GULF ปิดดีลยักษ์! ฮุบ Pak Lay 100% ดันพลังงานสะอาดพุ่ง โบรกชี้กำไรแกร่ง ลุ้นต้าน 56.50 บาท
ความเคลื่อนไหวของราคาหุ้น"บริษัท กัลฟ์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF" เปิดการซื้อขายในช่วงเช้าวันนี้ (23 ก.ค.68)บวกสดใส ล่าสุด เวลา 11.13 น. ราคาแตะที่ระดับ 45.50 บาท เพิ่มขึ้น 2.25 บาท คิดเป็น +5.20% มูลค่าการซื้อขาย 985.07 ล้านบาท โดยราคาขึ้นไปสูงสุด 45.50 บาท และลดลงต่ำสุด 44.00 บาท
นางสาวยุพาพิน วังวิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน บริษัท กัลฟ์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF รายงานตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ว่าตามที่บริษัทฯได้มีการลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำ Pak Lay ขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง 770 เมกะวัตต์ (MW) ตั้งอยู่บนแม่น้ำโขง เมืองปากลาย แขวงไซยะบุรี สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) ภายใต้บริษัท Pak Lay Power Company Limited ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนที่บริษัทฯถือหุ้นในสัดส่วน 40% และ Sinohydro (Hong Kong) Holding Limited (SHK) ถือหุ้น 60%
โดยโครงการดังกล่าวได้ลงนามในสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (Power Purchase Agreement) กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เป็นระยะเวลา 29 ปี เพื่อจำหน่ายไฟฟ้าทั้งหมดให้แก่ กฟผ. เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และมีกำหนดเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ในปี 2575 นั้น
บริษัทฯขอแจ้งให้ตลาดหลักทรัพย์ฯทราบว่า เมื่อวันที่ 22 ก.ค.68 Gulf Hydropower Holdings Private Limited ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่บริษัทฯ ถือหุ้นทางอ้อมในสัดส่วน 100% ได้เข้าซื้อหุ้นในสัดส่วน 60% ใน Pak Lay Power Company Limited จาก SHK คิดเป็นมูลค่าเงินลงทุนรวมทั้งสิ้นประมาณ 128 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
โดยเป็นการเข้าซื้อทั้งส่วนของทุนและเงินกู้ยืมจากผู้ถือหุ้น ส่งผลให้บริษัทฯมีสัดส่วนการถือหุ้นในโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำ Pak Lay ทั้งทางตรงและทางอ้อมรวมทั้งสิ้น 100%
การเข้าลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำดังกล่าว เป็นไปตามกลยุทธ์ของบริษัทฯในการเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และมุ่งสู่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emissions)
โดยโครงการ Pak Lay เป็นโรงไฟฟ้าพลังน้ำแบบน้ำไหลผ่านตลอดปี (Run-of-the-River) ที่ไม่มีการกักเก็บน้ำในรูปแบบของเขื่อนประเภทอ่างเก็บน้ำ (Reservoir) และไม่มีการเบี่ยงน้ำออกจากแม่น้ำโขง แต่ใช้การไหลของน้ำตามธรรมชาติในการผลิตไฟฟ้า โดยที่ปริมาณน้ำไหลเข้าเท่ากับปริมาณน้ำไหลออก ดังนั้น จึงไม่ส่งผลกระทบต่อปริมาณน้ำในแม่น้ำโขง ซึ่งสอดคล้องกับแนวทางของบริษัทฯที่มุ่งเน้นการพัฒนาอย่างยั่งยืนและรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมในระยะยาว
เชียร์ซื้อ อนาคตแกร่ง
ฝ่ายวิจัย บล.กรุงศรี ระบุว่า GULF ประกาศดีล M&A ที่ 5 และ 6 ได้แก่ เข้าถือหุ้นโครงการ Pak ley เพิ่มเติมอีก 60% โดยเป็นการเข้าซื้อทั้งทุนและเงินกู้จาก Sinohydro Hongkong บนมูลค่าราว 4,100 ล้านบาท รวมถึง เข้าถือโรงไฟฟ้า Biomass จาก WTX เพิ่มเติมอีก 5 Equity เมกะวัตต์ บนมูลค่า 93 ล้านบาท
โดยมอง Positive ต่อ GULF เนื่องจากเป็นการเพิ่ม Equity MW ขนาดใหญ่ให้แก่ GULF ต่อจากดีล GUNKUL และ Blue Circle ซึ่งดีลนี้จะเพิ่มกำลังการผลิตรวมให้แก่ GULF อีก 462 Equity MW
คาดเป็นกำไรส่วนเพิ่มระยะยาวในปี 2032 ให้แก่ GULF อีก 3,500 ล้านบาท และเป็น Upside บนราคาเป้าหมายอีก 0.30 บาทต่อหุ้น และจะทำให้เปลี่ยนรูปแบบจากการถือจาก JV เป็น Consolidate เข้างบการเงินรวม
ดังนั้นคงคำแนะนำ "ซื้อ" บนราคาเป้าหมายปี 68 เดิม 56.50 บาท ปัจจุบันมีดีลที่เป็น Upside แก่ราคาเป้าหมาย และประมาณการของฝ่ายวิเคราะห์ ได้แก่ GUNKUL 230 Equity เมกะวัตต์, Blue Circle 218 Equity เมกะวัตต์, Pak Ley 462 Equity เมกะวัตต์ และ โรงไฟฟ้า Biomass ทั้งหมด 50 Equity เมกะวัตต์
ลุ้นต้านใหญ่
ฝ่ายวิเคราะห์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) ระบุว่า GULF หุ้น Pick of the day ปรับตัวขึ้นมาแล้ว 3.4% เทียบ High ในวันนี้ โดยมองแรงหนุนมาจาก Sentiment ของตลาดที่ดีขึ้น ท่ามกลางความคาดหวังว่าไทยจะสามารถบรรลุการเจรจาการค้ากับสหรัฐฯ หลังล่าสุดญี่ปุ่นบรรลุดีลไปเมื่อเช้าที่ผ่านมา ส่งผลให้เกิดแรงเก็งกำไรใน SET Index โดยเฉพาะหุ้นขนาดใหญ่ ทั้งนี้ มองเป้าหมายถัดไปที่ 46.50 บาท และ 48 บาทตามลำดับ