ศบ.ทก.ยัน หากตรวจพบ "กัมพูชา" วางทุ่นระเบิดใหม่-รุกล้ำอธิปไตยไทย พร้อมตอบโต้!
วันที่ 18 กรกฎาคม 2568 พล.ร.ต.สุรสันต์ คงสิริ รองโฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย และ นางมาระตี นะลิตา อันดาโม รองอธิบดีกรมสารนิเทศ และรองโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงผลการประชุมศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ( ศบ.ทก.)
พล.ร.ต.สุรสันต์ กล่าวว่า จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม 68 โดยพลทหารไทยทั้ง 3 นาย ที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์เหยียบกับระเบิดในพื้นที่ช่องบก อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี พลทหารทั้ง 3 นาย มีอาการดีขึ้น มีขวัญกำลังใจดีเยี่ยม ได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิดจากคณะแพทย์ เป็นไปตามมาตรฐานและทันท่วงที ขณะนี้อาการทหารทั้ง 3 นายอยู่ในเกณฑ์ที่ปลอดภัย สำหรับพลทหารที่เหยียบกับระเบิดจนทำให้ขาด้านซ้ายขาด กองทัพภาคที่ 2 ได้มีมาตรการในการช่วยเหลือสวัสดิการให้กับกำลังพลอย่างเต็มที่
โดยมีการปูนบำเหน็จเลื่อนขั้นจากพลทหารเป็นสิบเอก หลังจากรักษาตัวเสร็จด้วยเหตุสูญเสียจากการรบ นอกจากนี้ได้รับบำเหน็จเดือนละ 15,600 บ. หากรวมเงินรายเดือนจากหน่วยงานต่าง ๆ คาดว่าจะได้รับเงินจำนวนถึง 29,800 บาทต่อเดือน
นอกจากนี้ ยังได้รับเงินก้อนจากหน่วยงานองค์กรต่าง ๆ รวมทั้งสิ้นประมาณ 1 ล้านบาทเศษด้วยเช่นเดียวกัน ซึ่งทางราชการเล็งเห็นถึงคุณประโยชน์ที่กำลังพลได้ปฏิบัติช่วยเหลือทางราชการ มองเห็นเรื่องการบรรจุทายาททดแทนโดยพี่สาวเข้าเป็นกำลังพล หากมีความเหมาะสมที่จะรับราชการ เราก็จะมีการพิจารณาเป็นกรณีพิเศษด้วยเช่นกัน
นอกจากนี้ยังได้รับเหรียญพิทักษ์เสรีชนประเภท 2 ชั้น 1 และบัตรทหารผ่านศึกชั้นที่ 3 ที่จะช่วยเหลือในเรื่องของลดค่าน้ำ ค่าไฟ และค่าเดินทางตลอดชีวิตของกำลังพล
สำหรับรายละเอียดกับทุ่นระเบิด กองทัพบก ส่งหน่วยปฏิบัติการทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรมเข้าไปในพื้นที่เกิดเหตุเพื่อเก็บหลักฐานนำมาวิเคราะห์โดยผู้เชี่ยวชาญด้านวัตถุระเบิดอย่างละเอียด ซึ่งคาดการณ์ว่าจะใช้เวลา 2-3 วัน เพื่อให้ได้ข้อมูลข้อเท็จจริงที่ชัดเจนในเรื่องของชนิดและห้วงเวลาที่มีการวางทุ่นระเบิดว่า จะเป็นการวางทุ่นระเบิดขึ้นมาใหม่หรือเป็นของเดิม
ซึ่งหากเป็นการวางทุ่นระเบิดใหม่ ถือว่า เป็นการละเมิดต่ออนุสัญญา ออตตาวา ว่าด้วย การห้ามใช้และเก็บสะสมทุ่นระเบิดสังหารบุคคล เพราะไทยและกัมพูชาเองนั้นเป็นประเทศภาคีในอนุสัญญาดังกล่าวตั้งแต่ปี พ.ศ. 2542 ขอเน้นย้ำว่า รัฐบาลไทยหากมีการตรวจพบว่า เป็นทุ่นระเบิดที่มีการวางใหม่ ฝ่ายไทยจะไม่เพิกเฉย นอกจากนั้นหากมีการพบว่า มีการรุกล้ำอธิปไตยของไทยเอง ทางเราจะมีการดำเนินการโต้ตอบอย่างชัดเจนแน่นอน
ขอเน้นย้ำว่า อยากจะให้ประชาชนเชื่อมั่นว่า เราไม่ได้นิ่งนอนใจถึงสถานการณ์ดังกล่าวที่เกิดขึ้น ทางฝ่ายไทยยึดมั่นในการใช้ข้อเท็จจริงซึ่งเป็นหลักการที่เรายึดมั่นมาโดยตลอด ในการยึดถือปฏิบัติเป็นตามหลักสากลโดยข้อมูลต่าง ๆ เหล่านี้จะนำไปสู่การปฏิบัติของฝ่ายไทยต่อไป