โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ธุรกิจ-เศรษฐกิจ

ค่าเงินบาท อ่อน-แข็ง ใครได้ ใครเสีย ? ผันผวนทั้งสัปดาห์ สะเทือนกระเป๋าทั้งผู้ซื้อและผู้ขาย

Thairath Money

อัพเดต 5 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 5 ชั่วโมงที่ผ่านมา
ภาพไฮไลต์

หลายคนอาจคุ้นหูกับคำว่า “เงินบาทแข็ง” หรือ “เงินบาทอ่อน” แต่รู้ไหมว่า ความเปลี่ยนแปลงเล็ก ๆ นี้ ส่งผลโดยตรงกับทั้งค่าครองชีพ การเดินทาง และกระเป๋าสตางค์ของเรามากกว่าที่คิด

ค่าเงินนั้นเปรียบเสมือน “อำนาจซื้อ” ตัวอย่างคือ เมื่อเงินบาทแข็งค่า หมายความว่า คนไทยจะใช้เงินบาทน้อยลงในการแลกเงินต่างประเทศ ส่งผลดีต่อผู้นำเข้าและคนที่วางแผนจะไปเที่ยวหรือซื้อของจากต่างประเทศ

เช่น เมื่อวานเงิน 30 บาท สามารถแลกได้ 1 ดอลลาร์ แต่วันนี้ 28 บาท สามารถแลกได้ 1 ดอลลาร์ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าหากเงินบาทแข็ง เราจะมีอำนาจซื้อด้วยสกุลเงินดอลลาร์ได้มากขึ้น

ในขณะที่เงินบาทอ่อนค่า หมายถึง เมื่อวาน 30 บาท แลกได้ 1 ดอลลาร์ แต่วันนี้อัตราแลกเปลี่ยนถูกปรับให้ค่าเงินเป็น 32 บาท แลกได้ 1 ดอลลาร์

หรือก็คือ เราต้องใช้เงินบาทมากขึ้นในการแลกเงินต่างประเทศ ทำให้ต้นทุนนำเข้าสูงขึ้น ราคาสินค้านำเข้าอาจปรับตัวขึ้น แต่ผู้ส่งออกจะได้เปรียบเพราะได้เงินต่างประเทศกลับมาแลกเป็นเงินบาทได้มากขึ้น

ค่าเงินแบบนี้ ใครได้ ใครเสีย?

เงินแต่ละสกุลมีลักษณะเหมือนสินค้าที่ราคาขึ้นลงจากกลไกตลาด หรือกำหนดจากอุปสงค์และอุปทานเงินตราของแต่ละประเทศ ซึ่งการที่ค่าเงินแข็ง/อ่อนนั้น มีทั้งคนที่ได้และเสียผลประโยชน์อยู่ด้วยกัน เช่น

เมื่อเงินบาทแข็งค่า

คนที่ได้ประโยชน์ คือ

  • ผู้นำเข้าสินค้าจากต่างประเทศ

จ่ายเงินเท่าเดิม ได้ของเพิ่มขึ้น หรือนำเข้าสินค้าเท่าเดิมในราคาที่ถูกลง

  • คนไทยที่ไปต่างประเทศ

นักท่องเที่ยวหรือนักศึกษาชาวไทยที่ถือเงินสกุลบาท จะสามารถแลกเงินได้มากขึ้น

  • บุคคลทั่วไป

ได้ซื้อสินค้านำเข้าในราคาที่ถูกลงเนื่องจากต้นทุนต่ำ

คนที่เสียผลประโยชน์ คือ

  • ผู้ส่งออก

ส่งของออกต่างประเทศในปริมาณเท่าเดิม แต่แลกเป็นเงินบาทได้น้อยลง

  • คนไทยที่ทำงานอยู่ต่างประเทศ

เอาค่าจ้างแลกเป็นเงินบาทได้น้อยลง

ในทางกลับกัน เมื่อเงินบาทอ่อนค่า

ผู้ที่ได้ประโยชน์ คือ

  • ผู้ส่งออก

ส่งของออกด้วยปริมาณเท่าเดิม แต่แลกกลับมาเป็นเงินบาทได้มากขึ้น

  • คนไทยที่ทำงานอยู่ต่างประเทศ

เอาค่าจ้างแลกเป็นเงินบาทได้มากขึ้น

ผู้ที่เสียผลประโยชน์ คือ

  • ผู้นำเข้าสินค้าจากต่างประเทศ

จ่ายเงินเท่าเดิม ได้ของน้อยลง หรือนำเข้าสินค้าในราคาแพงขึ้น

  • คนไทยที่ไปต่างประเทศ

นักท่องเที่ยวหรือนักศึกษาชาวไทยที่ถือเงินสกุลบาท จะสามารถแลกเงินได้น้อยลง

  • บุคคลทั่วไป

ได้ซื้อสินค้านำเข้าในราคาที่แพงขึ้นเนื่องจากการนำเข้าแพง

ทั้งหมดนี้สะท้อนให้เห็นว่า ความผันผวนของค่าเงินบาทส่งผลโดยตรงต่อเศรษฐกิจและการเงินของคนไทย ทั้งในแง่โอกาสและความเสี่ยง

ดังนั้นเราจึงต้องจับตาและรู้ทิศทางของค่าเงินเพื่อให้ปรับตัวตามทันสถานการณ์เศรษฐกิจโลก เพื่อวางแผนการเงินของตัวเองให้มั่นคง

สถานการณ์ค่าเงินบาทในปัจจุบัน

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยเผยว่า ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ค่าเงินบาทมีความผันผวนท่ามกลางความไม่แน่นอนของสถานการณ์เศรษฐกิจโลก ส่งผลให้เงินบาทอ่อนค่าลงแตะระดับ 33.05 บาทต่อดอลลาร์ฯ ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 1 เดือน สวนทางกับค่าเงินดอลลาร์ฯ ที่แข็งค่าขึ้นจากความตึงเครียดระหว่างอิสราเอลและอิหร่าน

โดยมีการคาดว่าในสัปดาห์นี้ (30 มิ.ย. - 4 ก.ค.) กรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทที่ 32.30-33.00 บาทต่อดอลลาร์ โดยมีรายงานเศรษฐกิจและการเงินเดือนพ.ค. ของไทย, ปัจจัยการเมืองในประเทศ, ฟันด์โฟลว์ของต่างชาติ, ทิศทางราคาทองคำในตลาดโลก รวมไปถึงการเจรจาเรื่องนโยบายภาษีกับทรัมป์ และสถานการณ์ระหว่างอิสราเอลและอิหร่าน ที่ต้องจับตามองว่าจะส่งผลอย่างไรกับค่าเงินบาทในอนาคต

ที่มา : ศูนย์วิจัยกสิกรไทย, ธนาคารแห่งประเทศไทย

อ่านข่าวการเงินส่วนบุคคล และการวางแผนการเงิน กับ Thairath Money เพื่อให้คุณ "การเงินดีชีวิตดีได้ที่ https://www.thairath.co.th/money/personal_finance

ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ https://www.facebook.com/ThairathMoney

อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : ค่าเงินบาท อ่อน-แข็ง ใครได้ ใครเสีย ? ผันผวนทั้งสัปดาห์ สะเทือนกระเป๋าทั้งผู้ซื้อและผู้ขาย

ข่าวอื่นที่เกี่ยวข้อง

ตามข่าวก่อนใครได้ที่
- Website : Thairath Money
- LINE Official : Thairath

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก Thairath Money

เปิดสูตรทำเงินฉบับ Jeff Bezos สู่การปั้นอาณาจักร Amazon จนมีเงินไหลเข้ากระเป๋าวันละหลายล้าน

57 นาทีที่แล้ว

ชาวอเมริกัน ค่าครองชีพพุ่ง! 54% ไม่มีเงินออมฉุกเฉิน เพราะรายจ่ายมากกว่ารายได้

2 ชั่วโมงที่ผ่านมา

ทำไม Google จ่าย 3.2 พันล้าน แลกหุ้นใน Gentle Monster? เมื่อแว่นตาอัจฉริยะ ต้องไม่ใช่แค่ “แกดเจ็ต”

4 ชั่วโมงที่ผ่านมา

บอร์ดบริหาร Nvidia เทขายหุ้นพันล้าน “ทำกำไร” สบโอกาสช่วงหุ้นวิ่งแรง ทำจุดสูงสุดใหม่

4 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความธุรกิจ-เศรษฐกิจอื่น ๆ

ค่าเงินบาทปิดตลาดวันที่ 30มิ.ย.ที่ระดับ 32.48 บาทต่อดอลลาร์

ฐานเศรษฐกิจ

กลุ่มเซ็นทรัล ชวนมาชอป ชิม แชร์ กับ ‘จริงใจ มาหา…นคร’ มหกรรมของดีจากชุมชนทั่วไทย 9–13 กรกฎาคมนี้ ที่เซ็นทรัลเวิลด์

BTimes

บ้านปูรุกลงทุน ‘โครงการแบตเตอรี่’ ออสเตรเลีย กำลังผลิต 350 เมกะวัตต์

ประชาชาติธุรกิจ

แนวโน้มธุรกิจดีลเลอร์รถยนต์ไทยจ่อหดตัว 5.6% จำนวนดีลเลอร์ลดมากกว่า 2.3% หลังยอดขายรถยนต์ในประเทศคาดลดเหลือ 565,000 คัน จากกำลังซื้อวูบ

BTimes

GWM ยืนยันจุดยืนผู้นำ NEV ในอาเซียน บนเวที International NEV Summit 2025 ประกาศพลิกเกมขับเคลื่อนสู่อนาคตด้วยเทคโนโลยี Hi-4 ตอบโจทย์ทุกกลุ่ม

BTimes

เปิดสูตรทำเงินฉบับ Jeff Bezos สู่การปั้นอาณาจักร Amazon จนมีเงินไหลเข้ากระเป๋าวันละหลายล้าน

Thairath Money

กรมทรัพย์สินฯ นำระบบ GI SMARTTRACE ตรวจสอบย้อนกลับสินค้า GI ทุเรียนนนท์

เดลินิวส์

อะเมซอน เว็บ เซอร์วิสเซส เปิดตัวศูนย์นวัตกรรมแห่งใหม่ในสิงคโปร์ มุ่งขับเคลื่อนเทคโนโลยีคลาวด์และ AI ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก

BTimes

ข่าวและบทความยอดนิยม

ดูเพิ่ม
Loading...