สธ.ฉีดวัคซีน HPV ฟรี แก่นักศึกษา 24 มหาวิทยาลัยนำร่อง
ทำเนียบ 17 ก.ค.-รัฐบาล ตั้งเป้ายกระดับสุขภาพสตรีไทย ลดอัตราการเจ็บป่วยและเสียชีวิตจากมะเร็งปากมดลูกขยายบริการฉีดวัคซีน HPV ฟรี แก่นักศึกษา 24 มหาวิทยาลัยนำร่อง
นางสาวศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลมุ่งมั่นยกระดับสุขภาพสตรีไทย ลดอัตราการเจ็บป่วยและเสียชีวิตจากมะเร็งปากมดลูก โดย กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เตรียมขยายบริการฉีดวัคซีนป้องกันการติดเชื้อเอชพีวี (HPV) ฟรีให้กับนักศึกษาหญิงในระดับมหาวิทยาลัยนำร่อง 24 แห่งทั่วประเทศ
โดยโครงการนี้เป็นการต่อยอดนโยบายการฉีดวัคซีน HPV สำหรับเด็กหญิงอายุ 11-12 ปี หรือนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ซึ่งดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง แม้จะมีการขยายกลุ่มเป้าหมายเป็น 11-20 ปี แต่พบว่ายังมีนักศึกษาหญิงในระดับอุดมศึกษาบางส่วนที่ยังไม่ได้รับวัคซีน สธ. จึงได้ริเริ่มโครงการนำร่องนี้ เพื่อเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงวัคซีนสำหรับกลุ่มนักศึกษาหญิงอายุ 20-26 ปี ที่ยังไม่เคยได้รับวัคซีน HPV มาก่อน โดยจะเก็บข้อมูลในพื้นที่นำร่อง ก่อนขยายผลครอบคลุมมหาวิทยาลัยอื่น ๆ ต่อไป
สำหรับวัคซีน HPV ที่ให้บริการในโครงการนี้เป็นชนิด 9 สายพันธุ์ เพียง 1 เข็ม ซึ่งจากการศึกษาพบว่าสามารถสร้างภูมิคุ้มกันระยะยาวได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากจะเป็นการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันเพื่อป้องกันมะเร็งปากมดลูกแล้ว ยังเป็นการเปิดโอกาสสำหรับผู้ที่พลาดการฉีดวัคซีนในกลุ่มเป้าหมายแรกเริ่มอีกด้วย
โดยมหาวิทยาลัยนำร่อง 24 แห่ง ได้แก่ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์, มหาวิทยาลัยขอนแก่น, มหาวิทยาลัยเชียงใหม่, มหาวิทยาลัยทักษิณ, มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี, มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ, มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี, มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, มหาวิทยาลัยบูรพา, มหาวิทยาลัยพะเยา, มหาวิทยาลัยมหิดล, มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง, มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์, มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ, มหาวิทยาลัยศิลปากร, มหาวิทยาลัยสวนดุสิต, มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์, สถาบันดนตรีกัลยาณิวัฒนา, สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง, มหาวิทยาลัยแม่โจ้, สถาบันเทคโนโลยีจิตรลดา, สถาบันการพยาบาลศรีสวรินทิรา สภากาชาดไทย และสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์
“รัฐบาลขอเชิญชวนนักศึกษาหญิง เข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันการติดเชื้อเอชพีวี (HPV) เพื่อสร้างเสริมภูมิคุ้มกันต่อเชื้อไวรัส HPV โดยพร้อมเพรียงกัน เพื่อลดการเจ็บป่วยและเสียชีวิตด้วยมะเร็งปากมดลูกในหญิงไทย” นางสาวศศิกานต์กล่าว.-316.-สำนักข่าวไทย