กนง.ลดดอกเบี้ยลงได้อีก เคยแตะ 0.50% ธปท.หารือคลังออกมาตรการดูแลซื้อขายทองคำ
วันที่ 13 ส.ค. นายสักกะภพ พันธ์ยานุกูล ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และในฐานะเลขานุการ คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) เปิดเผยว่า ในที่ประชุม กนง. ลดดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% สู่ระดับ 1.50% ต่อปี มีผลทันที และมองว่าดอกเบี้ยยังลดลงได้ เพราะดอกเบี้ยเคยต่ำสุด 0.50% แต่ดอกเบี้ยที่ต่ำ ประสิทธิผลการส่งผ่านไปธนาคารจะลดลงเรื่อยๆ
"ดอกเบี้ยที่แท้จริง ถ้าใช้เงินเฟ้อคาดการณ์ 1% กว่าๆ ดอกเบี้ยที่แท้จริงจะอยู่ที่ใกล้ 0% ถ้าดูนโยบายการเงินที่ผ่านมา เน้นย้ำกลุ่มที่ผ่อนคลาย แต่ครั้งนี้ผ่อนคลายเพิ่มเติมเพื่อบรรเทากลุ่มเปราะบาง และในส่วนเงินเฟ้อลดลงนั้นยังไม่เห็นสัญญาณเงินฝืด"
นอกจากนี้ในการประชุม กนง.ครั้งหน้า (8 ต.ค.68) จะมีปรับประมาณการเศรษฐกิจ และจะมีการปรับตัวเลขนักท่องเที่ยวลดลง ส่วนผลเงินเฟ้อที่ต่ำมีด้านอุปทานเป็นหลัก ไม่ได้คาดหวังเงินเฟ้อปรับเพิ่มเท่าไร ไม่ได้เป็นตัวปรับลดดอกเบี้ยไม่ได้
"เมื่อปรับลดลงผู้ฝากเงินดอกเบี้ยใกล้ศูนย์ คาดหวังปรับดอกเบี้ยนโยบาย ให้ธนาคารปรับลดดอกเบี้ยเงินกู้ลงด้วย"
นายสักกะภพ กล่าวว่า การลดดอกเบี้ย 3 ครั้งที่ผ่านมา (ต.ค.67, ก.พ.68, เม.ย.68) มีบางจังหวะที่ธนาคารได้ปรับลดลง ซึ่งการส่งผ่านนโยบายที่ผ่านมามี 43% ใกล้เคียงกับช่วงลดดอกเบี้ยโควิดที่ 40% โดยยอมรับว่าการประชุมครั้งก่อนหน้าการส่งผ่านน้อยกว่า 2 ครั้งแรก และคาดหวังในครั้งนี้การส่งผ่านจะมีมากขึ้น
"เชื่อว่าเรื่องการส่งผ่าน แบงก์จะช่วยเหลือลูกหนี้เปราะบางอยู่แล้ว โดยมีมาตรการแก้หนี้ ลดภาระหนี้กลุ่มเปราะบาง ซึ่งการลดดอกเบี้ยครั้งนี้จะช่วย โดยการส่งผ่านใช้เวลา 4 ไตรมาส"
ขณะที่เรื่องค่าเงินเป็นช่วงแข็งค่าตั้งแต่ต้นปี โดยเงินบาทแข็งค่าจากดอลลาร์อ่อนค่า และปัจจัยด้านราคาทองคำ โดยขณะนี้ ธปท.กำลังหารือกระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มีมาตรการอะไรที่มาดูแลซื้อขายทองคำ
ทั้งนี้ สิ่งที่ ธปท.ต้องทำคือ ดูแลค่าเงินบาทสอดคล้องกับปัจจัยพื้นฐาน ใช้เครื่องมือดูแลค่าเงิน ส่วนผลกระทบชายแดนไทย-กัมพูชา จะกระทบการค้าชายแดนซึ่งจะเป็นในไตรมาส 3 เป็นส่วนใหญ่ ขณะที่ผลด้านอื่นๆ รอติดตาม