คนอเมริกัน ไม่ได้กินนิวเคลียร์ กินอาวุธสงคราม กินเครื่องบินล่องหน กินเรือรบ กินระเบิดปรมาณู ที่สหรัฐฯ ผลิตเป็นสินค้าหลัก เป็นอาหาร

แต่คนอเมริกัน ก็กินข้าว กินผัก กินผลไม้ กินน้ำ ใช้เข็มเย็บผ้า ใช้เครื่องทำความเย็น ใช้ไม้ขัดส้วม ซึ่งสิ่งของเครื่องใช้ในชีวิตประจำวันเกือบทั้งหมด สหรัฐฯ ไม่ได้ผลิตเอง ต้องนำเข้าทั้งนั้น

เมื่อขึ้นภาษีทีละ ๓๐-๔๐-๕๐% อย่างนี้ อย่าเข้าใจว่าเดือดร้อนเฉพาะประเทศผู้ผลิต

สหรัฐอเมริกาเองนั่นแหละ มันจะเข้าตำรา "ทุกขะโต ทุกขะถานัว ตีตูดเขา มาเข้าตูดตัว” เพราะสินค้าประเภทข้าวของเครื่องกิน-เครื่องใช้ทั้งหลายในสหรัฐฯ ก็จะแพงขึ้น

คนซวยคือ พวก “อเมริกันชน”

แล้วสุดท้าย อเมริกันชนที่บริโภคของแพง เมื่อทนไม่ไหว ก็จะรวมตัวแห่กันไปชูป้ายด่าทรัมป์ ไม่เชื่อก็คอยดู!

ไม่เพียงคน “หมา-แมว” ก็พลอยเดือดร้อน เพราะอาหารเม็ดต้องนำเข้า โดยเฉพาะจากไทย เมื่อของแพง คนเลิกเลี้ยง เอาไปปล่อยทำเนียบขาว ก็ต้องจ้างพนักงานเก็บขี้แมว-ขี้หมาอีก

สหรัฐฯ น่ะ พิมพ์กระดาษเป็นดอลลาร์ ไม่มีสินทรัพย์ใดๆ รองรับมูลค่าตามตัวเลขในแผ่นกระดาษที่เรียกดอลลาร์เลย

พูดง่ายๆ มันกระดาษเช็ดตูดดีๆ นี่เอง อาศัยเพียงความเป็นนักเลงโลกเท่านั้นคุ้มกันราคาในกระดาษ

ต่างกับประเทศต่างๆ เช่น กลุ่ม BRICS เขามีสินทรัพย์ประเภททองคำหนุนหลังธนบัตรที่พิมพ์ออกมา

ราคาในธนบัตรของเขา จึงมีมูลค่าเท่าจำนวนทอง!

อย่างธนบัตรไทยนี่ก็เช่นกัน มีทองคำหนุนหลัง ธนบัตรแต่ละใบ จึงมีมูลค่าเท่ากับจำนวนราคาทองคำ

แล้วคิดดู แบบนี้ ในระยะยาว "ใครจะอยู่-ใครจะไป” ระหว่างสหรัฐฯ กับกลุ่มโลกใหม่ในนาม BRICS?

ยิ่งการซื้อขายน้ำมันทุกวันนี้ ไม่ได้ผูกขาดที่ต้องซื้อขายด้วยเงินสกุลดอลลาร์อย่างเดียวเหมือนแต่ก่อนแล้ว

“ดอลลาร์สหรัฐฯ” อนาคตไม่หนี “แบงก์กงเต๊ก” ในศตวรรษที่ ๒๑ เห็นๆ อยู่!

ก็ดูกันด้วยความระมัดระวัง "วิกฤตเศรษฐกิจและการเมือง" ต่อไป นโยบายทรัมป์ เป็นนโยบาย "นักเลงสับปลับ" วันนี้ว่าอย่างนี้ พรุ่งนี้เปลี่ยนไปอีกอย่าง

ผู้นำโลกอย่างนี้ “ทั้งยึดถือ-ทั้งเชื่อถือ” ไม่ได้!

ก่อนถึงเส้นตาย เส้นที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ ภาษีทรัมป์กับไทยจะลงเอยที่กี่เปอร์เซ็นต์ยังมั่นหมายตายตัวไม่ได้

การต่อรอง คนไปเจรจาก็อย่าไปยอมถึงขนาดแก้ผ้าอ้าซ่าให้เขาทั้งหมดก็แล้วกัน

เพราะรู้หรอก….

ลึกๆ แล้วที่สหรัฐฯ ต้องการจากไทยแลกเปลี่ยนกับอัตราภาษีมันไม่ใช่สินค้า หากแต่มันลึกเกินกว่าที่จะพูดกับระดับ “รัฐมนตรีคลัง” ของไทย!!!

มันพิลึกเอามากๆ

ทำเนียบขาวไม่เข้าใจว่าพระมหากษัตริย์ทรงเป็นองค์พระประมุขของชาติ ทรงอยู่เหนือการเมือง และไม่เกี่ยวข้องกับการบริหารราชการแผ่นดินหรืออย่างไร?

จึงส่งจดหมายแจ้งเรื่องภาษีข้อความเดียวกับที่ส่งให้ “นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ” ผู้รักษาการนายกฯ ด้วย

และจดหมายนั้น ลงวันที่ ๗ ก.ค.๖๘ แต่ผู้รักษาการนายกฯ ไม่ใช่นายสุริยะ เปลี่ยนเป็นนายภูมิธรรมแล้ว

แสดงว่า สหรัฐฯ มองไทยเป็น “สินค้าเหมาโหล” ไม่ได้อยู่ในสายตาที่จะสนใจด้วยให้เกียรติใดๆ ทั้งสิ้น

จดหมายที่ส่งมาก็สวนทางกับที่นายพิชัยไปเจรจา ยิ่งแสดงว่า สหรัฐฯ “ไม่ได้ให้ราคา” ในเนื้อหาที่ทีมไทยนำไปเจรจาด้วยเลยแม้แต่น้อย!

มันเป็นสัญญาณ “โลกใหม่” ที่ไทยเราต้องมองกว้าง-มองลึก และมองรอบด้าน มากกว่าก้มหน้าเพ่งเฉพาะ ๓๖% ที่สหรัฐฯ เกี่ยวเบ็ดล่อให้ไทยฮุบ

“เศรษฐกิจพอเพียง” เป็นสะพานข้าม “เหวหายนะ” ในรอยต่อศตวรรษ การพึ่งพาตนเองให้มาก มองว่ามันเชย แต่ที่เชยนี่แหละ จะพาชาติรอด

คนอเมริกัน ไม่รอดเพราะ มีแต่เหล็กและคำว่าเทคโนโลยี

ส่วนคนไทย รอด เพราะมีข้าว มีน้ำ และมีคำว่า “คุณธรรม-น้ำใจ”

ฉะนั้น ใครจะบ้า ปล่อยให้มันบ้าไปของมันคนเดียว!

-เปลว สีเงิน

๙ กรกฎาคม ๒๕๖๘

คนปลายซอย

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก ไทยโพสต์

ฉิบหายเพราะ ‘กาสิโน’

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

ตกหลุมพรางจนได้

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

ถลุง 55 ล้าน

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

ฉบับวันที่ 10 กรกฎาคม 2568

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความการเมืองอื่น ๆ

ข่าวและบทความยอดนิยม