รวมพลัง “ฝ่ายค้าน” ขยับเกมในสภาฯ ?
ชั่วพริบตาเดียว “สถานะ” ของ “พรรคร่วมรัฐบาลอันดับสอง” อย่าง “ภูมิใจไทย” ต้องแปรเปลี่ยนไปทันทีเมื่อ “เพื่อไทย” เขี่ยพรรคสีน้ำเงิน พ้น “รัฐบาลผสม” ไปเป็น “ฝ่ายค้าน” อย่างไม่เต็มใจ
บรรยากาศการเมืองวันนี้ ฟากรัฐบาล กำลังรับมือเจอศึกหนักรอบด้าน ไม่เพียงแต่ “แพทองธาร ชินวัตร” ในฐานะผู้นำรัฐบาล ที่เจอกับกรณีคลิปเสียงที่สนทนากับ “สมเด็จ ฮุน เซน” ประธานวุฒิสภากัมพูชา จนกลายเป็น “เงื่อนไข” ที่จะนำไปสู่การชุมนุมของกลุ่มรวมพลังแผ่นดิน ในวันที่ 28 มิ.ย.68 เท่านั้น
แต่จากกรณีคลิปเสียงที่เจรจากันด้วยเรื่องปัญหาข้อพิพาทชายแดนไทย -กัมพูชา ยังทำให้ “ฝ่ายค้านป้ายแดง” อย่างพรรคภูมิใจไทย นำไปใช้เตรียมขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ นายกฯแพทองธาร ในสภาฯที่กำลังจะเปิดสมัยประชุมฯในเดือนก.ค.นี้
การขยับของพรรคภูมิใจไทย แม้จะถูก “เพื่อไทย” ออกมาโจมตีว่า ยื่นซักฟอกไม่ไว้วางใจ “เร็วเกินไป” ทั้งที่เพิ่งเป็น “ฝ่ายค้าน” ยังไม่ทันครบสัปดาห์ ดังนั้นจะมองเป็นเรื่องอื่นไปไม่ได้ นอกจากเป็นเรื่องการเมือง
บทบาทของพรรคร่วมฝ่ายค้าน เวลานี้ต้องยอมรับว่าน่าสนใจไม่น้อย เพราะนอกเหนือไปจาก “พรรคประชาชน” เป็นแกนนำฝ่ายค้านที่มีบทบาทโดดเด่น ขณะที่ พรรคพลังประชารัฐ ในปีกของ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรค และพรรคไทยสร้างไทย ที่มีอยู่ 6 เสียง
แต่อย่าลืมว่า ทั้งสองพรรคฝ่ายค้าน ใช่ว่าจะเป็นเอกภาพมองไปในทิศทางเดียวกัน ตรงกันข้าม ทั้งพรรคพลังประชารัฐและไทยสร้างไทย ต่างอยู่ในเป้าหมาย ที่ “พรรคกล้าธรรม” พรรคการเมืองที่สนับสนุนพรรคเพื่อไทย ทำหน้าที่ประคับประคอง เก้าอี้ นายกฯแพทองธาร ต้องการดูด สส.จากฝ่ายค้านเข้ามาเติมเสียงให้กับ “ฝ่ายรัฐบาล” เพื่อแก้ปัญหา “เสียงปริ่มน้ำ”
อย่างไรก็ดี โจทย์ข้อยากสำหรับ “รัฐบาลผสม” ที่ยังเหลือ พรรคร่วมรัฐบาลชุดเดิมเกาะกลุ่มกันอยู่เวลานี้ย่อมไม่ได้อยู่ที่ “จำนวนสส.” เท่านั้น แต่เป็นประเด็นที่เปราะบาง ที่เกิดขึ้นทั้งก่อนและหลังการปรับครม.จบลง เพราะอย่าลืมว่าในทุกการปรับครม. ย่อมมีคนที่ดีใจและพลาดหวัง จนก่อเป็น “แรงกระเพื่อม” ในรัฐบาลตามมา
นอกจากนี้รัฐบาล “อิ๊งค์ 2” ยังมีปัญหาเรื่อง “ความเชื่อมั่น” ที่ถดถอย แม้รัฐบาลจะประคับประคองรัฐนาวาไปได้ตลอดรอดฝั่งจนร่างพ.ร.บ.งบประมาณฯ 2569 ผ่านสภาฯ วาระที่ 3 ในปลายเดือนส.ค.ไปได้แล้วก็ตาม
ดังนั้นด้วยสถานการณ์เช่นนี้แม้ “รัฐบาล” จะมีเสียงมากกว่า “ฝ่ายค้าน” แต่ปรากฏว่าประชาชนกลับฝากความหวังเอาไว้ที่ ฝ่ายค้านได้มากกว่า และสำหรับพรรคสีส้ม อย่างพรรคประชาชน แล้วยังมีมิติในทางการเมืองที่ต้องจับตา
เนื่องจากเวลานี้ แม้พรรคส้มยังเรื่องร้อนๆที่ต้องลุ้น คือคดีอดีต44 สส.ก้าวไกล เคยเข้าชื่อร่วมกันเสนอแก้ไขมาตรา 112 โดยที่คำร้องอยู่ในมือคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) แต่ต้องยอมรับว่า “ความนิยม” ของฝ่ายค้านน่าจะมีมากกว่ารัฐบาลด้วยซ้ำ
วันนี้พรรคประชาชน ยังถูกจับตา ในฐานะที่มีแต้มต่อเหนือพรรคฝ่ายค้านพรรคอื่น ๆ แม้ด้านหนึ่งจะถูกวิจารณ์ว่า “ชกไม่เต็มหมัด” โดยเฉพาะประเด็นที่เกี่ยวกับ “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกฯ แต่ถึงกระนั้นยังดูเหมือนว่าพรรคประชาชนทำหน้าที่ ฝ่ายค้านตรวจสอบรัฐบาลมากกว่าฝ่ายค้านพรรคอื่นๆที่ผ่านมา
พรรคประชาชนจะมีราคามูลค่าหรือไม่ ย่อมประเมินได้จากที่ก่อนหน้านี้ มีการปล่อยข่าวก่อนที่พรรคเพื่อไทย จะเขี่ยภูมิใจไทยพ้นรัฐบาล พากันลือสะพัดว่าพรรคเพื่อไทยอาจจะดึงพรรคประชาชน เข้าร่วมรัฐบาล โดยไม่ง้อ พรรคสีน้ำเงิน จนต้องทำให้พรรคสีส้ม ต้องออกมาประกาศว่าไม่เป็นความจริง เพราะเพียงแค่ “ข่าวลือ” ก็ย่อมมีผลทำให้ “คะแนนนิยม” ของพรรคส้มเสียหาย
ณ ขณะนี้ พรรคฝ่ายค้าน ที่ประกอบด้วย พรรคประชาชน พรรคภูมิใจไทย พรรคพลังประชารัฐ และพรรคเป็นธรรม ส่วนพรรคไทยสร้างไทย ยังนับว่าเป็นพรรคที่มีความไม่ชัดเจนว่า จะอยู่หรือไปก็ตามทีนั้น อาจใช้โอกาสนี้ “ทำแต้ม” สร้างคะแนน ปรับโหมดเป็น “ฝ่ายค้าน” เชิงรุก รวบรัด เขย่ารัฐบาลในสภาฯ แม้อาจจะไม่ทำให้ นายกฯอิ๊งค์ ถูกเชือดกลางสภาฯ หรือต้องตัดสินใจประกาศยุบสภาฯ ลาออก ปิดเกมก็ตาม !!