ชัวร์ก่อนแชร์ KEYWORD : APP FATIGUE ใช้แอปมากมาย กลับกลายเป็นเหนื่อยเหลือเกิน
บทความนี้เรียบเรียงโดยเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์(Artificial Intelligence : AI)โดยมีเนื้อหาหลักจากคลิปวิดีโอ
13 กรกฎาคม 2568
สิ่งนี้…คือ ความรู้สึกเหนื่อยล้า หรือเบื่อหน่ายจากการที่เรามีแอปพลิเคชันใช้มากเกินไป และสิ่งนี้…กำลังกลายเป็นภาวะที่เราต้องรับมือทุกวัน โดยไม่รู้ตัว คือคำว่าอะไร ? มาร่วมไขคำตอบของคำปริศนากัน
ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์ ตรวจสอบกับ อาจารย์ ธาม เชื้อสถาปนศิริ อาจารย์ประจำสถาบันแห่งชาติเพื่อการพัฒนาเด็กและครอบครัว มหาวิทยาลัยมหิดล (สัมภาษณ์เมื่อ 1 กรกฎาคม 2568 )
เคยรู้สึกไหมว่า… แค่สลับแอปฯ ไปมาในมือถือก็เหนื่อยแล้ว ? เดี๋ยวเปิดยูทูป, แป๊บ ๆ ไปตอบไลน์, อีกสักพักเข้าแอปฯ ช้อปปิ้งออนไลน์, กลับมาทำงานต่อ… วนไปแบบนี้ทั้งวันจนสมองล้าไปหมด ถ้าคุณกำลังเป็นแบบนี้อยู่ คุณอาจจะกำลังเจอกับอาการที่เรียกว่า “App-Fatigue” (แอป-ฟาทีก) หรือ “ภาวะหมดแรงจากแอปพลิเคชัน” ก็ได้
App-Fatigue คืออะไร?
พูดง่าย ๆ ก็คืออาการเหนื่อยล้าทางสมอง ที่เกิดจากการใช้แอปพลิเคชันมากเกินไปและต่อเนื่องกันนาน ๆ สมองของเราต้องทำงานหนักเพื่อสลับไปมาระหว่างแอปต่าง ๆ ตลอดเวลา ทำให้เรารู้สึกเหนื่อยง่ายและเบื่อง่ายนั่นเอง
เช็กลิสต์อาการ App-Fatigue คุณเป็นแบบนี้หรือเปล่า ?
- เบื่อง่าย สมาธิสั้น : รู้สึกว่าจดจ่อกับแอปอะไรนาน ๆ ไม่ได้เลย ต้องคอยสลับแอปอยู่ตลอดเวลา
- เหนื่อยง่ายแบบไม่มีสาเหตุ : แค่คิดว่าจะต้องเปิดแอปไหนก่อนดีก็รู้สึกเหนื่อยแล้ว
- หมดไฟ ไม่อยากทำอะไร : รู้สึกสมองตื้อ คิดงานไม่ออก ไม่มีแรงบันดาลใจ
- วิตกกังวล : รู้สึกกระวนกระวายใจเมื่อไม่ได้เช็กมือถือ หรือกังวลกับข้อความที่ยังไม่ได้ตอบ
- รำคาญเสียงแจ้งเตือน : รู้สึกหงุดหงิดง่ายกับเสียง “ติ๊ง!” ที่ดังขึ้นมาขัดจังหวะตลอดเวลา
อาการเหนื่อยล้าจากแอปฯ แบ่งได้ 4 แบบหลัก ได้แก่
- เหนื่อยจากการใช้ความคิด : เช่น การใช้แอปทำงานที่ต้องคิดวิเคราะห์มาก ๆ
- เหนื่อยจากอารมณ์ : เช่น การดูยูทูบหรือซีรีส์ ที่ทำให้อารมณ์เราขึ้น ๆ ลง ๆ ตามเนื้อหา
- เหนื่อยจากความสัมพันธ์ : เช่น ความเครียดจากการตอบไลน์ ที่รู้สึกเหมือนถูกกดดันว่าต้องตอบตลอดเวลา
- เหนื่อยจากการแจ้งเตือน : ความรำคาญที่ถูกขัดจังหวะจากเสียงแจ้งเตือนสารพัดแอป
หากคุณเริ่มรู้สึกว่าตัวเองมีอาการเหล่านี้ ลองทำตามวิธีนี้
- โฟกัสทีละอย่าง : เวลาทำงาน ให้เปิดแค่แอปฯ ที่จำเป็นจริง ๆ
- ฝึกสมาธิ : ลองพยายามใช้แอปฯ ใดแอปฯ หนึ่งให้นานเกิน 15 นาที โดยไม่วอกแวกไปเปิดแอปฯ อื่น
- ปิดการแจ้งเตือน : ปิดเสียงแจ้งเตือนของแอปฯ ที่ไม่สำคัญจะได้ไม่มีอะไรมาขัดจังหวะ
- หาเวลาพักจากจอ : ลองวางมือถือลง แล้วไปทำกิจกรรมอื่นที่ไม่ต้องใช้แอปฯ บ้าง เช่น กินข้าว ออกกำลังกาย หรือนั่งมองดูธรรมชาติรอบตัว
เทคโนโลยีมีไว้เพื่อทำให้ชีวิตเราง่ายขึ้น แต่อย่ามาทำให้เราหมดแรงเสียก่อน ลองจัดการเวลาการใช้แอปให้ดี เพื่อให้เรามีความสุขและใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีได้อย่างเต็มที่
ตรวจสอบข้อเท็จจริงโดย : จิรัชยา นวลนิ่มน้อย และ จิราภา อ่อนเกลี้ยง
ตรวจสอบบทความโดย : ชยานิษฐ์ ผ่องใส