นักท่องเที่ยวรุ่นแม่เดือดจัด คว้าหางม้าโจรสาววัยรุ่นหลังจับได้ว่าแอบล้วงกระเป๋า
ในวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ขณะที่นักท่องเที่ยวหญิงชาวอเมริกันรายหนึ่งกำลังเดินอยู่ในย่านซานตา มาเรีย เดล จิจลิโอของเมืองเวนิส เธอก็โดนมิจฉาชีพสาววัยรุ่นพยายามล้วงกระเป๋าเพื่อขโมยทรัพย์สิน แต่เธอไหวตัวทันและลงมือจัดการโจรสาวทันที
ในคลิปวิดีโอที่บันทึกเหตุการณ์ดังกล่าว เผยให้เห็นภาพนักท่องเที่ยวรุ่นแม่กำลังคว้าหางม้าของเด็กสาวอายุประมาณ 14 ปีไว้ ก่อนจะลากตัวเธอฝ่าฝูงชนไปตามถนน ขณะที่เด็กสาวผู้ก่อเหตุพยายามดิ้นรนและกรีดร้อง แต่ก็ไม่สามารถดึงผมหลุดจากมือของนักท่องเที่ยวหญิงซึ่งพูดว่า "แกขโมยกระเป๋าเงินที่มีพาสปอร์ตฉันไปด้วย แกไม่รอดแน่ ฉันไม่ปล่อยให้แกหนีไปหรอก"
สื่อท้องถิ่นรายงานว่า นักท่องเที่ยวสาวชาวอเมริกันจับเด็กสาวได้หลังจากที่เธอขโมยกระเป๋าที่อยู่ในเป้สะพาย ครอบครัวของผู้เสียหายเปิดแอปติดตามตำแหน่งแอร์พอดที่อยู่ในกระเป๋าใบนั้น ซึ่งทำให้พวกเขาตามทันกลุ่มโจรสาว
เมื่อไปถึงตัวผู้ต้องสงสัย นักท่องเที่ยวสาวก็เข้าไปคว้าหางม้าของเด็กสาวไว้แน่น ในระหว่างนั้น เด็กสาวอีกคนซึ่งเชื่อว่าเป็นผู้สมรู้ร่วมคิด ได้ข่มขู่ว่าจะเรียกตำรวจในข้อหาทำร้ายร่างกาย แต่นักท่องเที่ยวสาวตอบกลับไปว่า "งั้นก็เรียกตำรวจมาเลยสิ บางทีฉันอาจจะได้พาสปอร์ตคืน"
หลังจากนั้น มีคนโทรศัพท์แจ้งตำรวจ เมื่อโจรสาวรู้ว่าตำรวจกำลังมา เธอจึงใช้กระเป๋าสะพายฟาดเข้าที่ศีรษะของนักท่องเที่ยวสาวหลายครั้ง และเนื่องจากในกระเป๋ามีกระบอกน้ำโลหะที่ขโมยมาจึงทำให้เกิดบาดแผลฉกรรจ์ที่ด้านข้างศีรษะของผู้เสียหาย
เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจมาถึง โจรสาวทั้งสองพยายามขัดขืนการจับกุม แต่ก็ถูกควบคุมตัวและนำส่งสถานีตำรวจในพื้นที่เพื่อดำเนินคดีในข้อหาลักทรัพย์ ขณะที่นักท่องเที่ยวสาวได้รับการปฐมพยาบาลบาดแผลที่ศีรษะ
อย่างไรก็ตาม วัยรุ่นทั้งสองได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวในเวลาต่อมาและมีรายงานว่าพบเห็นพวกเธอเดินปะปนกับกลุ่มนักท่องเที่ยวอีกครั้งในอีกสองวันถัดจากนั้น
หลังจากที่ลูกสาวของผู้เสียหายได้โพสต์คลิปวิดีโอเหตุการณ์ดังกล่าวบนติ๊กต็อกก็กลายเป็นไวรัลบนโซเชียลมีเดีย พร้อมยอดเข้าชมไม่ต่ำกว่า 2.5 ล้านครั้ง ผู้คนส่วนใหญ่ชื่นชมการกระทำของนักท่องเที่ยวสาวชาวอเมริกันที่ต่อสู้กับกลุ่มมิจฉาชีพ ซึ่งสร้างความเดือดร้อนให้เมืองท่องเที่ยวแห่งนี้อย่างมาก
เธอยังเล่าความคืบหน้าว่า ความจริงแล้ว แก๊งโจรสาวมีทั้งหมด 3 คน ขณะเกิดเหตุนั้น โจรคนที่ 3 หลบหนีไปได้ แต่ก็โดนจับหลังจากนั้นไม่นานขณะขึ้นรถไฟไปยังสนามบิน นักท่องเที่ยวและลูกสาวได้หนังสือเดินทางและบัตรเครดิตคืน มีเพียงเงินสดและแอร์พอดที่หายไป
ด้านรองผู้บังคับการตำรวจท้องถิ่น จิอานนิ ฟรานโซอิ ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว Secolo d'Italia ว่า "ตอนนี้มีโจรล้วงกระเป๋าผู้หญิงมากขึ้น ซึ่งถูกดึงดูดเข้ามาในเมืองด้วยช่องโหว่ทางกฎหมาย"
เขากล่าวต่อว่า กฎหมายของอิตาลีมีข้อกำหนดว่า เมื่อเกิดคดีขึ้น นอกเหนือจากการร้องเรียนอย่างเป็นทางการแล้ว ผู้เสียหายยังจะต้องเดินทางมาขึ้นศาลด้วย ซึ่งหมายความว่าเพื่อที่จะตัดสินลงโทษผู้กระทำความผิด เหยื่อของการลักทรัพย์จะต้องมาขึ้นศาลด้วยตัวเอง แต่เนื่องจากเหยื่อส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติ พวกเขาส่วนใหญ่จึงไม่สามารถรอจนเข้าร่วมการพิจารณาคดีได้
"ดังนั้นจึงไม่มีการพิจารณาคดีและไม่มีการตัดสินลงโทษ" เขากล่าว
อุปสรรคอีกอย่างหนึ่งในการตัดสินลงโทษคือเรื่องอายุของผู้กระทำความผิด ตามกฎหมายของอิตาลี ผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 14 ปีจะไม่ต้องรับผิดทางอาญา ทำให้แก๊งอาชญากรรมมุ่งเป้าไปที่การดึงตัวเด็กและเยาวชนมาทำงานให้ โดยพวกเขาเป็นที่รู้จักในชื่อ 'baby borseggiatori' หรือโจรเด็กนักล้วงกระเป๋า
ลุยจิ บรูก์นาโร นายกเทศมนตรีเมืองเวนิสพยายามเรียกร้องให้มีการแก้ไขกฎหมาย เพื่อให้ตำรวจและศาลมีอำนาจจัดการปัญหานี้
"เราไม่อาจยอมรับว่าการก่ออาชญากรรมเป็นเรื่องปกติ ซึ่งสร้างความเสียหายต่อชีวิตผู้คนและภาพลักษณ์ของเมือง" นายกเทศมนตรีบรูก์นาโรกล่าวเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว "เราต้องการมาตรการแก้ไขอย่างเร่งด่วน รัฐบาลต้องรับฟังชุมชนท้องถิ่นและรับประกันความปลอดภัยของตัวเมือง"
ที่มา : mirror.co.uk, news.com.au
เครดิตภาพ : TikTok / karismcelroy