"เมย์แบงก์" คาดกำไรบจ. โค้ง2 ปีนี้ ทำได้ 1.87 แสนลบ. หดตัว 1%
เมย์แบงก์ ประเมินกำไร บจ. (ไมรวม PF&REIT) งวดไตรมาส2 ทำได้รวม 1.87 แสนล้านบาท ลดลง 1% ทั้ง QoQ และ YoY สะท้อนราคาหุ้นลงเกินปัจจัยพื้นฐาน แต่ยังแนะนำเก็งกำไรหุ้นที่มีแนวโน้มเติบโตดี สวนทางราคาปรับลง เชียร์ CHG, CKP, SCGP, OSP ขณะที่หุ้นกลุ่มอาหาร-ICT-ไฟแนนซ์-ท่องเที่ยว เติบโตโดดเด่นในงวดนี้
บทวิเคราะหลักทรัพย์ จาก บล.เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า ไตรมาส 2/68 คาดกำไรบริษัทจดทะเบียนใน SET Index (ไม่รวม PF&REIT) เฉพาะหุ้นที่มีคาดการณ์โดย Bloomberg Consensus หรือคิดเป็น 69% ของมาร์เก็ตแคป ทำกำไรสุทธิรวม 1.87 แสนล้านบาท หดตัวเล็กน้อย -1% เทียบไตรมาสก่อนหน้า (QoQ) และ -1% เทียบช่วงเดียวกันปีก่อน (YoY) และหากไม่รวมกำไรกลุ่มธนาคาร (SET กลุ่ม Bank) กำไรสุทธิอยู่ที่ 1.21 แสนล้านบาท หดตัว -1% QoQ และ -4% YoY
กลุ่มอาหาร-ICT-ไฟแนนซ์-ท่องเที่ยว โดดเด่น
สำหรับกลุ่มที่กำไรไตรมาส 2/68 เติบโตได้ทั้ง QoQ และ YoY คือ กลุ่มอาหาร (จาก CPF BTG TFG ได้ประโยชน์ราคาหมู ยืนระดับสูงและต้นทุนอาหารสัตว์ที่ลดลง)
กลุ่ม ICT (จาก ADVANC ที่รายได้บริการเพิ่มขึ้น และค่าใช้จ่าย SG&A ค่าเสื่อมฯ และต้นทุนทางการการเงินที่ลดลง) กลุ่มไฟแนนซ์ (TIDLOR MTC KTC จาก NII ที่เพิ่มขึ้นและคุณภาพสินทรัพย์ยังบริหารจัดการได้)
กลุ่มท่องเที่ยว (จาก MINT ที่เป็นช่วง High Season ยุโรป แต่กลุ่มโรงแรมไทย ERW CENTEL คาดกำไรหดตัว)
ส่วน กลุ่มวัสดุก่อสร้าง (SCC จากธุรกิจหลักกำไรฟื้นตัว) กลุ่มบรรจุภัณฑ์ (SCGP จากการใช้กำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นและขาดทุนลดลงของ Fajar) และกลุ่มโรงกลั่น (TOP ฟื้นตัวตามทิศทางค่าการกลั่น) กำไรไตรมาส 2/68 ฟื้นตัวเฉพาะ QoQ
และกลุ่มที่ กำไรไตรมาส 2/68 ฟื้นตัวเฉพาะ YoY คือ กลุ่มค้าปลีก (จากกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค CPALL และกลุ่มมือถือ COM7) กลุ่มธนาคาร (จากกำไรจากเงินลงทุนและตั้งสำรองที่ลดลง) กลุ่มโรงพยาบาล (จาก BDMS และ PR9 ที่กำไรฟื้นตัวจากผู้ป่วยต่างชาติ)
ขนส่ง - ปิโตร กำไรหดตัวทั้ง QoQ และ YoY
สำหรับ กลุ่มที่กำไรลดลงทั้ง QoQ และ YoY คือ กลุ่มขนส่ง (จาก AOT BA AAV ตามจำนวนนักท่องเที่ยวที่ชะลอลง) กลุ่มอิเล็คทรอนิกส์ (กดดันจากประสิทธิภาพการทำกำไรที่ลดลงจากค่าเงินบาทที่แข็งค่า) กลุ่มปิโตรฯ (จาก PTTGC ขาดทุนสต๊อคน้ำมันรวม NRV และ Sprad ปิโตรฯ ที่ยังอยู่ระดับต่ำ)
แนะเก็งกำไรหุ้นงบ Q2/68 กำไรเติบโตดี สวนทางราคา
อย่างไรก็ดี แม้ว่ากำไรไตรมาส 2/68 มีแนวโน้มหดตัว แต่ SET Index ตั้งแต่ต้นปีปรับลง -14% ซื้อขายบน PER68E ที่ 13.4 เท่าต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 10 ปี -1.3 S.D. และ PBV 1.15x ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 10 ปีกว่า -2 S.D. สะท้อนราคาหุ้นลงเกินปัจจัยพื้นฐานไปมาก เชิงกลยุทธ์แนะนำเก็งกำไรหุ้นที่งบไตรมาส 2/68 มีแนวโน้มเติบโตดี สวนทางราคาปรับลง ได้แก่
- CHG (เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 2.20 บาท) เราคาดกำไรไตรมาส 2/68 +21%YoY, +3%QoQ หนุนจากรายได้ที่เติบโตหลายแหล่ง อาทิ ลูกค้าเงินสด, ลูกค้าต่างประเทศ และ ลูกค้าประกันสังคม ส่งผลให้เกิดการประหยัดต่อขนาด GPM +620 bps YoY, +10 bps QoQ
- CKP (เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 3.70 บาท) Bloomberg Consensus คาดกำไรฟื้นตัว YoY และ QoQ จากปริมาณการขายที่เพิ่มขึ้นของเขื่อนในประเทศลาว ตามการเปลี่ยนผ่านจาก เอลนีโญ ในปีก่อน เป็น ลานีญา ในปีนี้
- SCGP (เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 19.00 บาท) Bloomberg Consensus คาดกำไรไตรมาส 2/68 คาดฟื้นตัว QoQ หลังมีการปรับราคาขายในประเทศอินโดนีเซียขึ้น ส่งผลให้ Fajar มี EBITDA ฟื้นตัว แต่ปรับตัวลดลง YoY หลังอุปสงค์หลักของภูมิภาคอย่างจีน ชะลอตัวลง
- OSP (เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 18.70 บาท) เราคาดกำไรเติบโต YoY หนุนจาก GPM อยู่ในระดับสูง หักล้างปริมาณการขายจะปรับตัวลดลง ในขณะที่ QoQ ลดลงจากปัจจัยฤดูกาล
website : mgronline.com
facebook : MGRonlineLive
twitter : @MGROnlineLive
instagram : mgronline
line : MGROnline
youtube : MGR Online VDO