อดีตสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งเกาหลีใต้ “คิม กึนฮี” ถูกสอบโยงคดีปั่นราคาเหรียญคริปโต
ทีมอัยการพิเศษเกาหลีใต้เร่งสอบสวน “คิม กึนฮี” อดีตภริยาผู้นำประเทศ หลังพบเงื่อนงำเชื่อมโยงกับ “Jon Bur Kim” มาร์เก็ตเมกเกอร์คริปโตชื่อดังซึ่งถูกกล่าวหาว่าหลอกลวงและยักยอกเงินผ่านเหรียญ Altcoin ราคาต่ำ ขณะที่ผู้เกี่ยวข้องระดับสูงทยอยถูกเรียกสอบ สื่อจับตาคดีนี้อาจโยงถึงการใช้อำนาจรัฐเพื่อแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม
เกาหลีใต้กำลังเผชิญกระแสแรงกระเพื่อมทางการเมืองและการเงินอีกครั้ง เมื่อทีมอัยการพิเศษเปิดเผยว่ากำลังตรวจสอบความเชื่อมโยงระหว่าง “คิม กึนฮี” อดีตสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งของประเทศ กับ “Jon Bur Kim” หรือปาร์ค วัย 44 ปี มาร์เก็ตเมกเกอร์คริปโตชื่อกระฉ่อนซึ่งตกเป็นผู้ต้องหาคดีฉ้อโกงครั้งใหญ่ โดยคดีนี้อาจนำไปสู่การเปิดโปงเครือข่ายอำนาจเงาที่ใช้กลไกรัฐเอื้อผลประโยชน์ในตลาดสินทรัพย์ดิจิทัล
แหล่งข่าวจาก OhMyNews รายงานว่า ทีมอัยการซึ่งรับผิดชอบสืบสวนกรณีคิม กึนฮี ได้ยื่นคำร้องขอเอกสารสอบสวนจากคดีของปาร์ค ซึ่งอยู่ในระหว่างการดำเนินคดีข้อหาหลอกลวงนักลงทุนด้วยเหรียญ Altcoin ที่ไม่มีมูลค่าพื้นฐานชัดเจน
ตามรายงานของสื่อเกาหลีใต้ ระบุว่า การเคลื่อนไหวของอัยการเป็นการส่งสัญญาณว่า อดีตสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่ง หรือบุคคลใกล้ชิดของเธอ อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการหลอกลวงที่ใช้เทคโนโลยีคริปโตเป็นฉากหน้าในการกวาดเงินจากนักลงทุน
ในอดีต คิม กึนฮี เคยตกเป็นเป้าสงสัยเรื่องการใช้อิทธิพลแทรกแซงภาครัฐและกระบวนการยุติธรรมระหว่างดำรงตำแหน่งภริยาของ “ยุน ซอกยอล” อดีตประธานาธิบดีที่ถูกถอดออกจากตำแหน่งเมื่อต้นปีนี้ หลังจากพยายามประกาศกฎอัยการศึกในช่วงความวุ่นวายทางการเมืองปลายปี 2567
บุคคลใกล้ชิดถูกเรียกสอบ-คดีสินบนโยงตลาดหุ้น
เมื่อวันที่ 21 กรกฎาคมที่ผ่านมา อัยการได้เรียกตัว “อี จองโฮ” อดีตประธานบริษัทลงทุน Blackpearl Invest และบุคคลใกล้ชิดของคิม มาสอบสวน พร้อมทั้งเข้าตรวจค้นบ้านและยานพาหนะของเขา
เจ้าหน้าที่สืบสวนเชื่อว่า อีได้รับเงินสินบนมูลค่า 58,000 ดอลลาร์จากผู้บริหารในธุรกิจรถยนต์ ที่กำลังถูกสอบสวนในคดีปั่นราคาหุ้น โดยมีหลักฐานว่าอีอาจใช้อิทธิพลจากคิม เพื่อกดดันฝ่ายตุลาการให้ตัดสินลงโทษแบบรอลงอาญา
ขณะที่ข้อมูลจากฝ่ายสืบสวนยังชี้ว่า อีอาจมีสิทธิ์เข้าถึงบัญชีธนาคารของคิม กึนฮี และอาจเป็นผู้จัดการกระแสเงินที่เชื่อมโยงกับการฉ้อโกงคริปโต
มาร์เก็ตเมกเกอร์ชื่อดังถูกจับ โยงเหรียญ “Atube” พัวพัน
ด้านปาร์ค ผู้ต้องหาหลักของคดี ถูกจับพร้อมกับ “มูน” ซีอีโอของบริษัทซอฟต์แวร์ หลังมีหลักฐานว่าร่วมกันออกเหรียญ Atube ในปี 2564 0ซึ่งเป็นเหรียญที่ไม่มีมูลค่าพื้นฐาน และมีพฤติกรรมเข้าข่ายหลอกลวงผู้ลงทุน โดยการระดมทุนแบบปั่นราคาก่อนเทขาย (pump and dump)
ไม่เพียงเท่านั้น ปาร์คยังตกเป็นผู้ต้องสงสัยในโครงการเหรียญอีกตัวชื่อ “Podo” ซึ่งเจ้าหน้าที่สืบสวนเชื่อว่ามีการยักยอกเงินสูงถึง 80,000 ล้านวอน ด้วยกลไกคล้ายกัน
ต่อมาวันที่ เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2566 ปาร์คพยายามหลบหนีออกนอกประเทศทางเรือไปยังจีน แต่ถูกพายุขัดขวาง ก่อนจะถูกหน่วยยามฝั่งจับกุมหลังพบตัวเขาลักลอบขึ้นเรืออย่างลับๆ
อย่างไรก็ตจามก่อนถูกจับกุม ปาร์คเคยโพสต์ชีวิตหรูหราผ่านโซเชียลอย่างเปิดเผย โดยเฉพาะคอลเลกชันรถซูเปอร์คาร์ราคาแพงจำนวนมาก ซึ่งต่อมาทรัพย์สินเหล่านี้รวมถึงคริปโตหลายบัญชีถูกยึดโดยอัยการ
ปริศนาเครือข่ายการเงินที่ซ่อนอยู่
แหล่งข่าวระบุว่า ทรัพย์สินของปาร์คมีมูลค่า “อย่างน้อยระดับหลายแสนล้านวอน” และกระจายอยู่ทั้งในและต่างประเทศ โดยเฉพาะอสังหาริมทรัพย์ในทำเลไฮเอนด์
อย่างไรก็ดีแม้อัยการจะยังไม่เปิดเผยต่อสื่อว่าคิม กึนฮี มีบทบาทในกระบวนการฉ้อโกงหรือไม่ แต่การที่อัยการพิเศษขอเอกสารการสอบสวนปาร์คโดยตรงนั้น ทำให้สื่อในประเทศวิเคราะห์ว่า อาจมีหลักฐานเชื่อมโยงที่มากกว่าการ “รู้จักกันเฉยๆ”
ขณะที่สื่อ OhMyNews พยายามขอคำชี้แจงจากคณะอัยการพิเศษ แต่ยังไม่ได้รับการตอบกลับแต่อย่างใด
ทั้งนี้ คดีนี้สะท้อนความเสี่ยงของตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลในมิติที่หลายประเทศกำลังเผชิญ คือการแฝงตัวของ “ทุนการเมือง” ที่เข้ามาสั่นคลอนทั้งความโปร่งใสและความน่าเชื่อถือของระบบการเงินใหม่ หากการสอบสวนขยายผลไปสู่การพิสูจน์ว่าผู้นำหรือบุคคลระดับสูงเกี่ยวข้องกับขบวนการหลอกลวง อาจส่งแรงกระแทกอย่างรุนแรงต่อความเชื่อมั่นทั้งในตลาดคริปโตและโครงสร้างอำนาจของเกาหลีใต้ในระยะยาว
website : mgronline.com
facebook : MGRonlineLive
twitter : @MGROnlineLive
instagram : mgronline
line : MGROnline
youtube : MGR Online VDO